เวลาของทุกคนเหลือน้อยแล้ว จงหมั่นเข้านะ อย่าประมาทในชีวิต อย่าประมาทในกาลเวลา การพลัดพรากจากของรักเป็นธรรมดา การพลัดพรากนี้คือสูญหาย เราต้องเอาธรรมะมาเป็นข้อเตือนใจว่า มีเกิด มีแก่ มีชำรุด มีตาย หมดสภาพพังไป เท่านี้ เป็นคำจำกัดความของธรรมะ ท่องและทำใจให้รู้อยู่ตลอดเวลา
พระครูวิหารกิจจานุการ (หลวงพ่อปาน)
วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา
เวลาเป็นสิ่งเดียวในโลกที่ทุกคนได้รับเสมอกัน ไม่มีใครแม้คนเดียวได้เปรียบเสียเปรียบกันเลย แต่ใครจะใช้เวลาแต่ละวินาทีอย่างมีค่าและคุ้มค่ากว่ากัน นี่แหละเป็นเรื่องน่าคิด
พระธรรมสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธฺมโม)
วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
ความดีที่ทำลงไปแล้ว อย่างไรๆก็ไม่มีวันสูญหาย จงจำใส่ใจไว้ ไม่มีสิ่งใดที่ไหนที่จะนำทางชีวิตของเราให้ไปสู่สุคติโลกสวรรค์ได้ มีแต่บุญกุศลเท่านั้น
พระสุพรหมยานเถร (ครูบาพรหมา พรหมจักโก)
วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
เพราะเหตุใดคนเราจึงมักคิดถึงเรื่องอดีตและหวังกับเรื่องอนาคต นั่นก็เป็นเพราะว่ามีความแคลงใจในกฎแห่งกรรมนั่นเอง หากเราเชื่อในกฎแห่งกรรมเสียอย่างเดียว ว่าทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสั่งสอน เราจะไม่คิดถึงอดีตและอนาคต แต่จะคิดเพียงปัจจุบัน
อดีตนั้นแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ให้ปล่อยวางไป อนาคตยังมาไม่ถึง ไม่ต้องสนใจคิดและหวัง ทำเพียงปัจจุบันที่ทำได้ให้ดีที่สุด แล้วกฎแห่งกรรมจะส่งผลให้อนาคตดีเอง โดยไม่ต้องสงสัยเลย
พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ)
วัดวังก์วิเวการาม จ.กาญจนบุรี
แม้ในบุคคลที่รู้จักสร้างบุญสร้างกุศล เมื่อถึงเวลาหนึ่งอาจทำในเรื่องที่ต้องตกนรกได้ ด้วยไม่รู้ว่า ทำไปแล้วผลนั้นเป็นภัยต่อตนเอง
เมื่อเชื่อแน่ว่าสวรรค์มี นรกมี ก็ควรศึกษาว่าทำอย่างไรจักเป็นบุญ ทำอย่างไรจักเป็นบาป เมื่อรู้แล้วว่าอะไรไม่ควรก็ให้ละเว้นเสีย นั้นจึงเรียกได้ว่า เป็นผู้ไม่สร้างภัยแก่ตนเอง
พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร)
วัดประชาคมวนาราม จ.ร้อยเอ็ด
(จากนิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 168 ธันวาคม 2557 โดย กองบรรณาธิการ)