• “น้ำผึ้ง” ช่วยรักษาแผลมะเร็งช่องปาก
ข่าวดี..นักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบสูตรลับรักษาแผลมะเร็งในช่องปาก และได้จดสิทธิบัตรแล้ว
หลังจากค้นคว้าวิจัยอยู่หลายปี ในที่สุดคณะทำงานที่ประกอบด้วยวิศวกรเคมี นักเทคโนโลยีชีวภาพ และแพทย์จาก IIT Kharagpur ก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแผ่นบำบัดแผลมะเร็งในช่องปากโดยใช้ใยไหม กับน้ำผึ้ง แผ่นบำบัดนี้ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดโอกาสเป็นมะเร็งซ้ำหลังการผ่าตัดรักษา
นักวิจัยคนหนึ่งในทีมบอกว่า “น้ำผึ้งขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพการรักษาแผลอยู่แล้ว ยังสามารถต้านมะเร็งและต้านแบคทีเรียอีกด้วย โดยวิธีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของเซลล์ ด้วยการใช้โครงสร้างโปรตีนไฟโบรอินใยไหม-น้ำผึ้ง”
ปกติคนไข้มะเร็งช่องปาก มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อร้ายออก ทำให้เกิดแผลและเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ที่อาจกลายเป็นมะเร็งหลงเหลืออยู่ จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งซ้ำ แต่เทคโนโลยีนาโนที่ค้นพบนี้ จะช่วยควบคุมแผลนั้นได้ เพราะเซลล์ปกติจับโครงสร้างที่เป็นเส้นเล็กๆนี้ได้ดีกว่า จึงแข็งแรงขึ้น และขัดขวางการเติบโตของเซลล์ร้ายไปด้วย
• แค่ “หยุดพักผ่อน” ก็เพิ่มพลังให้ภูมิคุ้มกันได้แล้ว
การหยุดพักผ่อนต่อเนื่องกันสักสองสัปดาห์ สามารถเพิ่มพลังให้ระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ด้วย
งานวิจัยจากประเทศอังกฤษ เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่แสดงว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีมีผลต่อการทำงานของทีเซลล์ (เซลล์เม็ดเลือดขาว) ซึ่งสำคัญมากในระบบภูมิคุ้มกัน และส่งผลต่อโรคเอชไอวี โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคเรื้อรังอื่นๆ
การวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงพื้นที่อยู่อาศัยของหนูอย่างง่ายๆ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็เห็นผลในการเปลี่ยนแปลงทีเซลล์ของหนู และมีแนวโน้มว่าจะสามารถป้องกันการอักเสบได้
ทีมวิจัยนำหนูมาทดลองในสภาพกรงสองแบบ แบบแรกเป็นกรงหนูตามมาตรฐานทั่วไป เช่น ปูขี้เลื่อย แบบที่สองตกแต่งให้ดูครบครันขึ้น เช่น ขยายกรงใหญ่ขึ้น มีของเล่นและพื้นที่ว่างมากมาย เพียงสองสัปดาห์หลังจากนั้น หนูมีระบบภูมิคุ้มกันแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดูเหมือนหนูในกรงตกแต่งจะเตรียมตัวต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น โดยที่นักวิจัยไม่ได้ให้ยาใดๆเลย ทีเซลล์ของมันมีรูปแบบไม่เหมือนใคร คือสร้างโมเลกุลจำนวนหนึ่งออกมาทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันร่างกาย
นอกจากนี้ ยังมีโปรตีนในระดับสูงกว่าหนูในกรงธรรมดา ซึ่งโปรตีนดังกล่าวช่วยให้การตอบโต้ต่อการติดเชื้อและการป้องกันดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นเพียงการทดลองในหนู ยังจะต้องทดลองกับคนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไป
• ปล่อยให้เด็กใช้สมาร์ทโฟนยามนอน อาจส่งผลร้ายต่อพัฒนาการ
คุณพ่อคุณแม่โปรดทราบ ถ้าปล่อยให้เด็กๆ ใช้สมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตในเวลานอน อาจทำให้อดนอนเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่อไปอีกมากมาย เช่น ความอ้วน ภาวะขาดอาหาร
สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่สามารถหอบหิ้วไปได้สะดวก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจุบัน เด็ก 72% และคนหนุ่มคนสาว 89% มีอุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งเครื่องในห้องนอน และส่วนใหญ่จะใช้เครื่องในช่วงใกล้เวลานอนด้วย ทำให้สถานการณ์ปัญหาการอดนอนของเด็กย่ำแย่ลงไปอีก
นักวิจัยจากประเทศอังกฤษบอกว่า การนอนหลับส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ถ้าอดนอนเป็นประจำจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่าง หากมัวแต่ใช้เครื่องมือสื่อสารแทนที่จะเข้านอน จะทำให้นอนดึกขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นทางจิตวิทยาต่อสมอง ส่งผลต่อนาฬิกาชีวิตที่ควบคุมการหลับทางสรีรวิทยา และความตื่นตัวรบกวนการนอนหลับของเด็ก ส่งผลร้ายชัดเจนต่อสุขภาพกายและใจ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น การขาดอาหาร ความอ้วน ภูมิคุ้มกันลดลง การเจริญเติบโตหยุดชะงัก รวมถึงปัญหาด้านจิตใจด้วย
• ฝืนยิ้มไม่อาจทำให้มีความสุขขึ้นได้หรอก
แนวความคิดในทางจิตวิทยาที่ได้จากการทดลองเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่ว่าการฝืนยิ้มจะช่วยให้อารมณ์แจ่มใสขึ้นนั้น อาจจะไม่จริงเสียแล้ว เพราะนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำซ้ำในห้องทดลองให้ได้ผลดังเดิม
การทดลองตามสมมติฐานการแสดงออกทางสีหน้าเมื่อปี ค.ศ. 1988 กลุ่มตัวอย่างได้ดูการ์ตูนพร้อมกับคาบปากกา บางคนคาบด้วยริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าเหมือนขมวดคิ้ว บางคนคาบด้วยฟัน ทำให้เหมือนกับยิ้ม ผลประเมินจึงสรุปว่าพึงพอใจกับการ์ตูนที่ดู แม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้านั้นจะไม่ตั้งใจก็ตาม
ปัจจุบัน มีการศึกษาชิ้นใหม่จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ทดลองแบบเดียวกันนั้นซ้ำอีกกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,894 ราย โดยเลือกช่องการ์ตูนใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ประเมินจะรู้สึกสนุกพอสมควรกับการ์ตูนแต่ละเรื่องเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ผู้วิจัยสรุปว่า ไม่มีผลทางสถิติใดจากการทดลองที่น่าเชื่อถือได้นี้
ทางที่ดียิ้มออกมาจากหัวใจนั่นแหละ จะมีความสุขขึ้นจริงๆ
• งดมื้อเย็นช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน
มีงานวิจัยพบวิธีง่ายๆในการขจัดไขมันส่วนเกิน เพียงแค่เลื่อนเวลาทานมื้อเย็นให้เร็วขึ้น หรือไม่ก็งดมื้อเย็นไปเลย
การจำกัดอาหารในช่วงแรก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทดสอบกับคน พบว่าช่วยลดความแปรปรวนในการอยากอาหาร และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรต จึงอาจช่วยให้น้ำหนักลดลง ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังก็ลดลงตามไปด้วย
ช่วงเวลาที่เผาผลาญอาหารได้ดีที่สุดตามจังหวะการทำงานของร่างกาย คือ ระหว่างวัน ถ้ากินให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิตนี้ ก็จะส่งผลดีกับสุขภาพ โดยเฉพาะช่วง 08.00 น. ถึง 14.00 น. มื้อสุดท้ายไม่เกินช่วงบ่ายต้นๆ และจะไม่กินอะไรอีกจนกว่าจะถึงมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้น
แม้การจำกัดอาหารในช่วงแรก จะมีผลต่อการเผาผลาญแคลอรีไม่มาก แต่ช่วยลดความแปรปรวนของความหิวในแต่ละวัน และช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ตลอดเวลาหลายชั่วโมงในตอนกลางคืน ทั้งยังช่วยปรับปรุงความสามารถของร่างกายในการยืดหยุ่นสับเปลี่ยนการเผาผลาญพลังงาน ระหว่างเผาผลาญจากไขมันและคาร์โบไฮเดรต
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 194 กุมภาพันธ์ 2560 โดย ธาราทิพย์)
ข่าวดี..นักวิทยาศาสตร์อินเดียค้นพบสูตรลับรักษาแผลมะเร็งในช่องปาก และได้จดสิทธิบัตรแล้ว
หลังจากค้นคว้าวิจัยอยู่หลายปี ในที่สุดคณะทำงานที่ประกอบด้วยวิศวกรเคมี นักเทคโนโลยีชีวภาพ และแพทย์จาก IIT Kharagpur ก็ประสบความสำเร็จในการพัฒนาแผ่นบำบัดแผลมะเร็งในช่องปากโดยใช้ใยไหม กับน้ำผึ้ง แผ่นบำบัดนี้ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดโอกาสเป็นมะเร็งซ้ำหลังการผ่าตัดรักษา
นักวิจัยคนหนึ่งในทีมบอกว่า “น้ำผึ้งขึ้นชื่อเรื่องประสิทธิภาพการรักษาแผลอยู่แล้ว ยังสามารถต้านมะเร็งและต้านแบคทีเรียอีกด้วย โดยวิธีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมของเซลล์ ด้วยการใช้โครงสร้างโปรตีนไฟโบรอินใยไหม-น้ำผึ้ง”
ปกติคนไข้มะเร็งช่องปาก มักต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อร้ายออก ทำให้เกิดแผลและเซลล์มะเร็งหรือเซลล์ที่อาจกลายเป็นมะเร็งหลงเหลืออยู่ จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งซ้ำ แต่เทคโนโลยีนาโนที่ค้นพบนี้ จะช่วยควบคุมแผลนั้นได้ เพราะเซลล์ปกติจับโครงสร้างที่เป็นเส้นเล็กๆนี้ได้ดีกว่า จึงแข็งแรงขึ้น และขัดขวางการเติบโตของเซลล์ร้ายไปด้วย
• แค่ “หยุดพักผ่อน” ก็เพิ่มพลังให้ภูมิคุ้มกันได้แล้ว
การหยุดพักผ่อนต่อเนื่องกันสักสองสัปดาห์ สามารถเพิ่มพลังให้ระบบภูมิคุ้มกัน และยังช่วยร่างกายต่อสู้กับเชื้อโรคได้ด้วย
งานวิจัยจากประเทศอังกฤษ เป็นหลักฐานชิ้นแรกที่แสดงว่า สิ่งแวดล้อมที่ดีมีผลต่อการทำงานของทีเซลล์ (เซลล์เม็ดเลือดขาว) ซึ่งสำคัญมากในระบบภูมิคุ้มกัน และส่งผลต่อโรคเอชไอวี โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคเรื้อรังอื่นๆ
การวิจัยพบว่า การเปลี่ยนแปลงพื้นที่อยู่อาศัยของหนูอย่างง่ายๆ แม้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็เห็นผลในการเปลี่ยนแปลงทีเซลล์ของหนู และมีแนวโน้มว่าจะสามารถป้องกันการอักเสบได้
ทีมวิจัยนำหนูมาทดลองในสภาพกรงสองแบบ แบบแรกเป็นกรงหนูตามมาตรฐานทั่วไป เช่น ปูขี้เลื่อย แบบที่สองตกแต่งให้ดูครบครันขึ้น เช่น ขยายกรงใหญ่ขึ้น มีของเล่นและพื้นที่ว่างมากมาย เพียงสองสัปดาห์หลังจากนั้น หนูมีระบบภูมิคุ้มกันแตกต่างกันอย่างชัดเจน ดูเหมือนหนูในกรงตกแต่งจะเตรียมตัวต่อสู้กับการติดเชื้อได้ดีขึ้น โดยที่นักวิจัยไม่ได้ให้ยาใดๆเลย ทีเซลล์ของมันมีรูปแบบไม่เหมือนใคร คือสร้างโมเลกุลจำนวนหนึ่งออกมาทำหน้าที่เป็นภูมิคุ้มกันร่างกาย
นอกจากนี้ ยังมีโปรตีนในระดับสูงกว่าหนูในกรงธรรมดา ซึ่งโปรตีนดังกล่าวช่วยให้การตอบโต้ต่อการติดเชื้อและการป้องกันดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้เป็นเพียงการทดลองในหนู ยังจะต้องทดลองกับคนให้ชัดเจนยิ่งขึ้นต่อไป
• ปล่อยให้เด็กใช้สมาร์ทโฟนยามนอน อาจส่งผลร้ายต่อพัฒนาการ
คุณพ่อคุณแม่โปรดทราบ ถ้าปล่อยให้เด็กๆ ใช้สมาร์ทโฟนหรือแทบเล็ตในเวลานอน อาจทำให้อดนอนเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า ซึ่งจะนำไปสู่ปัญหาสุขภาพต่อไปอีกมากมาย เช่น ความอ้วน ภาวะขาดอาหาร
สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตเป็นอุปกรณ์ที่สามารถหอบหิ้วไปได้สะดวก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปัจจุบัน เด็ก 72% และคนหนุ่มคนสาว 89% มีอุปกรณ์สื่อสารเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งเครื่องในห้องนอน และส่วนใหญ่จะใช้เครื่องในช่วงใกล้เวลานอนด้วย ทำให้สถานการณ์ปัญหาการอดนอนของเด็กย่ำแย่ลงไปอีก
นักวิจัยจากประเทศอังกฤษบอกว่า การนอนหลับส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก ถ้าอดนอนเป็นประจำจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่าง หากมัวแต่ใช้เครื่องมือสื่อสารแทนที่จะเข้านอน จะทำให้นอนดึกขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกระตุ้นทางจิตวิทยาต่อสมอง ส่งผลต่อนาฬิกาชีวิตที่ควบคุมการหลับทางสรีรวิทยา และความตื่นตัวรบกวนการนอนหลับของเด็ก ส่งผลร้ายชัดเจนต่อสุขภาพกายและใจ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น การขาดอาหาร ความอ้วน ภูมิคุ้มกันลดลง การเจริญเติบโตหยุดชะงัก รวมถึงปัญหาด้านจิตใจด้วย
• ฝืนยิ้มไม่อาจทำให้มีความสุขขึ้นได้หรอก
แนวความคิดในทางจิตวิทยาที่ได้จากการทดลองเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่ว่าการฝืนยิ้มจะช่วยให้อารมณ์แจ่มใสขึ้นนั้น อาจจะไม่จริงเสียแล้ว เพราะนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถทำซ้ำในห้องทดลองให้ได้ผลดังเดิม
การทดลองตามสมมติฐานการแสดงออกทางสีหน้าเมื่อปี ค.ศ. 1988 กลุ่มตัวอย่างได้ดูการ์ตูนพร้อมกับคาบปากกา บางคนคาบด้วยริมฝีปาก ทำให้ใบหน้าเหมือนขมวดคิ้ว บางคนคาบด้วยฟัน ทำให้เหมือนกับยิ้ม ผลประเมินจึงสรุปว่าพึงพอใจกับการ์ตูนที่ดู แม้ว่าการแสดงออกทางสีหน้านั้นจะไม่ตั้งใจก็ตาม
ปัจจุบัน มีการศึกษาชิ้นใหม่จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ทดลองแบบเดียวกันนั้นซ้ำอีกกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 1,894 ราย โดยเลือกช่องการ์ตูนใหม่ เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ประเมินจะรู้สึกสนุกพอสมควรกับการ์ตูนแต่ละเรื่องเหมือนคนส่วนใหญ่ แต่ผู้วิจัยสรุปว่า ไม่มีผลทางสถิติใดจากการทดลองที่น่าเชื่อถือได้นี้
ทางที่ดียิ้มออกมาจากหัวใจนั่นแหละ จะมีความสุขขึ้นจริงๆ
• งดมื้อเย็นช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน
มีงานวิจัยพบวิธีง่ายๆในการขจัดไขมันส่วนเกิน เพียงแค่เลื่อนเวลาทานมื้อเย็นให้เร็วขึ้น หรือไม่ก็งดมื้อเย็นไปเลย
การจำกัดอาหารในช่วงแรก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ทดสอบกับคน พบว่าช่วยลดความแปรปรวนในการอยากอาหาร และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเผาผลาญไขมันและคาร์โบไฮเดรต จึงอาจช่วยให้น้ำหนักลดลง ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังก็ลดลงตามไปด้วย
ช่วงเวลาที่เผาผลาญอาหารได้ดีที่สุดตามจังหวะการทำงานของร่างกาย คือ ระหว่างวัน ถ้ากินให้สอดคล้องกับนาฬิกาชีวิตนี้ ก็จะส่งผลดีกับสุขภาพ โดยเฉพาะช่วง 08.00 น. ถึง 14.00 น. มื้อสุดท้ายไม่เกินช่วงบ่ายต้นๆ และจะไม่กินอะไรอีกจนกว่าจะถึงมื้อเช้าของวันรุ่งขึ้น
แม้การจำกัดอาหารในช่วงแรก จะมีผลต่อการเผาผลาญแคลอรีไม่มาก แต่ช่วยลดความแปรปรวนของความหิวในแต่ละวัน และช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ตลอดเวลาหลายชั่วโมงในตอนกลางคืน ทั้งยังช่วยปรับปรุงความสามารถของร่างกายในการยืดหยุ่นสับเปลี่ยนการเผาผลาญพลังงาน ระหว่างเผาผลาญจากไขมันและคาร์โบไฮเดรต
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 194 กุมภาพันธ์ 2560 โดย ธาราทิพย์)