xs
xsm
sm
md
lg

กฎแห่งกรรม : อาม่าสั่งฆ่า!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


แม้เวลาจะผ่านไปร่วม 60 ปีแล้ว แต่ทุกสิ่งที่แม่(กิมฮวย) ได้ประสบมายังคงแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ เพราะแม่มักจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับอาม่าให้ลูกฟังบ่อยๆ แม่บอกว่า ตอนนั้นไม่รู้ว่าสิ่งที่อาม่าได้รับ คือกรรมที่อาม่าได้ก่อไว้

อาม่าเป็นผู้หญิงจีนรูปร่างเล็กๆ แต่งงานมีลูก 3คน ลูกสาว 2 ลูกชาย 1 แม้ทั้งสองคนผัวเมียจะช่วยกันทำมาหากินอย่างขยันขันแข็ง แต่ครอบครัวก็ยังอดๆอยากๆ ยิ่งช่วงหลังอากงเจ็บป่วย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง อาหารการกินก็ยิ่งไม่ค่อยพอ

เพื่อนบ้านที่นั่งปรับทุกข์กัน ก็บอกให้อาม่าไปทำมาหากินที่เมืองไทย แล้วค่อยส่งเงินกลับมาให้ครอบครัว เหมือนคนอื่นๆในหมู่บ้าน อาม่าฟังแล้วก็นอนคิดอยู่เป็นอาทิตย์ จึงตัดสินหอบลูกสาว 2 คน หนีความอดยากแสนเข็ญจากเมืองจีน ลงเรือสำเภามาเมืองไทย ปล่อยให้อากงอยู่กับลูกชายคนเล็กที่เมืองจีน แกคิดว่าวิธีนี้จะช่วยให้อากงกับลูกชายได้กินอิ่ม และจะได้แข็งแรงขึ้น เพราะมีแค่สองปากท้องเท่านั้น ส่วนตัวแกเองกับลูกสาวเมื่อมาถึงเมืองไทยแล้วคงไม่อดตาย และจะเก็บเงินส่งมาให้สามีกับลูก ถ้ามีเงินมากพอก็จะมารับสองพ่อลูกไปอยู่ด้วย

ที่เมืองไทย..อาม่ายึดอาชีพขายกล้วยปิ้งเลี้ยงลูกสาว 2 คน อยู่ย่านตลาดน้อย ซึ่งก็พออยู่ได้ไม่ลำบากมากเหมือนเมืองจีน เพราะอย่างน้อยลูกๆก็ได้กินอิ่ม และยังพอมีเงินเก็บเล็กๆน้อยๆส่งไปบ้านเกิด

อาม่าทำมาหากินที่เมืองไทยได้ประมาณ 5-6 ปี ก็ได้ข่าวว่าอากงเสียชีวิต ส่วนลูกชายก็หนีหายไป ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

เมื่อ “เง็กท้อ” ลูกสาวคนโต อายุได้ 17 ปีก็แต่งงานไปกับหนุ่มจีนลูกจ้างโรงงานทำเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งตอนหลังก็ออกมาทำกิจการเอง

ส่วน “กิมฮวย” ลูกสาวคนที่สอง ก็แต่งงานกับหนุ่มจีนลูกจ้างร้านทำเฟอร์นิเจอร์

เมื่อลูกสาวสองคนแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว ไม่นานอาม่าก็มีสามีใหม่ เป็นหนุ่มจีนจับกังรับจ้างแบกข้าวสาร ตอนหลังมีลูกด้วยกันอีก 2 คน ลูกชาย 1 ลูกสาว 1

แม้จะแต่งงานไปแล้ว แต่เง็กท้อกับกิมฮวย ก็ยังแวะเวียนมาหาอาม่าอยู่เสมอ เง็กท้อมีลูกดก เรียกว่าลูกหัวปีท้ายปี จนเลี้ยงไม่ค่อยไหว เพราะต้องช่วยสามีทำกิจการเส้นก๋วยเตี๋ยว ซึ่งเป็นงานหนักมาก เง็กท้อจึงมาปรับทุกข์กับอาม่า แกก็นำเรื่องนี้ไปปรับทุกข์ต่อกับเพื่อนแม่ค้าที่ตลาด ว่าไม่รู้จะช่วยลูกได้อย่างไร ในที่สุดแกก็หาทางออกให้ลูกได้

เมื่ออาม่ากลับมาบอกลูกสาวกับลูกเขย ตอนแรกทั้งสองตกใจที่ได้ฟังวิธีการที่อาม่าบอก แต่เมื่ออาม่ายืนยันว่า นี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ครอบครัวไม่ลำบากในอนาคต ทั้งคู่จึงตกลงที่จะให้อาม่าจัดการให้

อาม่าพาเง็กท้อไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาด และสั่งให้หมอเถื่อนทำแท้งให้ลูกสาว ตอนนั้นเง็กท้อท้องได้ 3 เดือนแล้ว เธอถูกฉีดยาและขูดมดลูกจนเจ็บปวดรวดร้าวแทบขาดใจ ส่งเสียงร้องโหยหวน อาม่ายืนมองด้วยความสงสารลูกสาวจับใจ แต่แกคิดว่า นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่แกจะช่วยลูกได้

หลังจากนั้นเมื่อเง็กท้อตั้งท้องลูกติดๆกันอีก แกก็จะพามาทำแท้งเหมือนที่เคยทำ ในที่สุดเง็กท้อก็มีลูกแค่ 4 คน เพราะทำแท้งไป 2 คน

ส่วนกิมฮวย ลูกสาวที่แต่งกับลูกจ้างร้านเฟอร์นิเจอร์ ก็มีชีวิตครอบครัวที่ไม่สบายเท่าไหร่นัก พอมีพอกินไปวันๆ ตอนหลังสามีก็ดิ้นรนออกมาทำการค้าเอง กิมฮวยจึงต้องทำงานหนัก เพื่อแบ่งเบาภาระของสามี

อุปสรรคในการทำมาหากินของกิมฮวยไม่ต่างจากเง็กท้อ เพราะเธอก็มีลูกหัวปีท้ายปีเหมือนกัน ลูก 3คนของเธอยังเล็ก และเลี้ยงไม่ไหว เมื่อเธอตั้งท้องอีก จึงเป็นธุระของอาม่าที่จะจัดการช่วยเหลือ โดยการพาไปทำแท้ง

หมอเถื่อนฉีดยาถึง 3 ครั้ง แต่ไม่เป็นผล เด็กไม่ยอมหลุดออกมา เขาสงสัยว่ามดลูกคงจะหนามาก จึงไม่กล้าฉีดยาซ้ำอีก เพราะผู้เป็นแม่จะได้รับอันตรายถึงชีวิต อาจจะเป็นบุญของเด็กที่ยังไม่ถึงฆาต อาม่าจึงจำต้องให้กิมฮวยตั้งท้องลูกคนนี้ต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดคลอด (เด็กผู้หญิงคนนี้ที่รอดมาได้ก็คือผู้เขียนนั่นเอง)

และเมื่อตั้งท้องลูกคนที่ 5 อาม่าก็พากิมฮวยไปทำแท้งอีก คราวนี้ไม่มีปัญหา แต่กิมฮวยก็ได้ประสบการณ์ชีวิตอันเจ็บปวดแสนสาหัสจากการถูกขูดมดลูก อาม่าเห็นแล้วสงสารลูกจนน้ำตาไหล แต่ก็ต้องสั่งให้หมอเถื่อนทำ เพื่อช่วยให้ครอบครัวลูกสาวไม่ลำบาก

ผ่านไปอีกหลายปีกิมฮวยก็ตั้งท้องลูกคนที่ 6 แต่ตอนนี้ครอบครัวเธอเริ่มสบายขึ้นบ้าง เธอจึงไม่ได้ให้อาม่าพาไปทำแท้ง และเธอก็ได้ลูกชายเป็นคนสุดท้าย

ขณะเดียวกันครอบครัวใหม่ของอาม่าก็ไม่ได้สุขสบาย สามีก็ยังรับจ้างแบกข้าวสารไปวันๆ ส่วนลูกชายและลูกสาวที่เกิดกับสามีใหม่ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยได้เรื่อง ลูกชายมีนิสัยเจ้าชู้ งานการไม่ค่อยทำ ได้แต่แบมือขอแม่ และด้วยความรักลูกชาย ซึ่งเป็นนิสัยของคนจีนทั่วไป ที่ถือว่าลูกชายเป็นผู้สืบสกุล ทำให้อาม่าไม่เคยขัดใจลูกชายเลยสักครั้ง ส่วนลูกสาวก็หนีตามผู้ชายไป ไม่เคยส่งข่าวหรือกลับมาหาแม่อีกเลย

วันเวลาผ่านไป เรี่ยวแรงของอาม่าก็ถดถอยลงเป็นลำดับ อาชีพขายกล้วยปิ้ง ก็ต้องยกให้กับลูกสะใภ้ไปทำ ไม่นานอาม่าก็ล้มเจ็บ ลูกสะใภ้ก็ไม่ใส่ใจดูแล

เมื่อเง็กท้อกับกิมฮวย พาหลานมาเยี่ยม แล้วเห็นแม่ของตนตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ จึงปรึกษากันว่า จะช่วยกันออกเงินจ้างคนมาดูแลแม่ เพราะแม่ไม่ยอมไปอยู่กับลูกสาว เนื่องจากผิดธรรมเนียมจีน ที่พ่อแม่ต้องอยู่กับลูกชาย

“เกียว” เป็นหญิงสาวที่ถูกจ้างมาดูแลอาม่า ทั้งๆที่เธอไม่อยากทำ แต่ตอนนั้นต้องการเงิน จึงรับทำอย่างเสียมิได้ เธอดูแลอาม่าแบบทิ้งๆขว้างๆ ไม่ค่อยอาบน้ำให้ ได้แต่เช็ดตัวอย่างลวกๆ เธอจะทำดีเฉพาะตอนที่เง็กท้อหรือกิมฮวยมาเยี่ยมเท่านั้น

ยิ่งช่วงหลังๆอาม่ามักจะปัสสาวะรดที่นอน เพราะบอกไม่ทัน ซึ่งเพิ่มภาระให้เกียวต้องซักผ้าปูที่นอนบ่อยๆ ทำให้เกียวโมโหมาก วันหนึ่งเมื่อเกียวเปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่ๆ ไม่ถึงชั่วโมงอาม่าก็ปัสสาวะรดที่นอนอีก เกียวโมโหมาก จึงคว้าขวดน้ำที่เป็นแก้วกระแทกไปที่อวัยวะเพศของอาม่าอย่างแรงหลายครั้ง พร้อมกับบอกว่า

“นี่แน่ะๆๆ บอกแล้วใช่มั้ยว่า จะฉี่ให้บอก ทำไมไม่บอก เห็นมั้ยฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

เมื่ออาม่าร้องเสียงดังและยกขาดิ้นหนีด้วยความเจ็บปวด เกียวก็ยิ่งโมโห เธอจึงจับปากขวดทิ่มเข้าไปในอวัยวะเพศของอาม่า และตะโกนบอกให้อาม่าเงียบ มิฉะนั้น จะโดนหนักกว่านี้ และห้ามบอกใครด้วย เมื่อได้ยินคำขู่ อาม่าจึงหยุดร้อง

หลังจากนั้น ทุกครั้งที่ปัสสาวะรดที่นอน อาม่าก็จะโดนเกียวลงโทษแบบเดิม จนอวัยวะเพศบวมช้ำ และสุดแสนจะเจ็บปวดยามปัสสาวะ

ในที่สุดเมื่อทนไม่ไหว อาม่าจึงเล่าเรื่องนี้ให้เง็กท้อกับกิมฮวยที่มาเยี่ยมได้ฟัง และเมื่อลูกสาวทั้งสองเห็นประจักษ์พยานจึงไล่เกียวออกไป จากวันนั้นไม่นานอาม่าก็จากไปด้วยวัย 78 ปี

แม่ (กิมฮวย)บอกดิฉันว่า แม่เพิ่งเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรมตอนที่ลูกๆโตกันแล้ว เพราะนึกถึงเรื่องที่อาม่าโดนกระทำ มันเป็นเรื่องคล้ายกับตอนที่อาม่าพาแม่ไปทำแท้งแล้วถูกขูดมดลูก มันเจ็บปวดแทบขาดใจ อาม่าก็คงเจ็บปวดแบบนี้เหมือนกัน

ตั้งแต่นั้นมา ด้วยความกลัวที่เคยร่วมมือกับอาม่าฆ่าลูกไปหนึ่งคน แม่ก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำบุญใส่บาตร เพื่อหวังว่ากรรมนั้นคงจะเบาบางลงบ้าง

ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านที่มีประสบการณ์จริงเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เขียนเล่ามาเป็นธรรมทานในการเตือนสติแก่เพื่อนร่วมโลกให้ตระหนักถึงบาปบุญคุณโทษ และตั้งอยู่ในความดีงามตลอดไป

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 148 เมษายน 2556 โดย บุษบง)
กำลังโหลดความคิดเห็น