xs
xsm
sm
md
lg

ปฏิสันถาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


5 พฤษภาคม วันฉัตรมงคลรำลึก

“อาโรคฺยปรมา ลาภา” ความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง เป็นพุทธภาษิตที่พุทธศาสนิกชนได้ยินได้ฟังกันจนคุ้นหู

ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม 1 ภาค 2 ตอน 3 เรื่องพระเจ้าปเสนทิโกศล ได้กล่าวถึงความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง ว่า

พระพุทธองค์ได้ทรงปรารภธรรมกับพระเจ้าปเสนทิโกศล แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อาโรคฺยปรมา ลาภา"

แล้วทรงเล่าเรื่องพระราชาองค์หนึ่งซึ่งมักเสวยพระกระยาหารจุ ได้มาเฝ้าพระพุทธองค์ แต่ก็ไม่สามารถประทับอยู่นิ่งได้ ทรงพลิกพระวรกายไปมาด้วยความอึดอัดจากการเสวยพระกระยาหารมากเกินไป พระราชาได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า “ตั้งแต่เวลาบริโภคแล้ว หม่อมฉันมีทุกข์มาก”

พระศาสดาจึงตรัสว่า "มหาบพิตร การบริโภคมากเกินไป เป็นทุกข์อย่างนี้" แล้วตรัสสอนด้วยพระคาถาว่า

“ในกาลใด บุคคลเป็นผู้กินจุ มักง่วง และมักนอนหลับ กระสับกระส่าย เป็นดุจสุกรใหญ่ ที่เขาเลี้ยงด้วยอาหาร ในกาลนั้น เขาเป็นคนมึนซึม ย่อมเข้าห้องบ่อยๆ”

แล้วตรัสว่า "มหาบพิตร การบริโภคโภชนะแต่พอประมาณ จึงควร เพราะผู้บริโภคพอประมาณ ย่อมมีความสุข"

จากนั้นจึงทรงสอนอุบายในการบริโภคให้กับพระราชาว่า ต้องมีสติ รู้ประมาณในการบริโภคอาหาร เมื่อเวลาผ่านไป พระราชาทรงมีความสุข เพราะทรงมีพระสรีระอันเบาแล้ว ไม่รู้สึกอึดอัดหลังเสวยพระกระยาหารอีกต่อไป จึงได้เสด็จไปสำนักพระศาสดา แล้วทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้ความสุขเกิดแก่หม่อมฉันแล้ว...”

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า "มหาบพิตร ชื่อว่าความไม่มีโรค เป็นลาภอย่างยิ่ง...”

มีอรรถาธิบายความหมายเพิ่มเติมของคำว่า “อาโรคฺยปรมา ลาภา” ว่า จริงอยู่ ลาภทั้งหลาย แม้มีอยู่แก่คนมีโรค ไม่จัดเป็นลาภแท้ เพราะฉะนั้น ลาภทั้งปวงจึงมาถึงแก่คนไม่มีโรคเท่านั้น

พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี)
วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย ได้ขยายความเรื่องของโรคว่า นอกจากโรคที่เกิดขึ้นทางกายแล้ว ยังมีโรคที่เกิดขึ้นทางใจด้วย และโรคทางใจเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาหายได้ยาก

“ส่วนโรคอีกชนิดหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่ใจ เมื่อเกิดขึ้นในใจของใครแล้ว จะต้องป่วยถึงแก่ความตายหรือเจียนตายไม่แพ้โรคที่เกิดขึ้นที่กาย โรคที่ว่านี้ ได้แก่ ราคะ โทสะ โมหะ หรือโลภ โกรธ หลง เป็นต้น เป็นโรคเรื้อรังรักษาหายได้ยาก แม้แพทย์ชั้นเยี่ยมในโลกนี้ ก็อาจมีโรคที่ว่านี้ประจำอยู่ในตัวทุกๆคน ไม่มากก็น้อย...

ท่านผู้ที่หายจากโรคอันเกิดจากใจ ได้แก่ ผู้สิ้นกิเลสแล้ว ถึงแม้โรคในกายของท่านจะยังปรากฏอยู่ ก็เป็นแต่อาการความรู้สึก หาได้ทำใจของท่านให้กำเริบไม่ เพราะโรคใจของท่านไม่มีแล้ว สมุฏฐานคืออุปทานของท่านได้ถอนหมดแล้ว ฉะนั้น ท่านจึงมีความสุขและได้ลาภอย่างยิ่งในความไม่มีโรค”


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 173 พฤษภาคม 2558)
กำลังโหลดความคิดเห็น