“Planes Fire & Rescue” เป็นภาคต่อของภาพยนตร์แอนิเมชั่นโลกของเครื่องบินเรื่อง Planes เมื่อปี 56 ซึ่งภาคแรกจบลงที่ “ดัสตี้ ครอปฮอปเปอร์” เครื่องบินพ่นปุ๋ยในไร่นา กลายเป็นแชมป์แข่งขันการบินระดับโลก เพราะได้เหล่าเพื่อนฝูงที่ดีให้ความช่วยเหลือ
สำหรับภาค 2 นี้ ยังเต็มไปด้วยข้อคิดสะกิดใจไม่น้อยไปกว่าภาคแรก โดยเมื่อดัสตี้กลับมายังเมืองเกษตรกรรมเล็กๆของเขา พร้อมด้วยตำแหน่งแชมป์โลก ทำให้เมืองที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจของโลกเครื่องบิน กลับเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนเกิดเป็นงานเทศกาลการบิน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
วันหนึ่งขณะที่ดัสตี้ฝึกซ้อมบิน เพื่อเตรียมแสดงบินผาดโผนในงานเทศกาล เครื่องยนต์ก็เกิดผิดปกติ เดือดร้อนถึง “ด๊อตตี้” ช่างซ่อม ต้องมาตรวจสอบ และพบว่ากล่องเกียร์เสื่อมสภาพ ซ้ำร้ายกว่านั้น คือ กล่องเกียร์รุ่นนี้เลิกผลิตแล้ว นั่นหมายถึง ดัสตี้ไม่มีอะไหล่เปลี่ยน และไม่สามารถทำความเร็วได้เกินพิกัดที่แจ้งเตือนได้อีก
ความผิดหวังผสมกับการไม่ยอมรับความจริง ทำให้คืนนั้นดัสตี้ลองฝืนบินด้วยความเร็วเกินพิกัด ผลลัพธ์ก็คือ เครื่องรวน เสียการทรงตัว จนร่วงลงมา ทำให้เพลิงลุกไหม้โกดังบริเวณสนามบิน ร้อนถึง “เมย์เดย์” รถดับเพลิงรุ่นเก่าต้องเข้ามาช่วย แต่ด้วยความเก่าของเครื่องยนต์ ทำให้การดับเพลิงเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนต้องขอแรงเหล่าเครื่องบินช่วยกันพังแท็งก์น้ำข้างสนามบินเพื่อดับไฟ
วันรุ่งขึ้นผู้ตรวจสอบด้านความปลอดภัยจากส่วนกลาง เดินทางมาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และพบว่า ระบบป้องกันภัยฉุกเฉินของสนามบิน ไม่ผ่านมาตรฐาน และสภาพความเก่าของรถดับเพลิงก็ไม่เหมาะกับการงานตรงนี้
ผู้ตรวจชี้แจงว่า จะต้องแก้ไขให้ผ่านมาตรฐาน คือ ต้องมีหน่วยดับเพลิงที่มีประสิทธิภาพกว่านี้ และมีเครื่องบินดับเพลิงประจำการอีกหนึ่งลำ มิเช่นนั้นคงไม่ให้ผ่านมาตรฐาน นั่นหมายถึง เทศกาลสำคัญที่กำลังจะจัดขึ้นก็ต้องล้มเลิกไปด้วย
ในฐานะตัวการเรื่องวุ่นๆ แม้ดัสตี้ไม่เคยมีประสบการณ์เป็นเครื่องบินดับเพลิง แต่เขาอาสาจะไปรับการฝึกทักษะดังกล่าว ที่อุทยานแห่งชาติ พิสตัน พีค เพื่อมาทำหน้าที่เป็นเครื่องบินดับเพลิงประจำสนามบิน
อุทยานนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ชาวโลกเครื่องยนต์ ทั้งเครื่องบินและรถยนต์ ชอบมาพักผ่อน แต่ที่นี่มักเกิดไฟป่าบ่อยครั้ง จึงต้องมีหน่วยดับเพลิงประจำ ซึ่งหน่วยนี้เป็นหน่วยเล็กๆ มีเครื่องบิน 2-3 ลำ รถแทรคเตอร์ไม่กี่คัน และรถช่างซ่อม โดยเฮลิคอปเตอร์ชื่อ “แบลด เรนเจอร์” ผู้เงียบขรึม เป็นหัวหน้าทีม
แม้ดัสตี้ตั้งใจมาฝึกฝนเรื่องดับเพลิง แต่เขากลับไม่ใส่ใจภารกิจนี้มากนัก เพราะความฝันในการเป็นนักแข่งความเร็ว ยังเป็นเรื่องรบกวนจิตใจอยู่ตลอด ทำให้การฝึกของดัสตี้เป็นไปอย่างล่าช้า
ระหว่างการฝึก ดัสตี้ได้เจอเพื่อนแปลกหน้าเพิ่มขึ้น เช่น รถยนต์ที่ชื่อ “สปินเนอร์” ผู้มีตำแหน่งใหญ่ในการดูแลอุทยาน และเป็นเจ้าของรีสอร์ทหรูในอุทยานด้วย เขาชวนดัสตี้ไปร่วมงานแกรนด์โอเพนนิ่งเปิดรีสอร์ท แต่สปินเนอร์ไม่ค่อยถูกชะตากับทีมนักดับเพลิง จึงไม่ให้ความสำคัญ แถมยังเป็นนายทุนที่เห็นแก่ประโยชน์ตนเอง มากกว่าเรื่องการอนุรักษ์ผืนป่า
หลังจากไปร่วมงานดังกล่าวแล้ว ดัสตี้ ก็ได้เจอ “ฮาร์วี่” กับ “วินนี่” รถบ้านเก่าๆคันโต ที่เป็นคู่รักกันมานาน ซึ่งตั้งใจมาเที่ยวอุทยาน เพื่อรำลึกความหลัง
เมื่อเวลาผ่านไป ภารกิจผจญเพลิงของดัสตี้เริ่มเข้าที่เข้าทาง หากแต่มันเป็นช่วงฤดูไฟป่าพอดิบพอดี เหตุการณ์ไฟป่าจึงเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และทวีความรุนแรงมากขึ้น จนกระทั่ง แบลด เรนเจอร์ หัวหน้าทีมดับเพลิง ประสบอุบัติเหตุ ทำให้เขาต้องพักงาน
เหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้น ดูจะเป็นวิกฤตครั้งใหญ่เกินคาด จนทำให้ต้องมีคำสั่งเตือนอพยพรถ และเครื่องบินทั้งหลายที่มาร่วมงาน ให้รีบออกจากรีสอร์ท แต่นายทุนอย่างสปินเนอร์เกรงว่าจะเสียชื่อเสียง และทำให้ขาดรายได้ จึงประวิงเวลาปกปิดข่าวไว้ โดยให้เหตุผลว่า หน่วยดับเพลิงที่มีอยู่ในรีสอร์ทเพียงพอที่จะต้านไฟป่า
แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะไฟป่าโหมแรงยิ่งขึ้น จนสุดท้ายต้องประกาศภาวะฉุกเฉินหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่สปินเนอร์ยังไม่วายแสดงความเห็นแก่ตัว ด้วยการเปิดสปริงเกอร์ฉีดน้ำไปทั่วรีสอร์ท เพื่อป้องกันไฟ ซึ่งทำให้น้ำของหน่วยดับเพลิงไม่เพียงพอ รถยนต์หลายคันติดอยู่ในวงล้อมของไฟป่าที่ลุกโชน
และแล้วเหล่าฮีโร่ กลุ่มนักผจญเพลิงก็ออกโรงมาช่วยเหลือได้ทันท่วงที ดัสตี้ใช้วุฒิภาวะความเป็นผู้นำ และความกล้าหาญที่มีอยู่เต็มเปี่ยม นำทีมออกไปผจญเพลิง จนสามารถเปิดเส้นทางให้รถยนต์ที่ตกค้างออกมาได้
เหลือเพียงรถยนต์คู่รัก ฮาร์วีย์ กับ วินนี่ ที่ยังอยู่ในวงล้อมไฟป่า บริเวณสะพานกลางอุทยาน ดัสตี้จึงเร่งเข้าไปช่วยเหลือจนปลอดภัย แต่ในนาทีที่กำลังวิกฤตนั้น เครื่องบินแชมป์โลกจำเป็นต้องเร่งเครื่องจนเกินพิกัด และมันก็เกิดอาการเหมือนที่ผ่านมา ทำให้ดัสตี้เสียการทรงตัว และร่วงลงไปจนแทบไม่เหลือสภาพเครื่องบินนักแข่ง
ความเสียสละของดัสตี้ครั้งนี้ ทำให้สภาพเครื่องเสียหายอย่างหนัก ต้องซ่อมกันขนานใหญ่ แต่โชคดีเมื่อ “มารุ” จอมอัจฉริยะนักซ่อมมือหนึ่งของทีมกู้ภัย สามารถปรับแต่งแปลงโฉมให้ดัสตี้คืนสภาพเดิมได้ และที่ดียิ่งกว่านั้น คือ มารุดัดแปลงระบบเครื่องใหม่ ทำให้ดัสตี้ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องเกียร์รุ่นเดิม
บทสรุปของ Planes Fire & Rescue จึงจบลงที่งานเทศกาลประจำเมือง ดัสตี้ได้ขนทีมกู้ภัยไปร่วมแสดง เพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของผู้เสียสละเหล่านี้
ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังคงชัดเจนในด้าน “กัลยาณมิตร” หรือเพื่อนที่ควรคบหา เหมือนเช่นภาคแรก แต่หลักธรรมอีกประการที่เด่นชัดก็คือ เรื่อง “สัปปุริสธรรม 7” คือ ธรรมของคนดี ประกอบด้วย ธัมมัญญุตา - รู้จักเหตุ , อัตถัญญุตา - รู้จักผล, อัตตัญญุตา- รู้จักตน, มัตตัญญุตา - รู้จักประมาณ, กาลัญญุตา - รู้จักกาล, ปริสัญญุตา- รู้จักชุมชน และปุคคลัญญุตา - รู้จักบุคคล
หลักธรรมทั้ง 7 ข้อ เหมาะแก่การนำมาใช้ปฏิบัติงาน เพราะเป็นหลักพื้นฐานที่ทำให้รู้จักหลักการ กฎเกณฑ์ เหตุผล ของสิ่งที่เป็นอยู่
“รู้จักเหตุ - รู้จักผล” เสมือนกับที่ตัวละครในเรื่อง หากผู้ใดรู้กฎเกณฑ์ในหน้าที่ของตน ก็สามารถวางกรอบการทำงานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
สอดคล้องไปกับการ “รู้จักตน - รู้จักประมาณ” ที่ต้องรู้ศักยภาพ กำลังความสามารถของตน รู้ความถนัด และรู้จักประมาณตนในการกระทำการใดๆ ดังเช่น ดัสตี้ ที่ช่วงแรกนั้นยังไม่รู้จักประมาณตนเอง ว่าสภาพที่สึกหรอ ทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การไม่รู้จักตน-ไม่รู้จักประมาณดังกล่าว ล้วนส่งผลเสียต่อหน้าที่การงานทั้งสิ้น
“รู้จักกาล” ก็เปรียบเสมือน กาลเทศะ ต้องรู้ว่าเวลาไหนควรทำอะไร มีระยะเวลาตามความเหมาะสม
“รู้จักชุมชน” ดังเช่นทีมกู้ภัยที่รู้ว่า สภาพพื้นที่อุทยานเป็นอย่างไร ซึ่งการรู้จักชุมชนนี้อาจครอบคลุมในเรื่องการเข้าหาผู้อื่นในการทำงานอีกด้วย
“รู้จักบุคคล” ก็ไม่ต่างจากการรู้จักเลือกคบหาคนที่มีคุณธรรม ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ แยกแยะให้เห็นชัดว่า การเลือกคบเพื่อนที่ดีนั้น นำไปสู่ความสำเร็จได้ในท้ายที่สุด
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 168 ธันวาคม 2557 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)