xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมะกับสุขภาพ : กินน้อยตายยาก (ตอน 1) ลดอาหารพลังงานสูง ลดการอักเสบในร่างกาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การรับประทานอาหารมีความสำคัญต่อสุขภาพอย่างมากทั้งชนิดของอาหาร และปริมาณอาหาร อาหารที่อร่อยจะมีรสหวานมัน ซึ่งจะเป็นที่ชื่นชอบของคนที่แสวงหาอาหารอร่อยทาน

ปัจจุบัน นักโภชนาการจะแนะนำให้รับประทานอาหารสุขภาพ ซึ่งมีลักษณะดังนี้คือ เป็นอาหารไขมันต่ำ มีผักผลไม้มาก และกินอาหารพวกแป้งและน้ำตาลให้น้อย เนื้อสัตว์ปานกลาง ผักผลไม้กินให้มากหน่อย ซึ่งจะให้ไฟเบอร์สูง

ผักผลไม้ยังอุดมไปด้วยวิตามินเกลือแร่และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะทำให้ไม่เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง เป็นต้น


อาหารที่มีลักษณะดังกล่าวก็เช่นอาหารไทยเรา จำพวกแกงส้ม แกงเลียง แกงป่า แกงเปอะ ผักต้มจิ้มน้ำพริก น้ำพริกปลาทู ส้มตำ การกินผักกินปลาแนวนี้ ทำให้เรามีสุขภาพดี ไม่เป็นโรค

บางท่านรับประทานมังสวิรัติ อาหารชีวจิต หรือแนวแมคโครไบโอติคส์ ก็เป็นอาหารไขมันต่ำ ผักผลไม้มากเหมือนกัน ซึ่งก็ได้รับการยอมรับกันทั่วไปว่า ช่วยป้องกันและบำบัดโรคได้

และปัจจุบัน แพทย์แผนปัจจุบันจะแนะนำให้กินอาหารน้อยลง เพื่อให้มีสุขภาพดี อายุยืน ซึ่งในทางการแพทย์ก็มีงานวิจัย ศึกษาทดลองในเรื่องนี้ มีข้อมูลน่าศึกษาอยู่พอสมควร

ในทางการแพทย์ การรับประทานอาหารมาก โดยเฉพาะอาหารที่ให้พลังงานมาก เช่น แป้ง น้ำตาล ไขมันสัตว์หรือไขมันพืชที่มีไขมันโอเมก้า 6 เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันทานตะวัน จะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย การอักเสบที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวทำลายอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายทีละน้อย ทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆตามมา

ดังนั้น แพทย์จึงแนะนำให้ลดอาหารมีพลังงานสูง ลงร้อยละ 30-40 ซึ่งจะช่วยลดการเกิดโรคเหล่านี้ได้ โรคเรื้อรังกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก เพราะเป็นสาเหตุการตายส่วนใหญ่ของคนในโลก ในปี 2011 มีคนทั่วโลกเสียชีวิต ประมาณ 36 ล้านคน และ 9 ล้านคนในจำนวนนี้ มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ซึ่งเป็นการสูญเสียบุคลากรที่มีค่าจำนวนมากในทุกปี

ในปี 2020 องค์การอนามัยโลกคาดว่า จะมีคนเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังถึง 50 ล้านคน ซึ่งเป็นวิกฤติทางด้านสุขภาพของคนในโลกปัจจุบัน

ดังนั้น จึงมีการทำวิจัยเพื่อหาแนวทางในการลดอัตราตายจากโรคเหล่านี้ลง

ในปี 2004 นิตยสารไทม์ลงตีพิมพ์หน้าปก เรื่อง การอักเสบ (Inflammation) ว่าเป็นฆาตกรลึกลับ (Secret Killer) ที่เป็นสาเหตุหรือกลไกทำให้เกิดโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคความดัน เบาหวาน โรคเส้นเลือดหัวใจตีบ โรคสมองเสื่อม โรคมะเร็ง ที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายในแต่ละปี

การอักเสบเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเวลาที่ร่างกายได้รับสารแปลกปลอมเข้ามาในร่างกาย เช่น เชื้อโรคต่างๆ หรือมีบาดแผลอุบัติเหตุ

นอกจากนั้น ภายในร่างกายเองเวลามีการเผาผลาญสารอาหารที่มีพลังงานสูง จำพวกไขมัน แป้ง น้ำตาล ก็จะมีปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เกิดสารเคมีที่ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ตลอดเวลา

หรือสารอนุมูลอิสระ ที่เกิดจากการเผาผลาญอาหาร ก็ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ ส่วนอาหารผักผลไม้จะช่วยลดการอักเสบให้น้อยลง

ขอยกตัวอย่างให้เห็นชัดขึ้น เช่น เวลาเกิดบาดแผลอุบัติเหตุ บริเวณที่เกิดการอักเสบจะมีเลือดไหลเวียนมากขึ้น เพื่อให้เม็ดเลือดต่างๆเข้ามาจัดการกับเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา มีสารเคมีต่างๆหลั่งออกมาจากเม็ดเลือดขาว ช่วยกันกำจัดเชื้อโรคและสารแปลกปลอมที่เข้ามาทางบาดแผล ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเป็นปฏิกิริยาทางระบบภูมิคุ้มกันโรค ที่มีตามปกติของร่างกายอยู่แล้ว

ถ้าเป็นแบบเฉียบพลันมันจะเกิดอาการปวด บวม แดง ร้อน ที่บาดแผลนั้นอย่างชัดเจน เช่น กรณีติดเชื้อโรค บาดแผลอุบัติเหตุ สิวอักเสบ เหงือกอักเสบ ฝีหนองที่ผิวหนัง เป็นต้น

แต่ว่าการอักเสบที่เราพูดถึงว่า เป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังนั้น จะเป็นปฏิกิริยาที่ไม่รุนแรง แต่เกิดแบบเรื้อรังทีละเล็กทีละน้อยตลอดเวลาทั่วไปในร่างกาย ที่เรียกว่า อักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation)

การอักเสบแบบนี้เราจะไม่รู้สึกปวด บวม แดง ร้อนอะไร ซึ่งเราตรวจพบได้โดยการตรวจเลือด หาค่าของสารเคมีที่เป็นตัวบ่งชี้ว่า มีการอักเสบเกิดขึ้นในร่างกาย สารเหล่านั้นได้แก่ C-Reactive Protein, IL- 6, TNF-alpha เป็นต้น เราสามารถตรวจได้ในห้องปฏิบัติการ

ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา มีงานวิจัยเรื่องการอักเสบต่อการเกิดโรคต่างๆออกมามากมาย จนทำให้เราทราบกลไกอันสลับซับซ้อนนี้ได้อย่างเด่นชัด

การอักเสบถ้าเกิดขึ้นที่เส้นเลือดสมอง ก็ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อม ถ้าเกิดขึ้นที่เส้นเลือดหัวใจก็เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ถ้าเกิดที่ตับอ่อนก็เกิดโรคเบาหวาน

การอักเสบทำให้เราแก่เร็ว เป็นโรคมะเร็ง โรคสมองเสื่อม อายุสั้นลง ขบวนการอักเสบเกิดขึ้นทั่วร่างกายตลอดเวลา เวลาเราพูดถึงร่างกายได้รับสารพิษจำพวกอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดโรค โดยกลไก คือ มันทำให้เกิดการอักเสบนั่นเอง

งานวิจัยทางการแพทย์พบว่า การรับประทานผักผลไม้มาก การให้วิตามินเกลือแร่ อาหารเสริมพวกสารต้านอนุมูลอิสระ ไขมันโอเมก้า 3 การออกกำลังกายเป็นประจำ การนอนหลับอย่างเพียงพอ การฝึกโยคะ ชี่กง การทำสมาธิ การเจริญสติ ทำให้ลดการอักเสบในร่างกายลงได้

ตรงกันข้าม การรับประทานอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล ไขมัน โอเมก้า 6, การขาดการออกกำลังกาย การนอนดึกเป็นประจำ การได้รับสารอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อม จากอาหาร การสูบบุหรี่ ความเครียดในชีวิตประจำวัน เหล่านี้ทำให้เกิดการอักเสบแบบเรื้อรัง

ดังนั้น เพื่อลดการอักเสบในร่างกายลง จึงมีการใช้การลดอาหารพลังงานสูง ลงร้อยละ 30-40 โดยไม่ให้ขาดสารอาหาร ที่เรียกว่า Caloric Restriction with Optimal Nutrition หรือ CRON หรือเรียกย่อๆว่า CR ก็เข้าใจกัน

การอักเสบที่เกิดขึ้นก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในกรณีที่มีเชื้อโรคหรือเซลล์มะเร็งเกิดขึ้น ก็จะมีเม็ดเลือดขาวเข้าจัดการทำลาย ซึ่งเป็นกลไกตามปกติของร่างกาย แต่ถ้ามันเกิดขึ้นตลอดเวลาเป็นเวลานานๆ มันก็มีผลเสีย ทำให้หลอดเลือดในอวัยวะต่างๆถูกทำลาย เช่น กรณีที่เรารับประทานไขมันประเภทโอเมก้า 6 จำนวนมากเป็นประจำ นานเข้าก็ทำให้ผนังหลอดเลือดหัวใจถูกทำลาย และมีการอุดตันตามมา

กลไกเรื่องการอักเสบเป็นเรื่องที่สำคัญในปัจจุบัน นพ.แอนดรู ไวล์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพองค์รวม กล่าวว่า การอักเสบเป็นกลไกของการเกิดโรคเรื้อรังต่างๆ ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ และวิธีการต่างๆทางสุขภาพที่จะทำให้สุขภาพดี จะต้องช่วยลดการอักเสบลงได้ การลดอาหารพลังงานสูง ลงร้อยละ 30-40 ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังได้ เพราะมันช่วยลดการอักเสบนั่นเอง

การฝึกสมาธิ การเจริญสติ ก็ช่วยลดการอักเสบลงได้ เพราะความเครียดทำให้เกิดการอักเสบ

การอดอาหารเป็นครั้งคราว ก็ช่วยให้เราได้รับสารอาหารลดน้อยลง ทำให้การอักเสบลดลง ดังนั้น การอดอาหารจึงช่วยป้องกันโรคได้นั่นเอง
นพ.แอนดรู ไวล์ จึงได้แนะนำให้รับประทานอาหารที่ต้านการอักเสบ

คำสอนของพระพุทธองค์ ท่านได้กล่าวถึงเรื่องการรับประทานอาหารไว้ค่อนข้างชัดเจน ในอปัณณกปฏิปทา ข้อปฏิบัติไม่ผิด 3 ประการ คือ 1. อินทรีสังวร การสำรวมอินทรีย์ 2. โภชเนมัตตัญญุตา รู้จักประมาณในการบริโภค 3. ชาคริยานุโยค การประกอบความตื่น ไม่เห็นแก่นอน อันนี้ก็เป็นหลักของผู้ปฏิบัติธรรมที่ต้องยึดถือ

ในเรื่องอาหารท่านให้รับประทานแต่พอประมาณ ไม่ให้มากเกินไป ถามว่าพอประมาณแค่ไหน ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค ท่านกล่าวไว้ว่า รับประทานอาหารอีก 4-5 คำ จะรู้สึกอิ่ม ก็ให้ดื่มน้ำตาม เท่านี้ก็เรียกว่าพอประมาณ

ในภัททาลิสูตร มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระพุทธองค์ทรงแนะนำให้พระภิกษุฉันอาหารมื้อเดียว ในช่วงเช้าจนถึงเที่ยง หลังเที่ยงแล้วก็ไม่ฉันอะไรนอกจากน้ำปาณะ คือ งดอาหารมื้อเย็นนั่นเอง ท่านสรรเสริญการฉันอาหารมื้อเดียวว่า ทำให้สุขภาพดี มีอาพาธน้อย อยู่อย่างสุขสบาย ดังนี้

“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราฉันอาหารมื้อเดียว เมื่อฉันอาหารมื้อเดียว ย่อมรู้สึกว่าอาพาธน้อย มีความลำบากกายน้อย มีความเบากาย มีกำลัง และอยู่อย่างผาสุก”

ท่านผู้อ่านสามารถหาข้อมูลได้ใน www.drweil.com/anti-inflammatory diet และฟังคำบรรยายเรื่องการอักเสบ และอาหารลดการอักเสบได้ใน www.youtube.com/inflammation underlies much disease.และเรื่อง anti-inflammatory diet tips from Dr. Andrew weil. ก็จะได้ความรู้อย่างมากมาย

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 155 พฤศจิกายน 2556 โดย นพ.แพทย์พงษ์ วรพงศ์พิเชษฐ)







กำลังโหลดความคิดเห็น