xs
xsm
sm
md
lg

นานาสารธรรม : อะไรคือ “มงคล” ของชีวิต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คำว่า “มงคล” เป็นคำที่ได้ยินกันอยู่เสมอ เช่น งานมงคล วัตถุมงคล เป็นต้น ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 อธิบายความหมายของคำ “มงคล” ไว้ว่า คือเหตุที่นำมาซึ่งความเจริญ เช่น มงคล 38 หรือสิ่งซึ่งถือว่าจะนำสิริและความเจริญมาสู่ และป้องกันไม่ให้สิ่งที่เลวร้ายมากล้ำกราย

ในพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลศัพท์ โดย พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ได้ให้ความหมายไว้ว่า “มงคล” คือ สิ่งที่ทำให้มีโชคดี, ตามหลักพุทธศาสนาหมายถึงธรรมที่นำมาซึ่งความสุขความเจริญ เรียกเต็มว่า อุดมมงคล คือมงคลอันสูงสุด 38 ประการ

ที่มาของมงคล 38 ประการนี้มีกล่าวไว้ในมงคลสูตร ในพระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย หมวดขุททกปาฐะ โดยพระอานนท์ได้กล่าวถึงที่มาของมงคลสูตรไว้ในคราวที่มีการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 1 ว่า ท่านได้สดับรับฟังมาจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ เชตวันวิหาร กรุงสาวัตถี ซึ่งพระองค์ทรงมีรับสั่งให้นำไปเผยแผ่แก่ภิกษุทั้งหลาย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเล่าให้พระอานนท์ฟังว่า ได้มีเทวดาองค์หนึ่งเข้ามาทูลถามพระองค์เรื่องความเป็นมงคล เทวดาองค์นั้นได้กราบทูลว่า ได้เกิดความเห็นที่แตกต่างกันขึ้นทั้งในหมู่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในเรื่องที่ว่าอะไรคือมงคลของชีวิต เกิดความขัดแย้งโต้เถียงกัน และยืดเยื้อเป็นเวลานานถึง 12 ปี ก็ยังไม่ได้คำตอบหรือข้อสรุป

ในที่สุด ท้าวสักเทวราชหรือพระอินทร์จึงให้เทวดาองค์หนึ่งทูลถามพระพุทธเจ้าถึงเรื่องนี้ พระพุทธองค์จึงทรงแสดงหลักมงคลสูตร ซึ่งมีทั้งหมด 10 หมวด นับได้ 38 ประการ และเมื่อแสดงจบแล้ว เหล่าเทวดาทั้งหลายก็ได้บรรลุธรรม

มงคลสูตรเป็นพระสูตรสำคัญบทหนึ่งที่มีเนื้อหาแสดงถึงการปฏิเสธมงคลภายนอก ที่นับถือเหตุการณ์หรือสิ่งต่างๆ ว่าเป็นมงคลหรือมีมงคล โดยอธิบายว่าในทัศนะพระพุทธศาสนานั้น มงคลของมนุษย์และเทวดาย่อมเกิดจากการกระทำอันได้แก่ มงคลภายใน คือต้องกระทำความดี และความดีนั้นจะเป็นสิ่งที่เรียกว่ามงคลเอง โดยไม่ต้องไปอ้อนวอนกราบไหว้ขอมงคลจากนอกตัว

คาถาที่ 1
1. อเสวนา จ พาลานํ - ไม่คบคนพาล
2. ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา - คบบัณฑิต
3. ปูชา จ ปูชนียานํ - บูชาคนที่ควรบูชา

คาถาที่ 2
4. ปฏิรูปเทสวาโส จ - อยู่ในปฏิรูปเทศ, อยู่ในถิ่นมีสิ่งแวดล้อมดี
5. ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา - ได้ทำความดีให้พร้อมไว้ก่อน, ทำความดีเตรียมพร้อมไว้แต่ต้น
6. อตฺตสมฺมาปณิธิ จ - ตั้งตนไว้ชอบ

คาถาที่ 3
7. พาหุสจฺจญฺจ - เล่าเรียนศึกษามาก, ทรงความรู้กว้างขวาง, ใส่ใจสดับตรับฟัง ค้นคว้าหาความรู้อยู่เสมอ
8. สิปฺปญฺจ - มีศิลปวิทยา, ชำนาญในวิชาชีพของตน
9. วินโย จ สุสิกฺขิโต - มีระเบียบวินัย, ได้ฝึกอบรมตนไว้ดี
10. สุภาสิตา จ ยา วาจา - วาจาสุภาษิต, รู้จักใช้วาจาพูดให้เป็นผลดี

คาถาที่ 4
11. มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ - บำรุงมารดาบิดา
12. ปุตฺตสงฺคห - สงเคราะห์บุตร
13. ทารสงฺคห - สงเคราะห์ภรรยา
14. อนากุลา จ กมฺมนฺตา - การงานไม่อากูล ได้แก่ อาชีพการงาน ที่ทำด้วยความขยันหมั่นเพียร เอาธุระ รู้จักกาล ไม่คั่งค้าง ย่อหย่อน

คาถาที่ 5
15. ทานญฺจ - รู้จักให้, เผื่อแผ่แบ่งปัน, บริจาคสงเคราะห์และบำเพ็ญประโยชน์
16. ธมฺมจริยา จ - ประพฤติธรรม, ดำรงอยู่ในศีลธรรม
17. ญาตกานญฺจ สงฺคโห - สงเคราะห์ญาติ
18. อนวชฺชานิ กมฺมานิ - การงานที่ไม่มีโทษ, กิจกรรมที่ดีงาม เป็นประโยชน์ ซึ่งไม่เป็นทางเสียหาย ท่านยกตัวอย่างไว้ เช่น การสมาทานอุโบสถ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สร้างสวน ปลูกป่า สร้างสะพาน เป็นต้น

คาถาที่ 6
19. อารตี วิรตี ปาปา - เว้นจากความชั่ว
20. มชฺชปานา จ สญฺญโม - เว้นจากการดื่มน้ำเมา
21. อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ - ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย

คาถาที่ 7
22. คารโว จ - ความเคารพ, การแสดงออกที่แสดงถึงความเป็นผู้รู้จักคุณค่าของบุคคล สิ่งของ หรือกิจการนั้นๆ และรู้จักให้ความสำคัญและความใส่ใจเอื้อเฟื้อโดยเหมาะสม
23. นิวาโต จ - ความสุภาพอ่อนน้อม, ถ่อมตน
24. สนฺตุฏฺฐี จ - ความสันโดษ, ความเอิบอิ่มพึงพอใจในผลสำเร็จที่ได้สร้างขึ้น หรือในปัจจัยลาภที่แสวงหามาได้ ด้วยเรี่ยวแรงความเพียรพยายามของตนเองโดยทางชอบธรรม
25. กตญฺญุตา - มีความกตัญญู
26. กาเลน ธมฺมสฺสวนํ - ฟังธรรมตามกาล, หาโอกาสแสวงหาความรู้เกี่ยวกับหลักความจริง ความดีงาม และเรื่องที่เป็นประโยชน์

คาถาที่ 8
27. ขนฺตี จ - มีความอดทน
28. โสวจสฺสตา - เป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย, พูดกันง่าย ฟังเหตุผล
29. สมณานญฺจ ทสฺสนํ - พบเห็นสมณะ, เยี่ยมเยียนเข้าหาท่านผู้สงบกิเลส
30. กาเลน ธมฺมสากจฺฉา - สนทนาธรรมตามกาล, หาโอกาสสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกันเกี่ยวกับหลักความจริงความดีงามและเรื่องที่เป็นประโยชน์

คาถาที่ 9
31. ตโป จ - มีความเพียรเผากิเลส, รู้จักบังคับควบคุมตน ไม่ปรนเปรอตามใจอยาก
32. พฺรหฺมจริยญฺจ - ประพฤติพรหมจรรย์, ดำเนินตามอริยมรรค, การรู้จักควบคุมตนในทางเพศ หรือถือเมถุนวิรัตตามควร
33. อริยสจฺจาน ทสฺสนํ - เห็นอริยสัจ, เข้าใจความจริงของชีวิต
34. นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ - ทำพระนิพพานให้แจ้ง, บรรลุนิพพาน

คาถาที่ 10
35. ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ - ถูกโลกธรรม จิตไม่หวั่นไหว
36. อโสกํ - จิตไร้เศร้า
37. วิรชํ - จิตปราศจากธุลี
38. เขมํ - จิตเกษม

แต่ละคาถามีบทสรุปว่า “เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ” นี้เป็นมงคลอันอุดม และมีคาถาสรุปท้ายมงคลทั้ง 38 นี้ว่า

“เอตาทิสานิ กตฺวาน สพฺพตฺถมปราชิตา
สพฺพตฺถ โสตฺถี คจฺฉนฺติ ตนฺเตสํ มงฺคลมุตฺตมนฺติ”


แปลว่า เทวะมนุษย์ทั้งหลายกระทำมงคลเช่นนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่ปราชัยในที่ทุกสถาน ย่อมถึงความสวัสดีในที่ทั้งปวง นี้คืออุดมมงคลของเทวะมนุษย์เหล่านั้น

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 157 มกราคม 2557 โดย กองบรรณาธิการ)

กำลังโหลดความคิดเห็น