xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา-วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ใช้ของเลียนแบบ..บาปมั้ย

ปุจฉา : หลวงปู่คะ การ download เพลง หรือหนัง หรือ software ที่มีลิขสิทธิ์ ถือเป็นบาป ผิดศีลข้อ 1 แล้วการซื้อของ copy เช่น แว่นตา กระเป๋า หรือของใช้ต่างๆ ที่เลียนแบบจากของแบรนด์เนม ถือเป็นบาปหรือไม่คะ แล้วบาปมากน้อยแค่ไหน

วิสัชนา : ศีลข้อนี้ มันอยู่ที่เจตนา ถ้าคุณไม่มีเจตนาจะลักขโมย ไม่ถือว่าผิด แต่ถ้ามีเจตนา เหมือนตัวอย่างเช่น มีคนเดินนำหน้าคุณ แล้วทำทองตก คุณก็ทำทีเดินไป เอาเท้าเหยียบ แล้วก็ยืนอยู่กับที่เฉยๆ พอเขาไปลับตา ก็ก้มลงเก็บ อย่างนี้เรียกว่าลักซ่อน

ที่คุณถามมา ถ้าเป็นของใช้หนีภาษีก็ตาม ลอกเลียนแบบก็ตาม รวมทั้งมันผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ก็ตาม ทั้งหมดนี่มันอยู่ที่เจตนา ถ้าคุณมีเจตนาที่จะขโมยของเขา หยิบของเขา ลักของเขา ลอกเลียนแบบเขา แล้วก็คิดว่า มันเป็นสมบัติของคุณโดยธรรม ถ้าอย่างนี้น่ะผิด

แต่ถ้าไปซื้อของที่เขาวางขาย เออ.. ถูกดีนะ โดยไม่สนใจว่า มันจะเป็นยี่ห้ออะไร หรือแม้รู้ยี่ห้อ ก็ไม่สนใจว่า มันจะผิดลิขสิทธิ์ หรือไม่ผิดลิขสิทธิ์ หรือลอกเลียนแบบ หรือไม่ลอกเลียนแบบ คิดว่าซื้อมาใช้แล้วได้ประโยชน์ก็ถือว่าจบ อย่างนี้ไม่ผิด

ไม่ได้พูดอย่างนี้เพื่อสนับสนุนให้คุณไปซื้อของลอกเลียนแบบ แต่มันธรรมดาน่ะ คนเราพยายามที่จะพัฒนาความเสื่อม คือ รู้ว่าเราเสื่อม ก็ไม่อยากจะให้คนอื่นมามองว่าเราเสื่อม ก็เลยใช้ของแบรนด์เนม ซึ่งมันอาจจะไม่ถูกต้องนัก แต่ก็พยายามที่จะใช้เพื่อจะยกฐานะ ยกระดับตัวเอง โดยเจตนาที่ไม่ได้ต้องการจะลักขโมย ก็ไม่ผิด แต่ถ้าโดยเจตนาที่ต้องการลักขโมย นั่นผิด โดยเจตนาที่เห็นว่า อันนี้มันเป็นของแบรนด์เนม มันเป็นของลอกเลียนแบบ ของ copy เราก็รู้อยู่แก่ใจว่า เป็นของลอกเลียนแบบ ของcopy แล้วก็ เอ้อ.. ดีนะ ดีกว่าซื้อของจริงเพราะมันถูกกว่า แล้วก็ยินดีในกระบวนการใช้นั้นด้วย ถ้าอย่างนี้ผิด

เพราะมีคำว่า ดีนะ ดีกว่าซื้อของจริง ใช่มั้ย มันมีการเปรียบเทียบ แต่ถ้าไปซื้อมา แล้วก็ใช้ เพราะมันถูกเฉยๆ อย่างนี้ไม่ถือว่าผิด อันนี้มันเป็นความละเอียดอ่อนว่า มันอยู่ที่เจตนา

เป็นข้าราชการมีบุญ?

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ มีคนชอบพูดกันว่า คนที่ได้เป็นข้าราชการ ถือว่าได้บุญ มีวาสนา แล้วถ้าเป็นอย่างอื่น ถือว่าไม่ได้บุญเลยหรือครับ

วิสัชนา : ใครเป็นคนบอก เป็นข้าราชการได้บุญ ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกัน มันขึ้นอยู่กับสถานภาพ แล้วก็หน้าที่ ตำแหน่งหรือเปล่า ที่ทำให้คนคิดว่า เออ.. เรานี่มีวาสนาเหลือเกิน ไม่ได้ไม่ดีก็ปีละ 2 ขั้น อะไรอย่างนี้ แล้วก็อาจจะคิดว่าได้ 2 ขั้นทุกปีๆ ก็เป็นผู้มีบุญ

จริงๆแล้ว ข้าราชการนี่ต้องตระหนักสำนึกระลึกรู้ภาระและหน้าที่ของเรา เรามีหน้าที่ที่จะต้องทำอะไร ทำงานสนองเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับใช้ประชาชนอย่างตรงไปตรงมา อย่างซื่อตรง อย่างนี้เขาเรียกว่า ผู้มีบุญ ผู้ทำบุญ ผู้เจริญบุญ

แต่ถ้าทำแบบวันๆ ขอไปที ให้มันจบๆ แล้วก็รอเบี้ยหวัด บำนาญ ก็เสร็จล่ะ อย่างนั้นก็ถือว่าไม่ได้บุญ กินบุญเก่าแล้ว แล้วก็หมดบุญไปในที่สุด

เพราะฉะนั้น ทุกอาชีพ ถ้ามันทำให้เจริญรุ่งเรืองได้ ก็ถือว่าเราเจริญแบบถูกต้อง ก็ถือว่า เราได้บุญ เป็นผู้มีบุญ แต่ถ้าหากว่าเจริญแบบผิดพลาด เสียหาย รวมทั้งไม่ยอมทำหน้าที่ถูกต้อง เพราะคำว่า ทำหน้าที่ถูกต้อง มันอยู่ในบุญกิริยาวัคถุ 10 อย่าง ข้อว่า ทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้อง เป็นผู้เจริญบุญ เช่น พ่อมีหน้าที่เป็นพ่อที่ดี มีหน้าที่เป็นผัวที่ดี มีหน้าที่เป็นประชาชนที่ดี มีหน้าที่เป็นแม่ เป็นครู เป็นอาจารย์ที่ดี ถ้าทำหน้าที่อย่างนี้ คนในครอบครัวก็จะภูมิใจ สุขกายสบายใจ ที่แต่ละคนในบ้านทำหน้าที่ถูกต้อง ก็ถือว่า เป็นวิธีสั่งสมบุญอย่างหนึ่ง

ไม่หลงทำกาลกิริยา คืออะไร

ปุจฉา : นมัสการหลวงปู่ ในอานิสงส์ของเมตตาเจโตวิมุติที่มีอยู่ 11 ข้อ มีอยู่ข้อหนึ่งว่า ไม่หลงทำกาลกิริยา หมายถึงอะไรครับ แล้วเราจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะได้อานิสงส์ของเจโตวิมุตติ

วิสัชนา : คำว่า ไม่หลงทำกาลกิริยา คือ ไม่หลงตาย ไม่ตายอย่างคนหลง ไม่ตายอย่างคนมืดบอด พูดง่ายๆ คือ มีสติเวลาตาย จึงเรียกว่า ไม่หลงทำกาลกิริยา

ส่วนการจะได้อานิสงส์ของเมตตาเจโตวิมุตติ สำคัญที่สุด คือ มีสติก่อน คนมีสติ จะรู้ว่าจะมีเมตตา หรือว่า ขาดเมตตา แต่คนไม่มีสติ บางครั้งก็ทำพลาดไป ทำเผลอไป ผิดไป อาจจะไร้เมตตาธรรม เพราะฉะนั้น สำคัญต้องมีสติก่อน

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 179 พฤศจิกายน 2558 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
กำลังโหลดความคิดเห็น