• รัฐบาลเตรียมจัดงานเฉลิมพระเกียรติ “สมเด็จพระเทพฯ” ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558
หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ งานเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงแผนการประชาสัมพันธ์งานเฉลิมพระเกียรติ ตามกรอบระยะเวลาการจัดงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 31 ธันวาคม 2558
หม่อมหลวงปนัดดา กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อกำหนดกรอบการทำงานที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งแนวทางการทำงาน จะมีการประชาสัมพันธ์เรื่องผลงานทางวิชาการ พระอัจฉริยภาพ และพระราชกรณียกิจด้านต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เรียนรู้ ในโอกาสนี้ จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมแต่งกายด้วยเสื้อสีม่วง ตลอดเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนพระราชสมภพ
นอกจากนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้รับพระราชทานพระราชานุญาตให้จัดทำเข็มที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 เพื่อจำหน่าย โดยนำเงินรายได้สมทบทุน "มูลนิธิสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา" ผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ในราคา 300 บาท ที่กองกลาง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานจังหวัดทุกจังหวัด และธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 0-2282-1007
• สธ. ชู 3 โรงพยาบาลต้นแบบ โรงพยาบาลคุณธรรม เร่งขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ
นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเปิดประชุมบุคลากรสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและภูมิภาคกว่า 450 คน ว่า สธ. มีนโยบายส่งเสริมโรงพยาบาลในสังกัดที่มีประมาณ 1,000 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นโรงพยาบาลคุณธรรม มีการบริหารจัดการด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ประหยัด ยึดมั่นในสิ่งที่ถูกต้องบนพื้นฐานทางศีลธรรม วัฒนธรรมและหลักกฎหมาย ให้บริการด้วยจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ
ซึ่งขณะนี้มีโรงพยาบาลในสังกัดประสบผลสำเร็จแล้ว 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลชลบุรี โรงพยาบาลบางมูลนาก และโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ตะพานหิน จังหวัดพิจิตร โดยจะให้เป็นโรงพยาบาลต้นแบบ และใช้เป็นที่ศึกษาดูงาน ถ่ายทอดประสบการณ์การเรียนรู้ให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อสามารถใช้เป็นจุดตั้งต้นในการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว หากประสบผลสำเร็จจะเป็นการดึงสภาพสังคมไทยในอดีตที่เต็มไปด้วยสังคมแห่งความมีน้ำใจกลับคืนมา
นพ.ณรงค์ กล่าวว่า หัวใจสำคัญของการเป็นโรงพยาบาลคุณธรรม ผู้บริหารจะต้องสนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับทุกสายงานของโรงพยาบาล มีส่วนร่วมกำหนดหลักคุณธรรมในการทำงานที่สอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ โดยทำเป็นนโยบายของโรงพยาบาล ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนลงมือปฏิบัติตามร่วมกัน เช่น ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ มีจิตอาสาเพื่อประโยชน์ของสังคม โดยโรงพยาบาลคุณธรรมนี้ หวังให้เกิดผล 4 ด้าน คือ ความรักความสามัคคี การประหยัดลดการสูญเปล่าทรัพยากร การพัฒนาคุณภาพการบริการ และได้รับยกย่องชื่นชมจากประชาชนผู้ใช้บริการ
โดย สธ.เตรียมจัดทีมลงพื้นที่จริง เพื่อศึกษาสถานการณ์การดำเนินงานโรงพยาบาลคุณธรรมไปสู่การปฏิบัติให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ในเขตสุขภาพทั้ง 12 แห่ง เริ่มนำร่องที่เขตสุขภาพที่ 1 ตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นไป จนครบทุกเขต
• ศน.เปิดศูนย์แรกที่วัดไทยลุมพินี เนปาล อำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม(วธ.) เปิดเผยว่า กรมการศาสนา(ศน.) และพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย– เนปาล ร่วมจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการจัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวก สำหรับผู้เดินทางไปประกอบศาสนกิจ ณ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ประเทศอินเดีย–เนปาล เพื่ออำนวยความสะดวกแก่พุทธศาสนิกชนชาวไทย ให้ได้รับความสะดวกและปฏิบัติศาสนกิจได้ถูกต้องตามหลักของศาสนา อาทิ ข้อมูลเรื่องการเดินทาง ความรู้ต่างๆ การดูแลสุขภาพ การช่วยเหลือระหว่างปฏิบัติธรรม ทั้งที่เดินทางไปกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน บริษัทนำเที่ยวต่างๆ เบื้องต้นนำร่องเปิดศูนย์ที่วัดไทยลุมพินี ประเทศเนปาล จากนั้นเตรียมขยายไปยังวัดไทยแห่งอื่นๆ ในอินเดีย-เนปาล
นายกฤษศญพงษ์ ศิริ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ฯที่วัดไทยลุมพินี ถือว่าเป็นครั้งแรก โดยจะเริ่มให้บริการช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 นอกจากนี้ ยังจะเผยแพร่ศูนย์ข้อมูลเดินทางไปประกอบศาสนกิจนมัสการสังเวชนียสถานในเว็บไซต์ เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้ประชาชนที่ต้องการเดินทางไปประกอบศาสนกิจได้ศึกษาและเตรียมตัวก่อนการเดินทางอย่างถูกต้อง
• สภากาชาดไทยจัดโครงการ “ใจอาสา บริจาคโลหิต เฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพฯ”
นายแผน วรรณเมธี เลขาธิการสภากาชาดไทย กล่าวในการแถลงข่าวโครงการ “ใจอาสา บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” ว่า เนื่องใน พ.ศ. 2558 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2558 ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จึงได้จัดโครงการ “ใจอาสา บริจาคโลหิตเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย” ระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2558 - 31 ธันวาคม 2559 (2 ปี) เพื่อแสดงความจงรักภักดี และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสภากาชาดไทย ทรงดำรงตำแหน่งอุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 37 ปี ทรงเป็นหลักชัยนำความเจริญก้าวหน้ามาสู่สภากาชาดไทยเป็นอย่างยิ่ง ทรงให้ความสำคัญกับงานบริการโลหิต เพราะเป็นงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้จัดหาโลหิตให้มีปริมาณเพียงพอ มีคุณภาพปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ป่วยทั่วประเทศ
นอกจากนี้ ทรงให้ความสนพระทัยพัฒนาความก้าวหน้าเทคโนโลยีงานบริการโลหิตด้านต่างๆ เช่น โครงการจัดตั้งศูนย์ผลิตผลิตภัณฑ์จากพลาสมา สภากาชาดไทย เพื่อให้งานบริการโลหิตก้าวสู่มาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ
ส่วนแพทย์หญิงสร้อยสอางค์ พิกุลสด ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า แม้ว่าแต่ละปีมีผู้บริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมบริจาคโลหิตในโครงการดังกล่าว อันจะส่งผลให้มีปริมาณโลหิตที่มีคุณภาพ เพียงพอ และปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยในโรงพยาบาลทั่วประเทศ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทรศัพท์. 0-2256-4300, 0-2263-9600-99 ต่อ 1101, 1752, 1760, 1771
• พุทธ คริสต์ อิสลาม จับมือรณรงค์ “ศาสนสถานปลอดบุหรี่ทั่วประเทศ”
สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่(สคสบ.) ร่วมกับ มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ และผู้นำศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม จัดโครงการ “ศาสนสถานปลอดบุหรี่ทั่วประเทศ” นำร่องด้วยศาสนสถานชื่อดัง 3 แห่ง คือ วัดประยุรวงศาวาส โบสถ์ซาตาครู้ส และมัสยิดบางหลวง (กุฎีขาว)
ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการ สมาพันธ์ฯ กล่าวในการแถลงข่าวเปิดโครงการว่า เป้าหมายการสร้างศาสนสถานปลอดบุหรี่ทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศ และศาสนสถานทุกแห่งรับรู้ว่า บุหรี่ก่อให้เกิดพิษภัยทั้งต่อตัวผู้สูบและผู้อื่น จึงมีกฎหมายเพื่อควบคุมการบริโภคยาสูบ บัญญัติไว้อย่างชัดเจนในประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 19 พ.ศ. 2553 โดยกำหนดให้ศาสนสถานเป็นหนึ่งในสถานที่ห้ามสุบบุหรี่โดยเด็ดขาด ผู้ฝ่าฝืนจะถูกจับหรือมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ทันที
ทั้งนี้ สมาพันธ์ฯ มูลนิธิฯ และวัดประยุรฯ จะเป็นศูนย์รวมของเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง โดยได้รับความร่วมมือจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ให้กลุ่มอาสาสมัคร (อสม.) นับแสนคนทั่วประเทศ ออกเยี่ยมเยียนวัด โบสถ์ และมัสยิด ให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ศาสนสถานทั่วประเทศเป็นเขตปลอดบุหรี่อย่างแท้จริง
ศ.ดร.พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาส กล่าวว่า ในส่วนของวัดประยุรฯ นอกจากจะให้ความรู้แล้ว ยังร่วมเผยแพร่โครงการนี้แก่วัดอื่นอย่างจริงจังด้วย เพราะศาสนสถานเป็นสถานที่ที่ประชาชนจำนวนมากมาประกอบกิจกรรมทางศาสนา เหมาะกับการเป็นสถานที่ส่งเสริมสุขภาพกายใจให้ปลอดจากสิ่งเสพติดทั้งหลาย และพระสงฆ์ก็เป็นผู้นำทางความคิด และเป็นที่นับถือศรัทธา จึงควรปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดี นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือจากพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ไม่ควรถวายบุหรี่แก่พระภิกษุสงฆ์อีกด้วย
• สธ. จัดฉีดวัคซีนป้องกันโรคคอตีบให้ปชช. 28 ล้านคน ฟรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ครบ 5 รอบ
ศาสตราจารย์นายแพทย์รัชตะ รัชตะนาวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในปี 2558 นี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำโครงการให้วัคซีนป้องกันโรคคอตีบในกลุ่มผู้มีอายุ 20-50 ปี ซึ่งมีทั้งหมด 28 ล้านคนทั่วประเทศฟรี เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 5 รอบ 2 เมษายน 2558 เพื่อเร่งรัดและรักษาความครอบคลุมวัคซีนให้ประชาชนไทยให้สูงเพียงพอที่จะป้องกันโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ก่อนที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีนี้
ทั้งนี้ เนื่องจากในปี 2555 มีการระบาดของโรคคอตีบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือตอนล่าง มีแนวโน้มขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ พบในผู้ใหญ่และเด็กที่ได้รับวัคซีนไม่ครบถ้วน โดยส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-50 ปี ซึ่งผลการสำรวจพบว่า ประชาชนกลุ่มนี้มีระดับภูมิต้านทานโรคคอตีบต่ำที่สุด เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เกิดก่อนปี 2520 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศไทยเริ่มใช้แผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคในเด็กในระดับชาติ จึงยังไม่เคยได้รับวัคซีนชนิดนี้ และมีความเสี่ยงติดเชื้อและป่วยเป็นโรคคอตีบได้สูง
วัคซีนที่ใช้ฉีดครั้งนี้ เป็นวัคซีนป้องกันโรคคอตีบและโรคบาดทะยักในเข็มเดียวกัน เริ่มฉีดครั้งแรกใน 20 จังหวัด ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 และฉีดที่เหลืออีก 57 จังหวัดทุกภาค ตั้งแต่ 1 มกราคม จนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2558 จึงขอเชิญชวนประชาชนทั้งผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง หรือผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวทุกโรค เข้ารับการฉีดฟรีที่โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 170 กุมภาพันธ์ 2558 โดย กองบรรณาธิการ)