การปฐมพยาบาลและการดูแลรักษาตนเองเบื้องต้นอย่างถูกวิธี จะช่วยลดและบรรเทาอาการปวดหรืออาการบาดเจ็บได้
• เมื่อใดจะต้องประคบเย็น?
1. มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ข้อเท้าแพลง รอยฟกช้ำ จากการกระแทก อาการปวดหรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา การออกกำลังกาย เป็นต้น
2. อาการปวดเฉียบพลันของส่วนต่างๆ เช่น ปวดไหล่ ปวดหลัง
3. การอักเสบ บวม แดง ในระยะฉับพลัน
4. อาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้สูง เลือดกำเดาไหล แผลจากของมีคม หรือน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ที่ไม่รุนแรง
• ประคบเย็น... ช่วยได้อย่างไร
ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อยลง ทั้งเลือดที่ออกนอกร่างกายให้เห็นได้ และเลือดที่ออกนอกเส้นเลือดในร่างกาย ดังนั้น อาการบวมก็จะน้อย มีการดูดซึมน้ำกลับเข้าหลอดเลือดช่วยให้ยุบบวม จึงช่วยลดการนำกระแสประสาทที่รับความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้บรรเทาอาการปวดได้
• วิธีการประคบเย็น
1. ประคบทันทีบริเวณที่มีการบาดเจ็บ ภายใน 24-48 ชั่วโมง
2. ใช้เวลาในการประคบ 10-15 นาที ไม่ควรใช้เวลานานกว่านี้ และไม่วางที่เดียวนานเกินไป จะเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อได้
3. ในขณะที่ประคบเย็นให้ยกส่วนที่บาดเจ็บสูงกว่าระดับหัวใจ ไม่ควรนวดบริเวณที่บาดเจ็บ จะทำให้เลือดออกมากขึ้น
4. ประคบได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ต้องทิ้งระยะพักส่วนที่ประคบอย่างน้อย 45-60 นาที หรือจนกว่าผิวบริเวณที่ประคบจะอุ่นเท่าผิวปกติ
• ข้อควรระวังในการประคบเย็น
1. ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติในการรับความรู้สึก
2. บริเวณที่เลือดไปเลี้ยงไม่พอเพียง
3. ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
4. ผู้ป่วยที่มีปฏิกิริยาต่อความเย็น เช่น มีเม็ดเลือดแตก แพ้ความเย็น ทนความเย็นไม่ได้ เส้นประสาทอักเสบจากความเย็น เป็นต้น
• การทำถุงประคบเย็น
วิธีที่ 1 ใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งก้อนหรือทุบเติมน้ำเล็กน้อย ผูกปากถุงให้แน่น (หรือใช้ถุงแบบ ziplock) หุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 2 ใส่น้ำในถ้วยกระดาษหรือถ้วยพลาสติกแช่แข็ง ปิดด้วยพลาสติกด้านบนให้แน่น นำมาวนเป็นวงกลมบริเวณที่บาดเจ็บ
วิธีที่ 3 แช่เจลcold/hot pack ในช่องทำน้ำแข็ง นำมาหุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 4 การประยุกต์ใช้สิ่งที่มีในช่องแช่แข็งในขณะนั้น เช่น อาหารแช่แข็งห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกที่สะอาด และหุ้มด้วยผ้าขนหนู
• เมื่อใดจะต้องประคบร้อน
1. หลังได้รับบาดเจ็บ หรืออาการฟกช้ำ 48-72 ชั่วโมง
2. อาการปวดหรืออักเสบเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดเข่า ตึงบริเวณข้อ
3. อื่นๆ เช่น ปวดประจำเดือน ปวดฟัน เต้านมคัดในช่วงให้นมบุตร
• ประคบร้อน... ช่วยได้อย่างไร
ความร้อนจะช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เพิ่มการไหลเวียนของเลือด การซ่อมแซมการบาดเจ็บดีขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัว และช่วยบรรเทาอาการปวด
• วิธีการประคบร้อน
1. ทดสอบอุณหภูมิที่จะนำมาประคบไม่ให้ร้อนเกินไป
2. วางแผ่นประคบบริเวณที่มีอาการ ประมาณ 15-20 นาที โดยขยับเปลี่ยนบริเวณที่วางบ่อยๆ
• การทำถุงประคบร้อน
วิธีที่ 1 เติมน้ำร้อนประมาณ 2/3 ในกระเป๋าน้ำร้อน ไล่อากาศออก ปิดจุกให้แน่น และหุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 2 ใช้เจลcold/hot pack ใส่ในไมโครเวฟประมาณ 1 นาที หรือแช่ในน้ำร้อน 5 นาที หุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 3 ถุงประคบร้อนสมุนไพร ลูกประคบ หรือประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในขณะนั้น เช่น ถุงข้าวสวย/ข้าวเหนียวร้อนๆ หุ้มด้วยผ้าขนหนู
• ข้อควรระวังในการประคบร้อน
1. ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
2. มีปัญหาอาการชา หรือขาดเลือดไปเลี้ยง
3. บริเวณที่อยู่ใกล้ก้อนเนื้องอกหรือเป็นมะเร็ง
4. ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
5. ความร้อนที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดรอยดำไหม้ หรือแผลพุพองได้
6. บริเวณที่มีแผลเปิด มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• ความจริงเกี่ยวกับการประคบร้อน
ห้ามประคบร้อนในบริเวณที่มีการบาดเจ็บหรืออักเสบฉียบพลัน โดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก
(ข้อมูลจากแผ่นพับงานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 195 มีนาคม 2560 โดย กองบรรณาธิการ)
• เมื่อใดจะต้องประคบเย็น?
1. มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อต่างๆ เช่น ข้อเท้าแพลง รอยฟกช้ำ จากการกระแทก อาการปวดหรือบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา การออกกำลังกาย เป็นต้น
2. อาการปวดเฉียบพลันของส่วนต่างๆ เช่น ปวดไหล่ ปวดหลัง
3. การอักเสบ บวม แดง ในระยะฉับพลัน
4. อาการอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้สูง เลือดกำเดาไหล แผลจากของมีคม หรือน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ที่ไม่รุนแรง
• ประคบเย็น... ช่วยได้อย่างไร
ความเย็นจะช่วยทำให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อยลง ทั้งเลือดที่ออกนอกร่างกายให้เห็นได้ และเลือดที่ออกนอกเส้นเลือดในร่างกาย ดังนั้น อาการบวมก็จะน้อย มีการดูดซึมน้ำกลับเข้าหลอดเลือดช่วยให้ยุบบวม จึงช่วยลดการนำกระแสประสาทที่รับความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้บรรเทาอาการปวดได้
• วิธีการประคบเย็น
1. ประคบทันทีบริเวณที่มีการบาดเจ็บ ภายใน 24-48 ชั่วโมง
2. ใช้เวลาในการประคบ 10-15 นาที ไม่ควรใช้เวลานานกว่านี้ และไม่วางที่เดียวนานเกินไป จะเป็นอันตรายต่อเนื้อเยื่อได้
3. ในขณะที่ประคบเย็นให้ยกส่วนที่บาดเจ็บสูงกว่าระดับหัวใจ ไม่ควรนวดบริเวณที่บาดเจ็บ จะทำให้เลือดออกมากขึ้น
4. ประคบได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่ต้องทิ้งระยะพักส่วนที่ประคบอย่างน้อย 45-60 นาที หรือจนกว่าผิวบริเวณที่ประคบจะอุ่นเท่าผิวปกติ
• ข้อควรระวังในการประคบเย็น
1. ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติในการรับความรู้สึก
2. บริเวณที่เลือดไปเลี้ยงไม่พอเพียง
3. ผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
4. ผู้ป่วยที่มีปฏิกิริยาต่อความเย็น เช่น มีเม็ดเลือดแตก แพ้ความเย็น ทนความเย็นไม่ได้ เส้นประสาทอักเสบจากความเย็น เป็นต้น
• การทำถุงประคบเย็น
วิธีที่ 1 ใช้ถุงพลาสติกใส่น้ำแข็งก้อนหรือทุบเติมน้ำเล็กน้อย ผูกปากถุงให้แน่น (หรือใช้ถุงแบบ ziplock) หุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 2 ใส่น้ำในถ้วยกระดาษหรือถ้วยพลาสติกแช่แข็ง ปิดด้วยพลาสติกด้านบนให้แน่น นำมาวนเป็นวงกลมบริเวณที่บาดเจ็บ
วิธีที่ 3 แช่เจลcold/hot pack ในช่องทำน้ำแข็ง นำมาหุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 4 การประยุกต์ใช้สิ่งที่มีในช่องแช่แข็งในขณะนั้น เช่น อาหารแช่แข็งห่อหุ้มด้วยถุงพลาสติกที่สะอาด และหุ้มด้วยผ้าขนหนู
• เมื่อใดจะต้องประคบร้อน
1. หลังได้รับบาดเจ็บ หรืออาการฟกช้ำ 48-72 ชั่วโมง
2. อาการปวดหรืออักเสบเรื้อรัง เช่น ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดเข่า ตึงบริเวณข้อ
3. อื่นๆ เช่น ปวดประจำเดือน ปวดฟัน เต้านมคัดในช่วงให้นมบุตร
• ประคบร้อน... ช่วยได้อย่างไร
ความร้อนจะช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว ทำให้เพิ่มการไหลเวียนของเลือด การซ่อมแซมการบาดเจ็บดีขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัว และช่วยบรรเทาอาการปวด
• วิธีการประคบร้อน
1. ทดสอบอุณหภูมิที่จะนำมาประคบไม่ให้ร้อนเกินไป
2. วางแผ่นประคบบริเวณที่มีอาการ ประมาณ 15-20 นาที โดยขยับเปลี่ยนบริเวณที่วางบ่อยๆ
• การทำถุงประคบร้อน
วิธีที่ 1 เติมน้ำร้อนประมาณ 2/3 ในกระเป๋าน้ำร้อน ไล่อากาศออก ปิดจุกให้แน่น และหุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 2 ใช้เจลcold/hot pack ใส่ในไมโครเวฟประมาณ 1 นาที หรือแช่ในน้ำร้อน 5 นาที หุ้มด้วยผ้าขนหนู
วิธีที่ 3 ถุงประคบร้อนสมุนไพร ลูกประคบ หรือประยุกต์ใช้สิ่งที่มีอยู่ในขณะนั้น เช่น ถุงข้าวสวย/ข้าวเหนียวร้อนๆ หุ้มด้วยผ้าขนหนู
• ข้อควรระวังในการประคบร้อน
1. ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดออกผิดปกติ
2. มีปัญหาอาการชา หรือขาดเลือดไปเลี้ยง
3. บริเวณที่อยู่ใกล้ก้อนเนื้องอกหรือเป็นมะเร็ง
4. ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาด้านการสื่อสาร
5. ความร้อนที่มากเกินไป อาจทำให้เกิดรอยดำไหม้ หรือแผลพุพองได้
6. บริเวณที่มีแผลเปิด มีโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• ความจริงเกี่ยวกับการประคบร้อน
ห้ามประคบร้อนในบริเวณที่มีการบาดเจ็บหรืออักเสบฉียบพลัน โดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก
(ข้อมูลจากแผ่นพับงานการพยาบาลป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 195 มีนาคม 2560 โดย กองบรรณาธิการ)