• ชอบยึดติดจนทุกข์
ปุจฉา :
นมัสการหลวงปู่ ดิฉันอยากเรียนถามว่า จะยกธรรมะข้อใดขึ้นมาพิจารณาเป็นพิเศษ เพื่อบรรเทาความยึดติดทั้งหลาย เพราะการยึดติดเป็นเหตุทำให้เกิดทุกข์ต่างๆ อย่างมากมาย แค่บอกว่าให้ปล่อยวาง ก็ดูหมือนจะทำได้ยากค่ะ
วิสัชนา :
ธรรมะที่สามารถบรรเทาความยึดติดมีอยู่เยอะแยะมากมาย จะยกมาให้ดูสั้นๆสักเล็กน้อยก็ได้
เริ่มต้นจากมีสติรู้เท่าทันสภาพตามความเป็นจริงที่ปรากฏ จนจิตสงบเป็นสมาธิ บังเกิดปัญญาพิจารณา สภาพตามความเป็นจริงเหล่านั้นว่า เกิดขึ้นได้ด้วยเหตุ ปัจจัยอะไร ตั้งอยู่ และแปรปรวน ด้วยอาศัยเหตุปัจจัยอะไร สุดท้ายแตกสลาย เสียหาย เพราะขาดเหตุปัจจัยอะไร
หรือจะเจริญสติจนบังเกิดสมาธิ จนถึงองค์แห่งฌาน อันมีอุเบกขา ความวางเฉยเป็นอารมณ์
หรือไม่ก็มีสติรู้เท่าทัน กาย เวทนา จิต ธรรม เรียกว่า มหาสติปัฏฐานสี่
หรือไม่ก็เจริญอริยสัจสี่ คือรู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้ทางดับทุกข์ รู้ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์ อะไรก็ได้ทำให้จริงๆจังๆ สักอย่าง ผลที่ปรากฏคุณย่อมรู้เอง
• สงสัยเรื่องจิตก่อนตาย
ปุจฉา :
กราบนมัสการครับ ได้ฟังธรรมที่หลวงปู่ได้แสดงในเรื่องของจิตก่อนตาย ที่กล่าวว่า ถ้าจิตก่อนจุตินั้นประกอบไปด้วย โทสะ โมหะ โลภะ ก็จะไปเกิดในภพภูมิที่เป็นอกุศล แต่ถ้านึกถึงสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ก็จะได้เกิดในสถานที่ที่ดี เช่น สวรรค์ อยากกราบเรียนปุจฉาว่า
1. ถ้าในสภาวะที่ใกล้ตายนั้น เราตั้งจิตให้ว่างแล้ว เราจะไปเกิดในภพภูมิไหนครับ
2. การตั้งจิตให้ว่างไม่คิดอะไร ต่างจากการตั้งจิตให้นิ่งหรือสงบอย่างไรครับ ถ้าต่างกันแล้ว จะทำให้ไปเกิดในสถานะที่ต่างกันไหมครับ
3. ถ้าหากเราต้องการที่จะเกิดมาเป็นคนอีก จะต้องตั้งจิตให้ระลึกถึงอะไรครับ
4. จะฝึกสติอย่างไรให้เกิดความชำนาญ เพื่อเวลาตายแล้วจะได้เกิดเป็นคนอีกครับ
กราบขอความเมตตาจากหลวงปู่ครับ
วิสัชนา :
1. ว่างจากความปรุงแต่ง หรือว่างจากความไม่ยึดถือ ถ้าว่างจากความปรุงแต่งก็สามารถไปเกิดในชั้นอรูปพรหม คือพรหมที่ไม่มีรูป แต่ถ้าว่างจากความไม่ยึดถือ ก็จะทำให้เกิดในชั้นพรหมที่สูงและละเอียดกว่า
ส่วนถ้าว่างเพราะปราศจากกิเลส หลุดพ้นจากเครื่องร้อยรัดของตัณหาอุปาทาน โดยมีความเห็นว่า ตัณหาอุปาทานเป็นเหตุให้เกิดชาติ ชรา มรณะ พยาธิ และชาติ ชรา มรณะ พยาธิเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ที่ทนได้ยาก
การจะพ้นจากทุกข์ที่ทนได้ยาก ก็ต้องทำให้เกิดวิชา คือความรู้เห็นตามความเป็นจริง จนจิตสลัดตัดหลุด ไม่ปล่อยให้อะไรมาฉุดอยู่ ไม่ปรุงแต่ง และไม่ยึดถือในสรรพอารมณ์ สรรพวัตถุ สรรพชีวิต จนจิตว่างจากเครื่องร้อยรัดทั้งปวง เช่นนี้ก็ถือว่า จิตก็เข้าสู่องค์คุณแห่งนิพพาน คือ ดับแล้วเย็น
2. การตั้งจิตให้ว่าง ผลตอบรับสูงสุดก็คือ นิพพาน ดังกล่าวแล้วข้างต้น
ส่วนการตั้งจิตให้สงบ ผลตอบรับสูงสุดก็คือ องค์คุณแห่งจตุตถฌาน ซึ่งมีอุเบกขา คือ ความสงบวางเฉยในอารมณ์ต่างๆ เป็นผลตอบรับ และจะทำให้เกิดในชั้นพรหม
3. ถ้าเราต้องการจะเกิดมาเป็นคนอีก ก็ให้ตั้งจิตระลึกถึงบุญกุศลเก่าที่เราทำมา และชาติสกุลที่เราปรารถนาก่อนตาย
4. ฝึกสติทุกขณะของลมหายใจที่เข้าและออก
• เป็นห่วงพ่อทำงานเกี่ยวกับเหล้า
ปุจฉา :
กราบนมัสการหลวงปู่ด้วยความเคารพครับ ผมใคร่ขอปุจฉาหลวงปู่ว่า กระผมได้อ่านเรื่องราวที่คนทำบัญชีโรงฆ่าเป็ด แล้วได้รับผลกรรมตายอย่างเป็ด ไก่ ทำให้คิดถึงคุณพ่อของกระผม ท่านมีหน้าที่ดูแลและเก็บจ่าย “สุรา” ตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ พร้อมทำบัญชีแก่พนักงานทุกคน
อยากทราบว่ามันจะเป็นบาปรึเปล่าครับ ถ้าเป็นบาปผมก็ใคร่จะขอคำชี้แนะจากหลวงปู่ เพื่อจะได้หาทางแก้ไขครับ กราบขอบพระคุณอย่างสูง
วิสัชนา :
พ่อของคุณผิดในข้อที่ว่า ประกอบอาชีพที่ไม่เป็นสัมมาอาชีวะ เพราะอาชีพนั้นเป็นเหตุให้เบียดเบียนผู้อื่นให้เสียทรัพย์ มึนเมา ขาดสติ หลงลืม จนเดือดร้อนในที่สุด เกิดภพชาติต่อไปก็จะกลายเป็นคนโง่ไร้ปัญญา ขี้หลงขี้ลืม
วิธีแก้ก็คือเลิก แต่ถ้าเลิกไม่ได้ ก็ขอให้ทำดีไว้มากๆ ด้วยมุ่งหวังว่าความดีวันนี้ ถ้ามีมากเข้า ความไม่ดีก็จะตามมาไม่ทันในภพชาติต่อๆไป
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 168 ธันวาคม 2557 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)