นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กรมศิลปากรได้รายงานผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2559 ที่ผ่านมา ในเรื่องต่างๆ โดยหนึ่งในนั้นคือการดำเนินงานด้านโบราณสถาน ได้มีการพัฒนาแหล่งศิลปวัฒนธรรมใหม่ๆ อาทิ ปราสาทสด๊กก๊อกธม ให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์สด๊กก๊อกธม เมืองประวัติศาสตร์เชียงแสนให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์เชียงแสน เมืองโบราณเวียงกุมกาม ให้เป็นอุทยานประวัติศาสตร์เวียงกุมกาม พัฒนาแหล่งเรือโบราณพนมสุรินทร์ จ.สมุทรสาคร รวมทั้งยังเร่งจัดทำเอกสารและหารือ เรื่องเสนอวัดและโบราณสถานเพื่อขึ้นบัญชีมรดกโลกชั่วคราว (Tentative List) 6 แห่ง อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เส้นทางสายวัฒนธรรมไชยา เป็นต้น
อนึ่ง วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่เขตดุสิต กรุงเทพฯ เดิมเป็นวัดโบราณเล็กๆ ชื่อว่า “วัดแหลม” หรือ “วัดไทรทอง” ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นสมัยใด พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดเบญจมบพิตร ให้เป็นพระอารามที่ใหญ่และงดงาม โดยโปรดเกล้าฯให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ออกแบบก่อสร้างพระอุโบสถ พร้อมพระระเบียง ตามแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยโบราณ โดยหินอ่อนที่ประดับตกแต่งพระอุโบสถ พระระเบียง สั่งตรงจากประเทศอิตาลี
และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเบญจมบพิตร” หมายถึง “วัดของพระเจ้าแผ่นดินรัชกาลที่ 5” ต่อมาพระองค์ได้ถวายที่ดินซึ่งขนานนามว่า “ดุสิตวนาราม” ให้เป็นที่วิสุงคามสีมาเพิ่มเติมแก่วัดเบญจมบพิตร โดยโปรดให้เรียกนามรวมกันว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม”
ความงดงามของพระอุโบสถหินอ่อนวัดเบญฯ เป็นที่เลื่องลือในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนเป็นที่มาของชื่อ “The Marble Temple” หรือ “วัดหินอ่อน”
นอกจากนี้ วัดแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดให้จำลองขึ้น เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ
(จากนิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 194 กุมภาพันธ์ 2560 โดย กองบรรณาธิการ)