xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารผ่านโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ทึ่ง! พบคัมภีร์โบราณซ่อนในเศียรพระพุทธรูป
เกาหลีใต้ : เว็บไซต์ koreatimes.co.kr รายงานว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 สถาบันวิจัยมรดกวัฒนธรรมทางพุทธศาสนาเผยว่า พบคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณยุคอาณาจักรโครยอ ซ่อนอยู่ในเศียรพระพุทธรูปประทับนั่ง ซึ่งสร้างในยุคโชซอน (ค.ศ.1392-1897) ภายในวัดซิลซัง เมืองนัมวอน จังหวัดช็อลลาเหนือ ประเทศเกาหลีใต้

โดยทางวัดและสถาบันได้นำพระพุทธรูปดังกล่าวเข้าเครื่องตรวจ 3D-CT พบคัมภีร์พระสูตรปรัชญาปารมิตา ซึ่งเป็นพระสูตรสำคัญในพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ขนาดกว้าง 11.8 ซม. ยาว 30.6 ซม.เขียนด้วยหมึกสีเงินลงบนกระดาษเยื่อไม้มัลเบอรี่

“เป็นครั้งแรกที่มีการใช้เครื่องตรวจ 3D-CT ในงานวิจัยพระพุทธรูปของเรา และพบว่ามีกระดาษพับที่เขียนด้วยน้ำหมึกที่ทำจากโลหะ ซ่อนอยู่ในเศียรพระพุทธรูปภายในวัดซิลซัง เราจึงตัดสินใจนำออกมาเพื่ออนุรักษ์ เพราะคัมภีร์พระสูตรที่เขียนด้วยหมึกสีเงิน หายากมาก มีเพียง 4 เล่มเท่านั้นที่พบในเกาหลี” ลิม ซอก-กู นักวิจัยของสถาบันฯกล่าว โดยก่อนหน้านี้ในค.ศ.2005 ทางสถาบันได้เคยเอ็กซเรย์พระพุทธรูป และพบว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายในritเศียร แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าคืออะไร

ทั้งนี้ มีข้อความจารึกบนคัมภีร์ว่า “ทำขึ้นโดยคำขอของ ลี จาง เก และภรรยา” ซึ่ง ซอง อิลกี ศาสตราจารย์บรรณารักษศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชุงอัง เผยว่า ทั้งคู่ทำคัมภีร์ดังกล่าวขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่บรรพบุรุษ และปัดเป่าโชคร้าย

ซองอ้างว่า พระสูตรที่พบในครั้งนี้ มีคุณค่าเทียบเท่าพระสูตรโบราณยุคคริสต์ศตวรรษที่ 14 ที่ซ่อนอยู่ภายในพระไวโรจนะพุทธะ วัดกิริม เมืองคย็องจู ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติหมายเลข 959

ปากีสถานเตรียมตั้งมหาวิทยาลัยนานาชาติคันธาระ ช่วยฟื้นฟูความรู้ดั้งเดิมในพุทธศาสนา
ปากีสถาน : หนังสือพิมพ์ Pakistan observer รายงานว่า รัฐบาลปากีสถานวางแผนที่จะก่อตั้งมหาวิทยาลัยนานาชาติคันธาระที่เมืองตักศิลา โดยตั้งเป้าเน้นด้านมรดกวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของปากีสถาน และเพื่อดึงดูดนักวิชาการที่สนใจงานวิจัยเกี่ยวกับศาสนาพุทธและศาสนาอื่นๆ

ทั้งนี้แหล่งข่าวที่เป็นทางการเผยว่า นายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานได้ลงนามอนุมัติโครงการก่อตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย และให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาETPB (Evacuee Trust Property Board) เพื่อดูแลโครงการ

ซิดดิกัลฟารุค ประธาน ETPB เผยว่า มหาวิทยาลัยนานาชาติคันธาระจะเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนา พุทธศิลป์ และพุทธสถาปัตยกรรม รวมถึงเป็นศูนย์กลางความกลมเกลียวของศาสนาต่างๆ ซึ่งจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงศาสนา นักวิชาการ และนักวิจัย จากทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศเกาหลีและญี่ปุ่น

นอกจากนี้ หุบเขาตักศิลายังเป็นแหล่งที่ตั้งของโบราณสถานทางพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ดังนั้น การก่อตั้งมหาวิทยาลัยดังกล่าว จะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูความรู้ดั้งเดิมในพุทธศาสนาอีกด้วย

ม.เคมบริดจ์จัดแสดงคัมภีร์ใบลานเก่าอายุ 1,000 ปี
อังกฤษ : เว็บไซต์ hindustantimes.com รายงานว่า มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ให้ความสำคัญกับคัมภีร์ใบลานภาษาสันสกฤตที่เก่าแก่ที่สุด จารึกเหตุการณ์ต่างๆในพุทธประวัติ โดยนำเสนอในรูปแบบหนังสั้น อันเป็นส่วนหนึ่งของโครงการแกะกล่องประเทศอินเดีย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองปีแห่งวัฒนธรรมอังกฤษ-อินเดีย ซึ่งจัดขึ้นตลอดปี ค.ศ. 2017

มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เป็นมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่ก่อตั้งขึ้นในค.ศ. 1209 เก็บสะสมวัตถุจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับประเทศอินเดียเป็นเวลานานกว่า 800 ปี ไว้ที่พิพิธภัณฑ์ 8 แห่งของมหาวิทยาลัย สวนพฤกษศาสตร์ ศูนย์เอเชียใต้ศึกษา และห้องสมุดมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์

คัมภีร์ดังกล่าวมีอายุราว 1,000 ปี จารึกหนึ่งในพระสูตรที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ อัษฏสาหสริกา ปรัชญาปารมิตา ซึ่งนำเสนอหนทางสู่การรู้แจ้งเห็นจริง และนำเสนอแนวคิดพุทธศาสนาเบื้องต้นอย่างเป็นทางการรวมทั้งการเล่าเรื่องพร้อมภาพประกอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆในพุทธประวัติ ได้แก่ ประสูติ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน โปรดช้างนาฬาคิรี ลิงถวายรวงผึ้ง และเสด็จกลับเมืองสังกัสนครหลังแสดงธรรมโปรดพุทธมารดา

มัลวิกา แอนเดอร์สัน เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมดูแลพิพิธภัณฑ์ต่างๆของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ กล่าวถึงคัมภีร์ภาษาสันสกฤตนี้ว่า “แม้ภาพวาดอันสวยงามซึ่งยังคงสภาพดีจำนวนมากนี้จะมีขนาดเล็ก แต่ก็เต็มไปด้วยความซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ รายละเอียดต่างๆที่ถูกจารึกลงบนคัมภีร์เป็นเรื่องที่น่าฉงน ผ่านมาถึงปัจจุบันกว่า 1,000 ปีแล้ว คัมภีร์ใบลานยังคงเป็นสิ่งที่ช่วยเรื่องงานวิจัยต่อเนื่องที่เกี่ยวกับประเพณีความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล พิธีกรรมทางศาสนา แนวคิดด้านวรรณกรรมและการเมืองของเอเชียใต้”

จีนเตรียมเปิด ม.นาลันทา ยิ่งใหญ่กว่าอินเดีย
จีน : สำนักข่าว Express News Service รายงานว่า หลังจากกระทรวงศึกษาธิการของจีน ได้ก่อสร้างมหาวิทยาลัยนาลันทาขึ้นในประเทศอย่างเงียบๆ ขณะนี้ได้ประกาศเปิดรับนักศึกษาอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 แซงหน้ามหาวิทยาลัยนาลันทา ในรัฐพิหาร ประเทศอินเดีย ซึ่งวางแผนสร้างเกือบ 10 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันพื้นที่ก่อสร้าง 455 เอเคอร์ (1,150 ไร่) ยังคงว่างเปล่า

มหาวิทยาลัยนาลันทาฉบับจีน หรือวิทยาลัยสงฆ์หนานไห่ (Nanhai Buddhist College) ก่อสร้างบนพื้นที่ 618.8 เอเคอร์ (1,565 ไร่) บนเทือกเขาหนานซาน ในมณฑลไหหลำ หันหน้าสู่ทะเล โดยตั้งชื่อแนวชายฝั่งทะเลของมหาวิทยาลัยว่า “Brahma Pure Land” หรือ “ดินแดนพระพรหมสุขาวดี” ด้วยแนวคิดจากโยคะวาสิทธะและพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน

โดยได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากศูนย์พุทธศาสนาต่างๆในประเทศไทย ศรีลังกา เนปาล และกัมพูชา มีพระหยิน ชุน ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัดซงหัว เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล เป็นพระอธิการบดี เปิดสอนระดับปริญญาตรี 4 ปี แบ่งเป็น 6 คณะ สอนด้วยภาษาจีน บาลี และทิเบต เปิดรับนักศึกษารุ่นแรก 220 คน และเริ่มภาคการศึกษาในเดือนกันยายน 2017

อนึ่ง มหาวิทยาลัยนาลันทาในอินเดีย เปิดสอนครั้งแรกในค.ศ.2014 มีนักศึกษาเพียง 14 คน อาจารย์ 11 คน ทั้งนี้ ในค.ศ.2006 จีนเป็นหนึ่งในประเทศต่างๆทั่วโลก ที่สนับสนุนแนวคิดการก่อตั้งมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาในอดีตขึ้นมาใหม่ ซึ่งในค.ศ.2007 รัฐบาลอินเดียยุคมันโมฮันซิงห์ ได้แต่งตั้งทีมงานขึ้นเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

ตะลึง!! พระพุทธรูปทำจากเถ้ากระดูก 223,000 ศพ
ญี่ปุ่น : สำนักข่าว The Asahi Shimbun รายงานว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2017 วัดอิซชินจิ เมืองโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ได้ทำพิธีเปิดผ้าคลุมพระอมิตาภพุทธะ ซึ่งทำจากเถ้ากระดูกศพ ที่เรียกว่า คอตสึบุตสึ (Kotsubutsu) องค์ล่าสุด ซึ่งทำจากเถ้ากระดูกศพมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

วัดดังกล่าวมีประเพณีโบราณซึ่งเริ่มในค.ศ.1887 มีการนำกระดูกศพที่ฝังภายในวัดมาบดละเอียด จากนั้นนำมาผสมกับปูนซีเมนต์และน้ำ สร้างเป็นพระอมิตาภพุทธะ โดยจะสร้างขึ้นทุกๆ 10 ปี ที่ผ่านมาทางวัดได้รับเถ้ากระดูกกว่า 2 ล้านศพไม่จำกัดนิกายจากในและนอกประเทศ นำมาสร้างเป็นพระพุทธรูปหลายองค์แล้ว

พระอมิตาภพุทธะองค์ล่าสุดเป็นองค์ที่ 14 สูง 2.5 เมตร สร้างด้วยเถ้ากระดูก 223,000 ศพ ที่ฝังภายในวัดระหว่างค.ศ. 2007-2016 ซึ่งพระเกียวเต็น ทาคากูชิ เจ้าอาวาสวัดอิซชินจิ พร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาราว 250 คน ร่วมกันสวดมนต์ทำพิธีต่อหน้าองค์พระ

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่วัดอิซชินจิเผยว่า มีกลุ่มคนที่ไม่อาจเดินทางมาดูแลหลุมศพบรรพบุรุษได้ เนื่องจากอยู่ห่างไกล หรือไม่มีลูกหลานรับช่วงดูแลหลุมศพต่อ จะนำอัฐิมาฝากไว้ที่วัดเพื่อนำไปสร้างพระพุทธรูป ขณะที่เจ้าอาวาสวัย 48 ปีเสริมว่า

“เมื่อคุณได้เป็นส่วนหนึ่งของพระอมิตาภพุทธะที่ทำจากเถ้ากระดูก จะมีคนสวดมนต์ให้คุณ อาตมาคิดว่า มีคนจำนวนมากขึ้นที่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับหลุมศพตัวเองเมื่อตายจากไป ซึ่งการนำอัฐิมาสร้างพระพุทธรูปจะช่วยให้พวกเขาโล่งใจว่าจะไม่ถูกทอดทิ้ง”

อนึ่ง พระอมิตาภพุทธะที่ทำจากเถ้ากระดูก 6 องค์แรกนั้น ถูกเผาไหม้ในระหว่างการทิ้งระเบิดทางอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรในค.ศ.1945 เพื่อโจมตีนครโอซากาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่อีก 7 องค์ยังคงรอดมาได้จนถึงปัจจุบัน

เกจิอาจารย์พุทธเตือน...อย่าบริจาคเงินทางเพจเฟซบุ๊กปลอม
สหรัฐอเมริกา : เว็บไซต์ lionsroar.com รายงานว่า ที่ทำการของ “Dzogchen Ponlop Rinpoche” แถลงว่า เนื่องจากในเดือนมกราคม 2017 มีผู้ติดตามเพจเฟซบุ๊กที่เป็นทางการของDzongchen Ponlop Rinpoche จำนวนหนึ่ง เริ่มได้รับข้อความจากเพจเฟซบุ๊กปลอมที่เลียนแบบเพจของท่าน เพื่อขอรับบริจาคเงินนั้น

ที่ทำการฯจึงได้ลงข้อความในเพจเฟซบุ๊กที่เป็นทางการ เตือนบรรดาผู้ติดตามให้ระวังการหลอกลวง และระบุวิธีสังเกตเพจปลอม และหลังการส่งรายงานความผิดปกติเพจปลอมดังกล่าวได้ถูกลบ แต่อีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีการเปิดเพจปลอมขึ้นมาใหม่

ดูเหมือนว่า เพจเฟซบุ๊กปลอมเหล่านี้ ตั้งใจทำเลียนแบบเพจของบรรดารินโปเช (พระลามะชั้นสูงของทิเบต) โดยเฉพาะ ซึ่ง Yongey Mingyur Rinpoche, Sogyal Rinpoche, Khenchen Konchog Gyaltshen Rinpoche และ DzigarKongtrul Rinpoche ได้ลงข้อความเตือนเรื่องเพจปลอมบนเพจเฟซบุ๊คที่เป็นทางการของพวกท่านแล้ว

หากท่านได้รับข้อความจากเกจิอาจารย์ทางเพจเฟซบุ๊กที่น่าสงสัย เพื่อขอรับบริจาคเงินละก็ โปรดส่งรายงาน และอย่าบริจาคเงิน การรณรงค์หาเงินบริจาคอย่างถูกต้องตามกฎหมายขององค์กรพุทธ จะลงข้อความบนเพจเฟซบุ๊กที่เป็นทางการขององค์กรนั้นๆ ไม่มีการขอรับบริจาคด้วยการส่งข้อความโดยตรงไปยังผู้ติดตามทางเฟซบุ๊ก

ขุดพบซากวัดโบราณอายุ 1,000 ปีกลางเมืองเฉิงตู
จีน : เว็บไซต์ shanghaidaily.com รายงานว่า ทีมนักโบราณคดีใช้เวลาหลายเดือนในการขุดสำรวจซากวัดโบราณที่หายสาบสูญเกือบ 1,000 ปีที่แล้ว ณ บริเวณใจกลางเมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน

วัดดังกล่าวมีชื่อว่า วัดฟูกาน เป็นวัดที่มีชื่อเสียงระหว่างยุคราชวงค์จิ้นตะวันออก (ค.ศ.317-420) ถึงยุคราชวงค์ซ่งใต้ (ค.ศ.1127-1279) ซึ่งครั้งหนึ่ง พระอาจารย์เต้าส้วน (Daoxuan)ผู้โด่งดังในยุคราชวงค์ถัง (ค.ศ.618-907) ได้เขียนบันทึกไว้ว่า มีการทำพิธีขอฝนอย่างเป็นทางการ ณ บริเวณด้านหน้าวัด เพื่อขอให้ความแห้งแล้งที่คงอยู่ยาวนานนั้นหมดสิ้นไป และราวกับว่าสวรรค์ได้ยินเสียงสวดวิงวอน จึงบันดาลให้ฝนตกลงมา เลยเป็นที่มาของชื่อวัด ซึ่งมีความหมายว่า “การรับพร”

หลิว หยูซี กวีเอกในยุคราชวงค์ถัง ได้แต่งกวี 1 บทเพื่อร่วมรำลึกถึงการบูรณะวัดฟูกาน โดยพรรณาความงามของวัดดุจดั่งสรวงสวรรค์ และระบุว่าเป็นวัดที่มีบทบาทสำคัญในยุคนั้น แต่ต่อมาวัดถูกทำลายลงในสงครามช่วงปลายยุคราชวงค์ถังและราชวงค์ซ่ง จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม

ทั้งนี้ ทีมนักโบราณคดีได้ขุดพบแผ่นศิลาจารึกพระสูตรกว่า 1,000 ชิ้น รูปประติมากรรมหิน และแผ่นกระเบื้องเคลือบจารึกพระสูตรกว่า 500 ชิ้น ซึ่ง “ยิ ลี้” หัวหน้าโครงการขุดสำรวจเผยว่า พบฐานของวัด ซากอาคารต่างๆโดยรอบ บ่อน้ำ ถนน และคูน้ำ

“เราแค่ขุดสำรวจเพียงส่วนหนึ่งของบริเวณวัดเท่านั้น แต่ก็ได้เห็นร่องรอยความยิ่งใหญ่ในอดีตของวัดแห่งนี้”

ระหว่างการขุดสำรวจ ทีมนักโบราณคดีพบหลุมศพโบราณยุคราชวงค์ซางและราชวงค์โจว ราว 80 หลุม กระจัดกระจายใกล้บริเวณวัด และขุดพบเครื่องมือและภาชนะที่ใช้ในครัวเรือน รวมถึงวัสดุก่อสร้างในช่วงเวลาต่างๆจากยุคราชวงค์ซ่งไปจนถึงราชวงค์หมิงรอบๆบริเวณวัดอีกด้วย

หวัง ยิ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยโบราณวัตถุเมืองเฉิงตู กล่าวว่า ในยุคราชวงค์สุยและราชวงค์ถัง เฉิงตูได้กลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทางด้านตะวันตกของจีน การค้นพบวัดฟูกานช่วยสนับสนุนการศึกษาเรื่องการเผยแผ่ของศาสนาพุทธเข้ามาในจีนในช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างมาก

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 199 กรกฎาคม 2560 โดย เภตรา)
กำลังโหลดความคิดเห็น