ช่วยกันดับไฟสงคราม ในวันแห่งสันติภาพโลก
“วิสาขบูชา” วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้แสดงธรรมเนื่องในวันวิสาขบูชา พ.ศ. 2547 ความตอนหนึ่งว่า
“วันวิสาขบูชาคือวันขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงเสวยวิสาขฤกษ์ ในเดือน 6 เป็นวันที่เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พระพุทธศักราช 2542 สหประชาชาติได้ประกาศความมีปัญญาสว่างไสว มีสัมมาทิฏฐิยิ่งใหญ่ โดยได้ประกาศยอมรับพระพุทธศาสนาเป็นวันสำคัญของโลก โดยมีวันวิสาขบูชาเป็นวันบูชาวันหนึ่งของโลก วันแห่งสันติภาพโลก สันติภาพที่รู้กันดีถ้วนหน้า ว่าเป็นความสงบสุขที่ปรารถนาอย่างยิ่งของทุกชาติทุกศาสนา และเป็นสันติภาพที่สหประชาชาติยอมรับอย่างเชื่อมั่นจริงใจต่อโลก ว่าคือวันวิสาขบูชา วันเสด็จประสูติ วันทรงตรัสรู้ และวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน แห่งสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงพระคุณหาที่เปรียบมิได้...
...ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ที่ยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือความยิ่งใหญ่สูงส่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งนั้น ทรงเป็นพระผู้ทรงชนะที่ไม่กลับแพ้ ก็ด้วยพระคุณทั้งสาม ทั้งด้วยพระคุณนี้ยังทรงสามารถนำผู้ไม่ดื้อกับพระองค์ เชื่อฟังปฏิบัติตามที่ทรงสอนอย่างจริงจังสม่ำเสมอ ให้ได้เป็นผู้ชนะที่ไม่กลับแพ้ เช่นเดียวกับพระพุทธองค์ มีจำนวนไม่น้อย ตั้งแต่ยังทรงพระชนมายุสังขารอยู่ และแม้จนทุกวันนี้ ที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว...”
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือสมถกัมมัฏฐาน ความตอนหนึ่งว่า
“...แท้จริงคุณของพระพุทธเจ้านั้น ถ้าจะกล่าวพรรณนาไปเป็นอย่างๆแล้ว พระคุณมากนัก ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ใครมีปัญญามาก รู้มาก ก็ระลึกตรึกคิดไปได้มาก ใครมีปัญญาน้อย รู้น้อย ก็ระลึกตรึกคิดไปได้น้อย เหมือนอย่างคนที่มีเชือกสมอยาว ทอดสมอลงไปในน้ำลึก คนที่มีเชือกสมอสั้น ทอดได้แต่ในที่น้ำตื้นๆ ฉะนั้น…”
ในวันวิสาขบูชาที่สำคัญยิ่งเช่นนี้ นอกจากการไปเวียนเทียนที่วัดเพื่อเป็นการบูชาตามประเพณีแล้ว ควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะได้เจริญพุทธานุสสติ ระลึกในพระพุทธคุณแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และตั้งมั่นปฏิบัติบูชา ตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างถึงที่สุด เพื่อสันติภาพคือความสุขสงบจะเกิดกับตนและโลกตลอดไป เป็นการช่วยกันดับไฟสงครามในโลกที่กำลังก่อตัวขึ้นอีกในยามนี้
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 197 พฤษภาคม 2560)
“วิสาขบูชา” วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตรงกับวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้แสดงธรรมเนื่องในวันวิสาขบูชา พ.ศ. 2547 ความตอนหนึ่งว่า
“วันวิสาขบูชาคือวันขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวงเสวยวิสาขฤกษ์ ในเดือน 6 เป็นวันที่เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พระพุทธศักราช 2542 สหประชาชาติได้ประกาศความมีปัญญาสว่างไสว มีสัมมาทิฏฐิยิ่งใหญ่ โดยได้ประกาศยอมรับพระพุทธศาสนาเป็นวันสำคัญของโลก โดยมีวันวิสาขบูชาเป็นวันบูชาวันหนึ่งของโลก วันแห่งสันติภาพโลก สันติภาพที่รู้กันดีถ้วนหน้า ว่าเป็นความสงบสุขที่ปรารถนาอย่างยิ่งของทุกชาติทุกศาสนา และเป็นสันติภาพที่สหประชาชาติยอมรับอย่างเชื่อมั่นจริงใจต่อโลก ว่าคือวันวิสาขบูชา วันเสด็จประสูติ วันทรงตรัสรู้ และวันเสด็จดับขันธปรินิพพาน แห่งสมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระผู้ทรงพระคุณหาที่เปรียบมิได้...
...ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระบริสุทธิคุณ ที่ยิ่งใหญ่สูงสุดเหนือความยิ่งใหญ่สูงส่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกทั้งนั้น ทรงเป็นพระผู้ทรงชนะที่ไม่กลับแพ้ ก็ด้วยพระคุณทั้งสาม ทั้งด้วยพระคุณนี้ยังทรงสามารถนำผู้ไม่ดื้อกับพระองค์ เชื่อฟังปฏิบัติตามที่ทรงสอนอย่างจริงจังสม่ำเสมอ ให้ได้เป็นผู้ชนะที่ไม่กลับแพ้ เช่นเดียวกับพระพุทธองค์ มีจำนวนไม่น้อย ตั้งแต่ยังทรงพระชนมายุสังขารอยู่ และแม้จนทุกวันนี้ ที่เสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว...”
สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส สมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือสมถกัมมัฏฐาน ความตอนหนึ่งว่า
“...แท้จริงคุณของพระพุทธเจ้านั้น ถ้าจะกล่าวพรรณนาไปเป็นอย่างๆแล้ว พระคุณมากนัก ไม่มีที่สุด ไม่มีประมาณ ใครมีปัญญามาก รู้มาก ก็ระลึกตรึกคิดไปได้มาก ใครมีปัญญาน้อย รู้น้อย ก็ระลึกตรึกคิดไปได้น้อย เหมือนอย่างคนที่มีเชือกสมอยาว ทอดสมอลงไปในน้ำลึก คนที่มีเชือกสมอสั้น ทอดได้แต่ในที่น้ำตื้นๆ ฉะนั้น…”
ในวันวิสาขบูชาที่สำคัญยิ่งเช่นนี้ นอกจากการไปเวียนเทียนที่วัดเพื่อเป็นการบูชาตามประเพณีแล้ว ควรที่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายจะได้เจริญพุทธานุสสติ ระลึกในพระพุทธคุณแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และตั้งมั่นปฏิบัติบูชา ตามคำสอนของพระพุทธองค์อย่างถึงที่สุด เพื่อสันติภาพคือความสุขสงบจะเกิดกับตนและโลกตลอดไป เป็นการช่วยกันดับไฟสงครามในโลกที่กำลังก่อตัวขึ้นอีกในยามนี้
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 197 พฤษภาคม 2560)