กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข เผยผู้ป่วย 8 โรค ได้แก่ โรคเกล็ดเลือดต่ำ โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไต โรคหอบหืด โรคลมชัก ผู้ที่ผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และผู้ที่มีประวัติแพ้ยา ต้องแจ้งทันตแพทย์ก่อนทุกครั้งเมื่อเข้ารับบริการทำฟันหรือขูดหินปูน
ดร.นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการขูดหินปูนหรือหินน้ำลาย เพื่อป้องกันเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ การสำรวจโดยสำนักทันตสาธารณสุข ในปี 2555 พบว่า คนไทยวัยทำงานกว่าร้อยละ 70 มีหินปูนเกาะบนตัวฟัน ต้องได้รับการดูแลโดยการขูดหินปูน
การขูดหินปูนนั้น ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือขจัดหินปูนแบบที่มีความสั่นสะเทือน ทำให้หินปูนหลุดออก และยังมีเครื่องมือชิ้นเล็ก (Hand instruments) ขูดหินปูนโดยละเอียดอีกครั้ง ซึ่งในขั้นตอนนี้ อาจทำให้มีเลือดออกบ้าง ตามอาการของเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ ที่ส่วนใหญ่จะมีอาการมากน้อยแตกต่างกันไป แต่จะไม่มากจนมีผลใดๆต่อผู้ป่วย
“เฉพาะผู้ป่วยบางโรค ที่ต้องระวังและแจ้งทันตแพทย์ก่อนทุกครั้ง ที่เข้ารับบริการทำฟันหรือขูดหินปูน ซึ่งกลุ่มแรกเป็นกลุ่มโรคที่เลือดออกง่ายและหยุดไหลยาก ได้แก่ โรคเกล็ดเลือดต่ำหรือโรคลิวคีเมีย อาจมีจ้ำเลือดหรือจุดเลือดออกตามร่างกายร่วมด้วย โรคไตและผู้ที่มีประวัติเคยล้างไต เพราะจะได้รับยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่มีประวัติการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ และการใช้ยาละลายลิ่มเลือด
และกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่อาจแสดงอาการในระหว่างการทำฟัน ได้แก่ โรคหัวใจ อาจมีอาการเจ็บหน้าอก หอบเหนื่อย ใจสั่น โรคหอบหืด อาจมีอาการหอบเหนื่อย ต้องมียาพ่นประจำ และได้รับยา Steriod
โรคลมชัก โรคความดันโลหิตสูง และสุดท้าย โรคเบาหวาน เพราะมีผลกระทบทำให้แผลหายยาก ซึ่งหากแจ้งให้ทันตแพทย์ได้รับทราบก่อน จะช่วยให้สามารถเตรียมป้องกัน และเตรียมความพร้อมในกรณีที่อาการกำเริบได้” อธิบดีกรมอนามัยกล่าว
ทพ.สุธา เจียรมณีโชติชัย รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า หินปูนหรือหินน้ำลายเป็นคราบจุลินทรีย์ที่มีการสะสมของแคลซียมในน้ำลายในระยะเวลาหนึ่ง จนเกิดการแข็งตัวคล้ายหินปูน ซึ่งจะสะสมเชื้อโรคหลายชนิด และเป็นแหล่งผลิตสารพิษที่เป็นสาเหตุทำให้เหงือกอักเสบและเป็นโรคปริทันต์
วิธีดูแลและป้องกันการเกิดหินปูนหรือหินน้ำลาย คือ การกำจัดคราบจุลินทรีย์ โดยแปรงฟันให้สะอาดทุกวัน วันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณคอฟันไม่ให้เป็นที่สะสมของคราบจุลินทรีย์ จนกลายเป็นหินปูน
นอกจากนี้ ทันตแพทย์จะแนะนำให้มาตรวจสุขภาพช่องปากทุกปี และหากมีหินปูนก็ควรขูดหินปูนอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อการมีสุขภาพช่องปากที่ดี และลดการสูญเสียฟันในอนาคตอีกด้วย
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 165 กันยายน 2557 โดย กองบรรณาธิการ)