xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมะกับชีวิตประจำวัน : ระวัง!! โรคทางวิญญาณ ทำร้ายร่างกายคุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ถ้าคนเรามีธรรมะในความหมายที่ว่า เป็นหน้าที่ตามธรรมชาติแล้ว คนนั้นก็ยากที่จะมีโรคภัยไข้เจ็บ หรือยากที่จะตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ

สิ่งที่เรียกว่าโรคภัยไข้เจ็บนั้น เมื่อกล่าวโดยทั่วๆไปแล้ว ย่อมพอที่จะกล่าวได้ว่า มีอยู่ ๒ อย่างคือ โรคทางกาย และ โรคทางวิญญาณ

โรคทางกาย
นั้น ได้แก่ ความเจ็บไข้ทางกายทั่วๆไปนั้นอย่างหนึ่ง รวมทั้งความเจ็บไข้ที่เนื่องด้วยโรคเกี่ยวกับจิต ที่เราต้องไปส่งโรงพยาบาลโรคจิตนี้อีกอย่างหนึ่ง ทั้งสองนี้ก็รวมเรียกว่าโรคทางกาย หรือถ้าไม่อยากเรียกรวมกันก็จะแยกออกเป็น ๓ อย่างได้ คือ โรคทางกายอย่างหนึ่ง โรคทางจิตอย่างหนึ่ง โรคทางวิญญาณอีกอย่างหนึ่ง

โรคทางกายก็รักษาที่โรงพยาบาลตามปกติ โรคทางจิตก็ไปโรงพยาบาลโรคจิต ส่วนโรคทางวิญญาณนั้น ต้องไปโรงพยาบาลของพระพุทธเจ้า

โรคทางวิญญาณ
หมายความว่า ร่างกายก็สบายดี จิตใจก็ปกติดี มีอนามัยแข็งแรงดี มีทรัพย์สมบัติเกียรติยศชื่อเสียงพอตัว แต่แล้วก็ยังต้องน้ำตาไหลอยู่บ่อยๆ ต้องมีความทุกข์ทรมานบางอย่างบางประการอยู่บ่อยๆ ส่วนนี้เรียกว่า “โรคทางวิญญาณ” ต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลของพระพุทธเจ้า แต่แล้วก็ไม่มีอะไรอื่นนอกจากธรรม

ทีนี้เราก็มาคิดดูกันใหม่ สำหรับโรคที่เรียกกันว่า โรคทางกาย หรือโรคทางจิตนั้น ก็มีมูลมาจากการขาดธรรมด้วยเหมือนกัน และจะหายได้ก็ด้วยการมีธรรม ยิ่งกว่าการกินหยูกกินยาโดยแน่นอน

คือว่าคนเราจะเจ็บป่วยอะไรขึ้นมา ก็เนื่องจากการทำผิดหน้าที่ตามธรรมชาติ ยกตัวอย่างตั้งต้นตั้งแต่เพราะไม่ระวัง จึงได้มีการเจ็บป่วย เป็นบาดแผลอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น นี่เรียกว่าขาดสติสัมปชัญญะ ก็ต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัว เรียกว่าขาดธรรมที่ชื่อว่า “สติสัมปชัญญะ” ซึ่งเป็นหน้าที่ที่มนุษย์จะต้องมี

ทีนี้คนเรายังมีโรคอื่นอีกหลายอย่าง นับตั้งแต่ที่เรารู้จักกันมากๆ เช่น โรคประสาท โรคความดันโลหิตสูง แม้โรคเบาหวาน โรคกระเพาะอาหาร เขามักจะคิดกันเสียว่า นั่นมันเป็นโรค แล้วก็จะต้องรักษาตามวิธีของการรักษาโรค เขาลืมไปเสียว่า อาการชนิดนั้นเกิดขึ้นมาเพราะขาดธรรม

คนเราเป็นโรคกระเพาะอาการเพราะขาดธรรมะ ข้อนี้ไม่ได้หมายความแต่เพียงว่า เป็นผู้ไม่ระมัดระวังอาหารการกิน

แต่ข้อนี้หมายความว่า คนโดยมากเมื่อขาดธรรมะแล้ว ย่อมมีจิตใจเศร้าหมอง มีจิตวิตกกังวล วิตกกังวลด้วยความยึดมั่นถือมั่น ในเรื่องตัวตนหรือของตนมากเกินไป นอนหลับไม่สนิท กระทั่งนอนไม่หลับ กระทั่งอยู่ด้วยความวิตกกังวล เป็นการทนทรมาน

ความวิตกกังวลนี้ทำให้นอนหลับยาก และเมื่อเป็นไปมากเข้าๆ ก็มีผลทางร่างกาย ทำให้เกิดโรคนับตั้งแต่โรคกระเพาะอาหารเป็นต้นไป เพราะว่าความวิตกกังวลนั้น ทำให้เสียโลหิตที่หล่อเลี้ยงร่างกายไปเป็นอันมาก เพราะไปถูกทำลายเสียมากมายที่ส่วนสมอง

ส่วนกระเพาะอาหารที่จะย่อยอาหารก็ขาดแคลนโลหิต นานเข้ากระเพาะอาหารก็ผิดปกติ คนเราก็เป็นโรคกระเพาะอาหารชนิดที่รักษาได้แสนยาก เหลือที่จะรักษาได้โดยง่าย จนหมดศรัทธา จนตายไปก็มี

นี่ไม่ใช่โรคทางกายล้วนๆ พิจารณาดูจะเห็นได้ว่าเพราะขาดธรรมะ เพราะโรคทางวิญญาณเป็นต้นเหตุ เราจึงเป็นโรคทางกาย เช่น โรคกระเพาะอาหาร เป็นต้น

หรือว่าถ้าความวิตกกังวลนั้น ได้ทำให้เราวิกลจริต ต้องส่งไปโรงพยาบาลโรคจิต หรือโรงพยาบาลทางประสาทก็ตาม นี้มันก็ไม่ใช่เรื่องทางกายล้วนๆ มันเป็นเรื่องของโรคทางวิญญาณที่ทำให้เกิดอาการชนิดนั้นขึ้นมา ต้องวิกลจริต ต้องไปโรงพยาบาลประสาทอย่างซ้ำๆซากๆ ไม่มีวันหาย ก็เพราะว่าต้นเหตุอันแท้จริงไม่ได้รักษา คือไม่ได้รักษาโรคทางวิญญาณ ให้เป็นคนหยุดความวิตกกังวลเสีย

ดังนั้น จะรักษาโรคประสาทหรือโรคความดันโลหิตกันสักเท่าไรๆ มันก็ไม่มีทางหายได้ เว้นเสียแต่ว่า จะได้รักษาโรคทางวิญญาณ คือมีธรรมะเป็นเครื่องกำจัดความวิตกกังวลเสียได้ ไม่ต้องกินยาอะไร โรคภายนอกเหล่านั้นก็หายไปเอง เป็นอย่างนี้ นี่เรียกว่า โรคทั้งหลายมีมูลมาจากโรคทางวิญญาณ คือการขาดธรรมนั่นเอง

การแก้ไขโรคในทางวิญญาณนั้นเป็นหน้าที่ มนุษย์ละเลยหน้าที่ จึงต้องได้รับโทษคือความทุกข์ หรือความตาย แต่ถ้าไม่ละเลยหน้าที่ คือมีธรรมะในส่วนนี้ แล้วก็ไม่เป็นโรคและไม่ตาย

ดังนั้น จะพิจารณากันเท่าไรๆ ก็จะพบได้ว่า โรคทั้งหลายเกิดมาจากการที่มนุษย์ทำผิดหน้าที่ตามธรรมชาติทั้งนั้น ไม่ว่าโรคอะไร แม้ที่สุดแต่ทำมีดบาดมือให้เป็นแผลเจ็บปวดขึ้นมา ก็เพราะทำผิดหน้าที่ ที่จะต้องมีสติสัมปชัญญะดังที่กล่าวแล้ว

นับตั้งแต่โรคอย่างต่ำที่สุด จนถึงโรคอย่างสูงที่สุด ล้วนแต่เป็นเรื่องทำผิด เพราะไม่มีสติสัมปชัญญะบ้าง เพราะความเข้าใจผิดอย่างใดอย่างหนึ่งบ้าง เพราะความไม่รู้ในสิ่งที่ควรรู้เสียเลยโดยประการทั้งปวงบ้าง นี้เรียกว่าเป็นโรคทางวิญญาณทั้งนั้น

ถ้าเราเอาใจใส่ให้มากที่สุดในหน้าที่ของตนในส่วนนี้ คือมีธรรมะในส่วนนี้แล้ว คนเราก็จะเจ็บไข้ได้ป่วยยากที่สุด และเมื่อคนเราเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วก็จะหายได้โดยง่ายที่สุด

เดี๋ยวนี้เรามีความเจ็บไข้แล้วเราไม่รู้จักรักษาอย่างไร ไม่รู้จักกำจัดโรคนั้นออกไปได้โดยวิธีใด เพราะไม่รู้ธรรมะ เพราะไม่รู้หน้าที่

หารู้ไม่ว่า โรคภัยทั้งหลายเกิดจากความวิตกกังวล แล้วก็ไม่ได้กำจัดความวิตกกังวล ตัวเป็นโรคกระเพาะอาหาร เพราะมีความวิตกกังวลเป็นต้นเหตุ แต่แล้วก็ไม่สนใจที่จะรักษาโรคกระเพาะอาหาร ด้วยการทำลายความวิตกกังวล กลับไปสร้างความวิตกกังวล ในด้านกิจการงานการเงิน การอะไรต่างๆให้มากขึ้นอีกทางหนึ่ง มันก็ไม่มีทางจะหายได้

โรคทั้งหลายมีมูลมาจากความไม่เป็นปกติของส่วนประกอบของร่างกาย ซึ่งเป็นธรรมชาติ และเป็นไปตามกฎธรรมชาติทั้งนั้น ไม่ว่าโรคอะไร ฉะนั้น ถ้าผู้ใดได้เข้าถึงความจริงข้อนี้ มีธรรมะกันจริงๆในข้อนี้แล้ว ก็ยากที่จะเจ็บไข้หรือยากที่จะตายได้

นี่แหล่ะ คือข้อที่มีธรรมะเป็นเหมือนผ้าประเจียด ที่จะปะทะมัจจุราชทั้งหลายไว้ ไม่ให้ครอบงำบุคคลนั้น นี้เรียกว่า ปะทะมัจจุราช ในด้านที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บ

(ส่วนหนึ่งจากการแสดงธรรม วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๐๘)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 154 ตุลาคม 2556 โดย พระธรรมโกศาจารย์ (พุทธทาสภิกขุ) สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฎร์ธานี)
กำลังโหลดความคิดเห็น