xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมบันเทิง : Lost in Thailand การเดินทางสู่ความเข้าใจโลกและตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โลกในยุคปัจจุบัน ทุนนิยมได้เข้าครอบงำแทบทุกภาคส่วน ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมาก ล้วนตกอยู่ในกระแสของการแข่งขันกันอย่างหนัก เพื่อหวังประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ และการที่จะหลุดพ้นไปจากวังวนแห่งทุนนิยมนั้น ค่อนข้างยาก เว้นแต่ว่า จะได้พบเจอเหตุการณ์บางอย่างที่เปลี่ยนแนวคิดของตนเอง

ดังเช่นเรื่องของ “ซูลัง” นักวิจัยด้านพลังงานชาวจีน ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานวิจัยชิ้นสำคัญ “ซุปเปอร์ออย” สารเคมีชนิดพิเศษที่หยดลงไปในน้ำมันไม่กี่หยด ก็สามารถเพิ่มปริมาณน้ำมันได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ความสำเร็จครั้งนี้ เขาก็แลกมากับความล้มเหลวในฐานะหัวหน้าครอบครัว จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงวิกฤตของชีวิตคู่

ชายหนุ่มพยายามบ่ายเบี่ยงร้องขอภรรยาที่ต้องการให้เขาเซ็นใบหย่า แต่ภายใต้คำขอร้องนั้น ด้านหนึ่งก็เป็นเพียงการซื้อเวลา เพราะแท้จริงแล้ว เขากำลังต้องการเดินทางไปประเทศไทย เพื่อให้เจ้านายใหญ่เซ็นเอกสารสัญญาลงทุนกับซุปเปอร์ออย เพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงานของตัวเอง

แต่การเดินทางไปหาเจ้านายใหญ่ ไม่ใช่ภารกิจง่ายดายอย่างที่คิด เมื่อเพื่อนรักร่วมบริษัทอย่าง “เกาโบ๋” แต่ปัจจุบันกลายเป็นคู่แข่งที่ต้องการช่วงชิงการเซ็นสัญญา เพื่อไปขายลิขสิทธิ์ให้กับฝรั่งเศส ก็ระแคะระคายข่าวนี้ จนแอบสะกดรอยตามมาถึงเมืองไทย

บนเครื่องบิน ซูลังได้เจอกับ “หวังเป้า” เพื่อนร่วมทางสุดกวน ที่เดินทางมาเที่ยวเมืองไทย เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ซูลังพบว่าโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ถูกติดเครื่องติดตามจากเกาโบ๋ เขาจึงแอบเอาโทรศัพท์หย่อนลงในกระเป๋าของหวังเป้า แล้วรีบชิ่งหนี เตรียมตัวบินต่อไปยังเชียงใหม่ ที่เจ้านายใหญ่พำนักอยู่

แต่ทุกอย่างไม่ได้ราบรื่น เพราะซูลังทำพาสปอร์ตหล่นในรถแท็กซี่ ทำให้ไม่สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้ เขาจึงต้องเปลี่ยนการเดินทางเป็นรถไฟ ขณะนั้นเอง หวังเป้าก็ตามมาที่สนามบินดอนเมือง เพื่อคืนโทรศัพท์มือถือให้กับซูลัง

ซูลังโยนโทรศัพท์ทิ้งด้วยความเซ็ง แต่แล้วก็นึกได้ว่า การพักในโรงแรมจำเป็นต้องใช้พาสปอร์ต เขาจึงชักชวนเพื่อนใหม่ออกเดินทางไปด้วยกัน เมื่อมาถึงโรงแรมที่พัก หวังเป้าก็ถ่ายรูปจากโทรศัพท์ส่วนตัว พร้อมโพสต์รูปลงในอินเตอร์เน็ต บอกพิกัด บอกเพื่อนร่วมทาง จนทำให้เกาโบ๋แกะรอยตามมาเจอได้อีกครั้ง

วันรุ่งขึ้น คู่หูคู่ใหม่ออกเดินทางโดยรถไฟจากหัวลำโพงไปเชียงใหม่ ส่วนเกาโบ๋เช่ารถขับไปสู่จุดหมายปลายทางเดียวกัน บนรถไฟ ซูลังกำลังดาวน์โหลดข้อมูลที่ได้รับมาจากเมืองจีน เกี่ยวกับสถานที่ที่เจ้านายใหญ่พักอยู่ โดยมีหวังเป้าคอยถามซอกแซกตลอดเวลา ว่าทำไมต้องมีเรื่องมีราวหรือคอยหลบหนีเกาโบ๋

ด้วยความไม่อยากอธิบายความลับด้านธุรกิจ ซูลังจึงตัดรำคาญด้วยการโกหกว่า ตนแอบมีชู้กับภรรยาเกาโบ๋ แต่แทนที่เรื่องจะจบลง กลับทำให้หวังเป้าไม่พอใจที่เพื่อนร่วมทางทำตัวไม่ดี จึงอาละวาดหนักกว่าเดิม จนกระทั่งทำไฟล์ข้อมูลหลุดไปนอกหน้าต่างรถไฟ

ไฟล์ข้อมูลนั้นเป็นรูปวัดแห่งหนึ่ง แต่บังเอิญภาพวัดนั้นคลับคล้ายคลับคลากับโปสการ์ดที่หวังเป้ามีอยู่พอดี ซูลังจึงขอปรับความเข้าใจ และออกเดินทางไปที่วัดแห่งนั้น

แต่ปรากฏว่าวัดในโปสการ์ด ไม่ใช่สถานที่ที่หัวหน้าใหญ่พำนักอยู่ และทั้งคู่ได้ไปเจอกับขบวนการค้าวัตถุโบราณผิดกฎหมาย เกิดความชุลมุนวุ่นวายจนต้องหนีเอาชีวิตรอดอย่างทุลักทุเล รวมทั้งเกาโบ๋ที่ตามไปจนพลอยติดร่างแหไปด้วย

การเดินทางของซูลังยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เขาตกจากหลังช้างขณะข้ามแม่น้ำ ทำให้เขากับหวังเป้าต้องพลัดไปอยู่กลางป่า ขณะที่เอกสารข้อมูลต่างๆ ก็กระจัดกระจาย

จนกระทั่งท้ายที่สุด ซูลังก็ค่อยๆละทิ้งความทะเยอทะยานด้านทุนนิยมลงไป และเขายังพบความจริงอีกว่า เหตุที่หวังเป้ามาเมืองไทย เพราะอยากถ่ายรูป และเขียนบันทึกการเดินทางในเมืองไทย กลับไปเป็นกำลังใจให้แม่ ที่กำลังรักษาอาการป่วยอยู่ที่เมืองจีน

ฉากสุดท้ายของการเดินทาง เมื่อซูลังไปถึงวัดซึ่งเป็นสถานที่ที่เจ้านายอยู่ เขาก็ต้องเจอกับเกาโบ๋อีกครั้ง ทั้งคู่แย่งชิงเอกสารกัน ก่อนที่จะพบว่า ในเอกสารระบุว่า ไม่ว่าจะลงทุนธุรกิจใดๆก็ตาม เจ้านายใหญ่ต้องการให้ทั้งคู่เซ็นยินยอมพร้อมใจ เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งชิงผลประโยชน์ หรือตกไปอยู่กับคนใดคนหนึ่ง

แต่สุดท้ายแล้ว ซูลังก็ไม่ต้องการอะไรอีก เขาตัดสินใจฉีกสัญญาทิ้ง และกลับไปใช้ชีวิตด้วยการให้เวลากับครอบครัวมากกว่าเดิม ซึ่งทำให้เขามีความสุขมากที่สุด

แม้ว่า Lost in Thailand เป็นภาพยนตร์แนวคอมเมดี้ เน้นความสนุกสนาน แต่สาระที่แฝงกับภาพยนตร์เรื่องนี้ สะท้อนให้เห็นหลากมุม ไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งกันในระบบทุนนิยม ที่ทำให้เพื่อนร่วมงานที่เคยสนิทสนมกัน ต้องกลายมาเป็นคู่แข่ง เพื่อมุ่งผลประโยชน์ตนเป็นหลัก ซึ่งหากใครก็ตามที่ลุ่มหลงมัวเมาไปกับกระแสของทุนนิยม โดยไม่สนใจผลกระทบด้านลบแล้ว ก็ย่อมไม่ต่างจากคนสายตามืดบอด เพราะถูก “ความโลภ” เข้าครอบงำ

ดังนั้น มนุษย์ที่ยังจำเป็นต้องใช้ชีวิตที่อยู่ในวิถีของทุนนิยม จึงต้องสร้างภูมิคุ้มกันจากความโลภ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความพอเพียง ความพอดี การเดินสายกลาง เพื่อให้เกิด “อโลภะ” หรือความไม่โลภ ซึ่งเจ้านายใหญ่ของซูลังกับเกาโบ๋ ก็ได้วางแนวทางแก้ปัญหาเอาไว้อย่างแนบเนียน

ขณะเดียวกัน การทุ่มเทให้กับความสำเร็จในหน้าที่การงานโดยขาดความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ในครอบครัว ก็ย่อมผิดไปจากหลักมงคลชีวิต ที่ผู้นำครอบครัวต้องสงเคราะห์บุตรและภรรยา ความรับผิดชอบงานนอกบ้าน จึงต้องมาพร้อมกับการบริหารจัดการเวลา เพื่อมิให้คนในครอบครัวต้องได้รับผลกระทบไปด้วย

ข้อคิดสุดท้าย ซึ่งเด่นชัดและตรงกับหลักมงคลชีวิตข้อแรก คือ “การไม่คบคนพาล” ซึ่งแม้ว่า หวังเป้าอาจไม่ใช่เพื่อนร่วมทางที่สมบูรณ์แบบ แต่ทว่าในมุมของความดี เพื่อนคนนี้ก็นับว่าเป็นคนจริงใจ ซื่อสัตย์ (เห็นได้ตั้งแต่การนำโทรศัพท์มือถือไปคืน) การตักเตือนเมื่อเห็นเพื่อนทำผิด (เมื่อเขาเข้าใจว่าซูลังไปมีชู้กับภรรยาคนอื่น) รวมถึงความกตัญญูต่อมารดา อันเป็นจุดหมายของการเดินทางครั้งนี้

จากมุมมองด้านดีทั้งหลายของเพื่อนใหม่ มีส่วนช่วยทำให้การเดินทางอันแสนโกลาหลของซูลัง ได้เก็บเกี่ยวมิตรภาพและข้อคิดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสามารถปล่อยวางความโลภได้ในท้ายที่สุด

นอกเหนือไปจากนั้น Lost in Thailand ยังนำเสนอภาพวัดวาอารามกับประเพณีไทยๆได้อย่างน่าชื่นชม และเมื่อหนังเรื่องนี้ คือหนังทำเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของจีน จึงส่งผลให้มีปริมาณนักท่องเที่ยวจากแดนมังกรหลั่งไหลมาเที่ยวเมืองไทยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 148 เมษายน 2556 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)






กำลังโหลดความคิดเห็น