xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้คู่สุขภาพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ใครว่าอกหักไม่ยักจะตาย?

เชื่อหรือไม่ว่า การสูญเสียคนรักไปนั้น อาจเป็นสาเหตุให้ใครบางคนเสียชีวิตจากอาการอกหักได้

สืบเนื่องมาจากงานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่า สภาพอารมณ์รุนแรง อาทิ ความเศร้าโศก เจ็บปวด และสูญเสียนั้น อาจส่งผลร้ายแรงต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต

นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ความเศร้าโศกจากการสูญเสียคนที่เรารัก มีผลกระทบต่อเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า “นิวโทรฟิลส์” ซึ่งมีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆที่เข้าสู่ร่างกาย โดยเขาได้นำตัวอย่างนิวโทรฟิลส์ของคนที่เพิ่งสูญเสียคนที่รักไป เพื่อตรวจวัดความสามารถในการฆ่าเชื้อโรค

ผลลัพธ์ที่ได้คือ นิวโทรฟิลส์ของคนวัยหนุ่มสาว ที่แม้จะอยู่ในอาการเศร้าโศก ยังคงทำหน้าที่ได้ดี แต่ในคนที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไป มันไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคได้อีกต่อไป ประกอบกับความจริงที่ว่า คนสูงวัยมักมีอาการเศร้าสร้อยหงอยเหงาทันทีหลังการเสียชีวิตของคนที่รัก ยิ่งทำให้คนวัยนี้อ่อนแอพร้อมที่จะเจ็บป่วยได้ง่ายยิ่งขึ้น

รวมทั้งยังมีงานวิจัยเผยว่า พ่อม่ายเมียตาย มีความเสี่ยง 6 เท่าที่จะเสียชีวิต เมื่อเทียบกับแม่ม่ายผัวตาย ที่มีความเสี่ยงเพียง 2 เท่าที่จะเสียชีวิต โดยความเสี่ยงในการเสียชีวิต จะเกิดสูงสุดในปีแรกของการสูญเสียคู่ครอง และความเสี่ยงจะยิ่งเพิ่มขึ้นในคู่ที่ครองรักกันยาวนานที่สุดด้วย

เฉลย...ควรดื่มน้ำหรือไม่ขณะทานอาหาร

เมื่อตอนเป็นเด็ก หลายคนคงเคยได้ยินคำเตือนของผู้ใหญ่ว่า อย่าดื่มน้ำระหว่างทานอาหาร เพราะจะทำให้อาหารไม่ย่อย อิ่มเร็ว ฯลฯ ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เรามีคำตอบจากนักวิชาการชาวอินเดียมาฝากให้หายข้องใจ

ทีปชิข อการ์วัล นักโภชนาการสาวด้านกีฬา กล่าวว่า “หากคุณดื่มน้ำขณะรับประทานอาหาร จะทำให้กรดและเอนไซม์ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อกระบวนการย่อยอาหาร เจือจางลง ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือ ควรดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนถึงมื้ออาหาร 30 นาที หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำขณะกำลังรับประทาน หรือหลังทานเสร็จทันที ขอให้ทิ้งช่วงห่างอย่างน้อยที่สุด 45-60 นาที จึงค่อยดื่ม”

ด้าน ปริยา การ์เกรา นักโภชนาการคลินิก บอกว่า เรื่องการดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหารนั้น ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่ใช้ได้กับทุกคน “เมื่อรักษาคนไข้โรคอ้วน เราแนะนำให้เขาดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนถึงมื้ออาหาร เพราะมันจะทำให้รู้สึกอิ่ม ไม่อยากอาหาร จึงทานน้อยลง” เธอเน้นว่า น้ำเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย และการจิบน้ำเล็กน้อยระหว่างทานอาหาร ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ

ขณะที่ คุชบู ซาฮิจวานิ นักโภชนาการอีกรายหนึ่ง เชื่อว่า ถ้าอยากดื่มน้ำขณะรับประทานอาหาร ก็ไม่มีผลเสีย “เราได้ยินเสมอว่า การดื่มน้ำระหว่างทานอาหารทำให้รู้สึกอิ่มเร็วเกินไป อันจะส่งผลต่อความอยากอาหาร และหากดื่มน้ำทันทีหลังอาหาร ก็จะส่งผลกระทบต่อกระบวนการย่อยอาหาร ซึ่งทั้งสองเหตุผลนี้ ยังไม่มีข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ยืนยันได้

เพราะโดยทั่วไป ระดับกรดในกระเพาะอาหารจะมีค่อนข้างสูงภายหลังการรับประทาน เนื่องจากน้ำย่อยถูกขับออกมาเพื่อย่อยอาหาร และทั้งอาหารหรือแม้แต่น้ำที่ดื่มในทันที ก็ไม่สามารถเจือจางกรดในกระเพาะอาหาร หรือมีผลต่อกระบวนการย่อยอาหารได้ทั้งนั้น”

ระวัง..นอนเปิดไฟอาจทำให้อ้วนได้

แม้การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่หากนอนเปิดไฟ นอกจากจะเปลืองไฟแล้ว ยังอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้

ผลงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร American Journal of Epidemiology เผยว่า การนอนหลับในห้องที่มีแสงสว่างมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนได้ในสตรี

โดยได้ทำวิจัยในผู้หญิงกว่า 113,000 คน พบว่า แสงสว่างที่มากเกินไปในเวลานอน จะเพิ่มดัชนีมวลกายและขนาดรอบเอวของพวกเธอ ซึ่งความอ้วนนี่เองที่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม

ขณะที่ ศจ.แอนโธนี สเวิร์ดโลว์ จากสถาบันวิจัยมะเร็งในกรุงลอนดอน กล่าวว่า ที่เป็นเช่นนี้เพราะการเผาผลาญอาหารถูกกระทบโดยวงจรภายในร่างกายที่เชื่อมโยงกับการนอนหลับ การตื่นนอน และการสัมผัสแสงสว่าง

กินอาหารขยะประจำ ทำคนขี้เกียจเป็นนิสัย

วิถีชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ทำให้หลายคนต้องหันมาพึ่งอาหารขยะจำพวกไก่ทอด มันทอด แฮมเบอร์เกอร์ พิซซ่า ไส้กรอก แฮม แซนวิช ขนมกรุบกรอบ น้ำอัดลม ในบางมื้อ แต่นานๆครั้งคงไม่เป็นไร อย่ารับประทานเป็นประจำ เพราะนอกจากจะทำให้ขาดโภชนาการที่ดีแล้ว อาจกลายเป็นคนขี้เกียจถาวรอีกด้วย

เพราะทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลอสแองเจลิส สหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองในหนู 2 กลุ่มเป็นเวลา 6 เดือน พบว่า กลุ่มที่กินอาหารขยะ ซึ่งมีน้ำตาลสูงและโภชนาการต่ำ มีน้ำหนักตัวเพิ่มมากกว่า เหนื่อยง่ายกว่า และเฉื่อยชา เมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่กินอาหารไม่ผ่านการแปรรูป เช่น ข้าวโพด และปลา

จากนั้น นักวิจัยจึงเปลี่ยนให้หนูกลุ่มที่กินอาหารขยะ กลับมากินอาหารที่มีโภชนาการดีเป็นเวลา 9 วัน ผลลัพธ์ที่ได้ ไม่แตกต่างไปจากเดิม

สรุปว่า อาหารขยะที่ทำให้ผู้บริโภคขาดพลังงาน กลายเป็นคนขี้เกียจนั้น ผลเสียของมันยังคงมีอยู่ แม้จะเปลี่ยนมารับประทานอาหารที่ถูกต้องตามโภชนาการในระยะเวลาสั้นๆ

อันตราย! ใส่มือถือในกระเป๋ากางเกง ผู้ชายเสี่ยงเป็นหมัน

คุณผู้ชายที่ชอบใส่โทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกง โปรดระวัง!!

มีรายงานวิจัยชิ้นใหม่ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Environment International ซึ่งนำโดย ดร.ฟิโอนา แมธธิวส์ ผู้อำนวยการชีววิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอ็กเซ็กเตอร์ ประเทศอังกฤษ ที่ได้ทบทวนผลงานวิจัย 10 ชิ้น รวมกลุ่มตัวอย่าง 1,492 ราย เกี่ยวกับผลกระทบของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อบุคคล

ดร.แมธธิวส์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการใช้โทรศัพท์มือถืออย่างแพร่หลายไปทั่วโลก จึงจำเป็นต้องศึกษาถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งเธอยืนยันว่า งานวิจัยชิ้นนี้ระบุอย่างชัดเจนถึงการสัมผัสกับคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งเป็นรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่แผ่ออกจากโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง ว่าส่งผลเสียต่อการอยู่รอดและคุณภาพของสเปิร์มหรืออสุจิ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายเป็นหมัน

(จากนิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 167 พฤศจิกายน 2557 โดย ธาราทิพย์)




กำลังโหลดความคิดเห็น