xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้คู่สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สูงวัยก็ซ้อมมวยไทยได้ แค่ 1 นาทีก็ดีต่อหัวใจและปอด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์เคิร์ต แจ็คสัน แห่งมหาวิทยาลัยเดย์ตันในโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ศึกษาการต่อยมวยไทย บอกว่า กีฬาชนิดนี้ช่วยฝึกให้การทรงตัวดีขึ้น มีพละกำลังมากขึ้น มีความคล่องแคล่วมากขึ้น และทุกคนแม้จะสูงวัย ฝึกแล้วก็ได้ประโยชน์

จริงอยู่ การยกเวทช่วยสร้างกล้ามเนื้อ แต่ถ้าจะสร้างพละกำลังต้องอาศัยการเคลื่อนไหวแบบเร็วและแรง ซึ่งการฝึกต่อยมวยไทย ต้องออกหมัดสั้นซ้ำๆใส่กระสอบนาน 2-3 นาที ต้องเตะและเข่า เรียกได้ว่าเป็นการออกกำลังกายแบบ HIIT (High-Intensity Interval Training) หรือการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ที่ผสมผสานกันระหว่างการออกกำลังกายแบบหนักและการออกกำลังกายแบบเบาๆ

รายงานการวิจัยหลายชิ้นระบุว่า ลักษณะการออกกำลังเช่นนี้ เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ บางชิ้นรายงานว่า แม้ทำเป็นช่วงสั้นๆ แค่ 1 นาที ก็ให้ประโยชน์กับหัวใจและปอด เทียบเท่ากับการออกกำลังกายแบบหนักน้อยกว่านาน 45 นาที

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้สูงวัย ควรปรึกษาแพทย์ก่อน และควรมีครูฝึกช่วยดูแลจะดีที่สุด

ไม่น่าเชื่อ...พยากรณ์โรคสมองเสื่อม จากท่าทางการเดิน
โรคสมองเสื่อมเป็นภัยร้ายที่ก่อตัวเงียบๆ กว่าจะรู้ตัวก็ปรากฏอาการขึ้นแล้ว ล่าสุดมีงานวิจัยชิ้นใหม่ตีพิมพ์ใน Journal of Alzheimer’s Disease ว่า ท่าทางการเดินที่มีปัญหา อาจสะท้อนให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของความจำและความคิดได้

ที่เมโยคลินิค สหรัฐอเมริกา นักวิจัยทำการวัดผลพารามิเตอร์การเดินของผู้สูงอายุวัย 70-89 ปี เช่น ระยะความยาวของก้าว เวลาที่ใช้เดินด้วยตัวเอง อัตราความเร็วในการเดิน การนับการก้าวขา จำนวนก้าว/นาที ช่วงเวลาที่เท้าเหยียบพื้นเวลาเดิน เป็นต้น

เมื่อนำข้อมูลที่เก็บตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 มาวิเคราะห์ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ พบการเปลี่ยนแปลงผลหลายครั้ง ที่บอกถึงความเสื่อมถอยของสมอง ความคิด และทักษะการใช้ภาษา รวมถึงการรับรู้ทางสายตาด้านมิติสัมพันธ์กับสิ่งของต่างๆ

งานวิจัยชี้ว่า แม้จะเป็นเรื่องธรรมดา ที่ผู้สูงอายุจะมีท่าเดินแปลกไปมากขึ้น พร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น แต่หากใช้คอมพิวเตอร์ตรวจวิเคราะห์ข้อมูล จะช่วยให้พบความเปลี่ยนแปลงนี้ได้แต่เนิ่นๆ และบอกได้ว่าคนไข้รายใด มีความเสี่ยงสูงที่การรับรู้ทางสติปัญญาจะลดลง ทำให้สามารถรักษาได้อย่างเหมาะสม และการวิเคราะห์ท่าเดินด้วยคอมพิวเตอร์ก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก ไม่ต้องเจ็บตัว แถมยังไม่มีอันตรายต่อร่างกาย

“มะขามป้อม” เจ้าแม่วิตามินซี
มะขามป้อมเป็นแหล่งสารอาหารชั้นดี โดยเฉพาะวิตามินซี ในบรรดาผลไม้ทุกชนิด มะขามป้อมนี่แหละมีมากสุด นอกจากนี้ยังมีสารแทนนิน Emblicanins A และ B ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และเสริมฤทธิ์วิตามินซี จึงช่วยป้องกันและจัดการกับโรคภัยหลายอย่าง

ดร.รูปาลิ ดาทตา หัวหน้านักโภชนาการคลินิก โรงพยาบาลฟอร์ติส-เอสคอร์ตส์ ประเทศอินเดีย บอกว่า “ในมะขามป้อมมีวิตามินซีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมตามวัย และจำเป็นสำหรับการสร้างคอลลาเจน จึงช่วยให้ผิวและผมแข็งแรง ภูมิคุ้มกันก็ดีขึ้น”

ส่วน ดร.อาร์จิ ชาร์มา ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการน้ำหนัก บอกว่า กินน้ำมะขามป้อมวันละ 2 ช้อนชา ผสมกับน้ำผึ้ง ช่วยแก้ไอ หรือผสมในน้ำแล้วอมกลั้วคอ ก็จะช่วยบรรเทาอาการแผลในปาก

นอกจากนี้ จดหมายข่าวสถาบันวิจัยสมุนไพร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยังระบุด้วยว่าน้ำคั้นผลมะขามป้อมสด มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดพิษต่อตับ ยับยั้งการเกิดมะเร็งตับในสัตว์ทดลอง

ขึ้นชื่อว่าวิตามินซีระดับเจ้าแม่อย่างนี้ ฤทธิ์แก่กล้าที่สุดเมื่อเป็นผลสด แต่จะกินผลแห้ง แบบคั้นน้ำ แบบผงชงชา ก็ “ได้หมด ถ้าสดชื่น” ซึ่งปริมาณวิตามินซีอาจจะลดลงก็จริง แต่ถ้าเทียบกับฝรั่งสด มะขามป้อมผงแห้งก็ยังมากกว่าเกินเท่าตัว

น่ากลัวกว่าน้ำหนัก ก็พุงนี่แหละ ยิ่งพุงใหญ่ อายุยิ่งสั้น
หลายคนพอสูงวัย น้ำหนักก็ขึ้นเอาๆ พร้อมกับพาโรคภัยสารพัดมาด้วย แต่ไม่ใช่น้ำหนักหรอกที่เป็นศัตรูร้าย พุงนี่แหละที่ร้ายกว่า เพราะจากการสำรวจผู้หญิงวัย 70-79 ปี ที่มีน้ำหนักเกินหรืออ้วน ถ้ามีพุงด้วยแล้ว อายุจะสั้นกว่าคนไม่มีพุง

“ไขมันที่พุงเป็นอันตรายต่อชีวิตมากกว่าภาวะน้ำหนักเกิน” จาวเฉิน หัวหน้าทีมวิจัยแผนกระบาดวิทยาและชีวสถิติ คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยแอริโซนา สหรัฐอเมริกา สรุปผลการวิจัยที่ทำร่วมกับสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of the American Geriatrics Society ว่า “ความเสี่ยงต่อชีวิตสูงขึ้นถ้ารอบเอวมากกว่า 31.5 นิ้ว (80 เซนติเมตร) และถ้าตัวเลขขยับไปถึง 35 นิ้ว (88 เซนติเมตร) ก็ถือว่าเสี่ยงมาก”

ตัวเลขนี้เป็นค่าเฉลี่ยจากการสำรวจในงานวิจัย แต่จากการทบทวนงานวิจัยต่างๆ ทางเครือข่ายคนไทยไร้พุง เสนอวิธีคำนวณรอบเอวที่เหมาะสมสำหรับแต่ละคนว่า ให้หารความสูงด้วยสอง ก็จะได้ตัวเลขขนาดเอวที่เหมาะสม เช่น สูง 168 เซนติเมตร ควรจะมีรอบเอว 84 เซนติเมตร

เพราะฉะนั้น ผู้สูงวัยไม่จำเป็นต้องผอม หรือรักษาน้ำหนักให้เท่ากับตอนเป็นหนุ่มสาว ถ้าน้ำหนักขึ้นเล็กน้อย จะดีกับสุขภาพมากกว่า ยกเว้นแต่เรื่องพุงรอบเอวที่ต้องไม่สะสม ซึ่งวิธีการก็คือ ดูแลเรื่องอาหารการกิน และออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะได้ลดความเสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ และอายุก็จะยืนยาวมากขึ้นด้วย

ถึงจะหลับ ร่างกายก็ขาดน้ำได้นะ
ปกติร่างกายขับน้ำออกตลอดเวลา แม้จะเป็นช่วงนอนหลับ 8 ชั่วโมง ซึ่งนานถึง 1 ใน 3 ของเวลาทั้งวัน ร่างกายก็ยังเสียน้ำไปไม่น้อย

วารสาร Sleep Medicine ตีพิมพ์บทความทางการแพทย์จาก Henri Poincare University ประเทศฝรั่งเศส ชี้ว่าการนอนกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำ และยังอ้างถึงการศึกษาชิ้นอื่นๆ ที่ระบุว่า คนที่หายใจทางปาก ร่างกายจะสูญเสียน้ำมากกว่าคนที่หายใจทางจมูกถึง 42%

ภาวะขาดน้ำส่งผลต่อความจำ ระดับความเครียด ความเอาใจใส่ในหน้าที่การงาน ประสิทธิภาพทางกายและการรับรู้ รวมถึงอารมณ์ด้วย สังเกตง่ายๆ เวลาที่ร่างกายขาดน้ำ เรามักจะรู้สึกอ่อนเพลีย มึนหัว ปากแห้ง หิวน้ำ ถ้าตื่นนอนแล้วรู้สึกอย่างนี้ทันที แสดงว่าร่างกายเสียน้ำไปมากระหว่างนอนหลับ

ฉะนั้น ควรสร้างนิสัยการดื่มน้ำให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น วางขวดน้ำไว้บนโต๊ะ และตั้งเวลาดื่มน้ำทุก 2 ชั่วโมงในระหว่างวัน และเมื่อตื่นนอนก็ควรดื่มน้ำทันที

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 197 พฤษภาคม 2560 โดย ธาราทิพย์)
กำลังโหลดความคิดเห็น