xs
xsm
sm
md
lg

คิดดีทำดี : 'กิตติชัย ไกรก่อกิจ' นักบริหาร นักบุญ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ในวงการธุรกิจก่อสร้าง ชื่อของ “กิตติชัย ไกรก่อกิจ” เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด ที่สามารถนำพาองค์กรขนาดกลางที่ผลิตกระเบื้องปูพื้นและบุผนังให้มียอดขายสูงถึงปีละหลายพันล้านบาท จนกลายเป็นที่ยอมรับของวงการว่า เขาเป็นหนึ่งในนักบริหารมือทองของวงการธุรกิจก่อสร้าง

แต่อีกมุมหนึ่งของกิตติชัยที่หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า เขาเป็นคนที่มีจิตใจดี ชอบทำบุญทำกุศล ปวารณาตัวเป็นพุทธมากะ ปฏิบัติตนเป็น “ผู้ให้” มาตลอดชีวิต

• สร้างทานบารมี ด้วยใจบริสุทธิ์


กิตติชัยมีบรรพบุรุษเป็นชาวจีนที่มีฐานะมั่งคั่งอยู่ในเมืองซัวเถา ประเทศจีน ครั้นเมื่ออพยพมาอยู่เมืองไทยก็มาประกอบอาชีพโรงงานทอผ้า แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ธุรกิจทอผ้าได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ จึงต้องปิดกิจการลง

“บรรพบุรุษผมรวย แต่ผมเกิดมาก็รู้จักกับความยากจนแล้ว” กิตติชัยมักจะเอ่ยคำพูดนี้กับทุกคนเมื่อถูกถามถึงพื้นเพทางบ้าน

การได้สัมผัสกับความยากลำบากมาตั้งแต่เล็กๆ จึงกลายเป็นแรงผลักดันให้เขาต้องขยันทำมาหากิน อดทน และอดออมเพื่อสร้างฐานะความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น

ปี 2536 กิตติชัยได้เข้ามาเป็นผู้บริหารที่บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด ซึ่งอยู่ในยุคก่อตั้งใหม่ๆ มีพนักงานร้อยกว่าคน สิ่งหนึ่งที่เขาปฏิบัติต่อเนื่องกันมาตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาถึง 20 ปีแล้ว ก็คือ การมอบทุนการศึกษาให้ลูกหลานพนักงาน ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องเข้าไปช่วยให้ชีวิตพนักงานดีขึ้น

ดังนั้น หลังจากที่บริษัทมีผลกำไรตอนสิ้นปี เขาจึงเสนอผู้ถือหุ้นขอปันผลกำไรส่วนหนึ่งมาเป็น “ทุนการศึกษา” ให้กับลูกหลานพนักงาน โดยเริ่มเมื่อปี 2536 ด้วยการมอบทุนการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นประถมจนถึงมหาวิทยาลัย จำนวน 60 -70 ทุน คิดเป็นเงิน 2 ล้านกว่าบาทต่อปี

“พอเราให้ทุนการศึกษาไป ได้ผลตอบรับดีมาก พนักงานส่วนมากมีความรู้สึกดีต่อองค์กร บริษัทของเราไม่เคยมีประวัติว่าพนักงานสไตรค์ ผมเชื่อว่า เพราะพนักงานเห็นว่าเราดูแลพวกเขาดี เมื่อเขามีความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว ก็จะทำงานให้องค์กรดีขึ้น”

ในเรื่องของ “การให้” นั้น กิตติชัยย้ำอยู่คำหนึ่งว่า ต้องให้ด้วย “ใจบริสุทธิ์” ซึ่งเขาอธิบายเพิ่มเติมว่า

“ผมว่าคนเราต้องแสดงความจริงใจก่อน ไม่จำเป็นต้องให้พนักงานร้องขอถึงจะทำ อย่างบริษัทกำไร เราก็ให้ผลตอบแทนเขา สิ่งที่เราได้ก็คือความจริงใจของเขาด้วยเช่นกัน”

และอีก 10 ปีต่อมา เมื่อบริษัทโสสุโก้เติบโตและมีผลกำไรมากขึ้น กิตติชัยก็เริ่มขยายทุนการศึกษาออกไปแจกให้กับลูกหลานพนักงานของตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ สรุปแล้ว ปัจจุบัน บริษัทโสสุโก้ มีโครงการแจกทุนทั้งสิ้นปีละไม่ต่ำกว่า 1 พันทุน เป็นเงิน 3 - 4 ล้านบาท

“หลายคนที่เราแจกทุนให้โดยไม่เคยเห็นหน้าเด็กที่รับทุนมาก่อน คือถ้าตัวแทนจำหน่ายของโสสุโก้เสนอมาก็ให้หมดทุกคน แถมยังมอบให้ตัวแทนเป็นคนแจกแทนเราด้วย วิธีนี้ถ้าคิดในแง่การบริหาร ผมถือว่าทุกคนมีแต่ได้ บริษัทโสสุโก้ก็ได้ทำบุญ ตัวแทนจำหน่ายก็ได้ภาพลักษณ์ที่ดี ส่วนพนักงานก็ได้เงินไปจ่ายค่าเล่าเรียนลูก”

ไม่เพียงแต่มอบทุนการศึกษาอย่างต่อเนื่องเท่านั้น กิตติชัยยังมีนโยบายช่วยเหลือชุมชนรอบๆ โรงงานโสสุโก้ที่หนองแค สระบุรี เพราะเขาคิดว่า เมื่อบริษัทพอมีกำไร ก็ควรจะคืนให้กับสังคม โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่รอบๆโรงงานนั้น เมื่อจัดกิจกรรมต่างๆ ทางบริษัทฯก็จะเข้าไปมีส่วนร่วม และบางครั้งก็เข้าไปช่วยพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โรงงานกับชุมชนจึงมีความผูกพันกันอย่างแนบแน่น

• แจกหนังสือธรรมะ เป็น “ธรรมทาน”

หลายสิบปีที่ผ่านมา กิตติชัยได้เดินหน้าทำบุญอย่างไม่หยุดยั้ง อีกเรื่องหนึ่งที่เขาให้ความสนใจและมุ่งมั่นมาตลอด คือการแจกหนังสือธรรมะ เพื่อเผยแผ่คำสอนของพระพุทธเจ้าให้กับคนทั่วไปได้เรียนรู้และนำไปปฏิบัติให้พ้นทุกข์และพบกับความสุข ดั่งเช่นชีวิตของเขาที่ครั้งหนึ่งเคยพบกับความทุกข์ใจ และสามารถผ่านพ้นทุกข์นั้นมาได้ ด้วยคำสอนของพระพุทธองค์

กิตติชัยเล่าย้อนว่า “ช่วงหนึ่งในการทำงาน เจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งเคยสัญญากับผมเรื่องหนึ่ง แต่ครั้นเมื่อผมทำสำเร็จแล้ว เขากลับไม่ทำตามสัญญา ทำให้ผมผิดหวังมากจนเกิดเป็นทุกข์ ตอนนั้นผมเริ่มหันไปอ่านหนังสือธรรมะ โดยเฉพาะคำสอนของท่านพุทธทาส เรื่อง “คู่มือมนุษย์” ซึ่งผมอ่านแล้วเกิดศรัทธามาก ทำให้ผมหายจากทุกข์ใจได้จริงๆ”

หลังจากนั้นกิตติชัยได้หาโอกาสไปกราบท่านพุทธทาสที่สวนโมกข์อยู่หลายครั้ง ครั้นเมื่อเขาได้มาเป็นผู้บริหารที่โสสุโก้ เขาจึงเริ่มโครงการแจกหนังสือธรรมะพร้อมๆกับแจกทุนการศึกษา โดยเล่มแรกที่แจกคือเรื่อง “อภิมหามงคลธรรม” ต่อจากนั้นไม่ว่าหนังสือธรรมะที่มีอยู่ในท้องตลาดเล่มใดที่เขาเห็นว่าเขียนดีและมีประโยชน์ ก็จะซื้อมาเป็นจำนวนมาก เพื่อแจกเป็นธรรมทาน

ทุกๆปีเขาสั่งซื้อหนังสือธรรมะคิดเป็นเงินหลายล้านบาท เพื่อนำไปแจกประชาชนทั่วไป หรือใครสนใจจะขอไปแจก เขาก็ยินดีมอบให้ เพราะเชื่อว่าพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ช่วยให้ทุกคนพ้นทุกข์ได้จริง

หนังสือที่แจกนั้น กิตติชัยจะเป็นคนเลือกซื้อและอ่านทุกเล่ม เขาสามารถแจกแจงได้ทุกเล่มว่ามีเนื้อหาอะไร และเหมาะสมกับใครบ้าง ซึ่งตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เขาถือเป็นผู้เผยแพร่พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าด้วยหนังสือ เป็นจำนวนมหาศาล

และเมื่อตอนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประชวร และเสด็จรักษาพระองค์ที่โรงพยาบาลศิริราชนั้น กิตติชัยได้สั่งซื้อหนังสือเรื่อง “ความทุกข์มาโปรด ความสุขโปรยปราย” เขียนโดยท่าน ว.วชิรเมธี ถวายเป็นพระราชกุศล เป็นจำนวน 1 ล้านบาท รวมถึงหนังสือ “ธรรมดีที่พ่อทำ” โดยเขาให้เหตุผลอย่างซาบซึ้งว่า

“พวกเราต้องเชิดชูในหลวง เพราะพระองค์ทรงเป็นคนดีมาก ผมคิดว่าพระองค์ท่านปิดทองหลังพระโดยแท้”

ล่าสุด กิตติชัยกำลังเริ่มจับปากกาเขียนหนังสือเรื่อง “ 38 มงคลสูตร” ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อมอบให้พนักงานได้นำไปใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิตอย่างไม่ประมาท

“ผมการันตีได้เลยว่า ถ้าใครก็ตามทำได้ถึง 75 % ของหนังสือเล่มนี้ จะกลายเป็นเศรษฐีและมีชีวิตอย่างมีความสุข”

เมื่อถามถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการแจกหนังสือธรรมะดีอย่างไร กิตติชัยกล่าวอย่างมีความสุขว่า

“การที่เราแจกหนังสือธรรมะให้กับคนทั่วไปนั้นก็ได้ผลเหมือนกัน เพราะมีหลายคนโทรมาบอกว่า อ่านหนังสือที่ผมแจกแล้วซาบซึ้งจนขอบวชให้พ่อแม่ เท่านี้ผมก็ชื่นใจแล้ว”

นั่นคือความสุขเล็กๆ อันยิ่งใหญ่ที่เขาภาคภูมิใจ

• บำรุงพุทธศาสนา ทดแทนคุณแผ่นดิน

กิตติชัยมักกล่าวเสมอว่า ชีวิตของเขาที่ได้ดีมีความสุขทุกวันนี้เพราะแผ่นดินนี้ ดังนั้น เขาจึงคิดเสมอว่าจะต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน และนั่นคือเหตุผลที่เขาเริ่มเข้าไปช่วยทำนุบำรุงวัดวาอาราม รวมทั้งสร้างพระพุทธรูปต่างๆ เพื่อหวังให้เป็นมรดกทางศาสนาสืบทอดต่อไปให้แก่ลูกหลานคนไทย

เขาเล่าถึงผลงานบุญชิ้นใหญ่ที่เพิ่งผ่านพ้นไป คือการสร้างองค์เจ้าแม่กวนอิมจากหินอ่อนขนาด 7 เมตรไว้ที่เขาหลัก จังหวัดพังงา

“เป็นเรื่องที่ผมภูมิใจในชีวิต ที่ได้สร้างให้กับประเทศชาติ อีกหน่อยที่เขาหลักจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ เหมือนที่เราไปเที่ยวฮ่องกงก็ต้องไปไหว้เจ้าแม่กวนอิม”

และล่าสุดกิตติชัยกำลังมีความสุขกับการสร้างพระพุทธโลกุตรมหามุนี พระพุทธรูปสูงกว่า 20 เมตร หน้าตักกว้าง 19 เมตร ใช้งบประมาณถึง 120 ล้านบาท โดยเขารวบรวมจากเงินส่วนตัวและบอกบุญกับผู้มีจิตศรัทธา

“เราอยู่บนผืนแผ่นดินไทย ก็ต้องทดแทนคุณแผ่นดิน ผมสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาเพื่อมอบเป็นมรดกคืนให้กับแผ่นดิน และคนอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ซึ่งเมื่อนำมาประดิษฐานแล้ว จะมีนักท่องเที่ยวมาสักการะ และช่วยสร้างงานให้กับชาวบ้านแถวนั้นด้วย”

• “ผู้นำ” ต้องทำดีเป็นตัวอย่าง

กิตติชัยเชื่อว่าการบริหารองค์กรนั้น ถ้าอยากให้พนักงานทุกคนเป็นคนดี “ผู้นำ” จะต้องทำตัวให้เป็นตัวอย่างที่ดีก่อน ดังนั้น เมื่อเขาอยากให้พนักงานรู้จักเอื้ออาทรแบ่งปันรักใคร่กัน เขาจึงเริ่มโครงการเลี้ยงอาหารกลางวันพนักงาน ตั้งแต่เริ่มต้นที่ก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารเมื่อ 20 ปีก่อน

“การสอนพนักงานนั้น ผู้นำจะต้องเป็นตัวอย่างก่อน ผมอยากให้พนักงานรักใคร่กลมเกลียวกัน ผมจึงเริ่มควักเงินส่วนตัวมาเลี้ยงอาหารกลางวันพนักงาน เดือนละหนึ่งครั้ง เพื่อให้พวกเขามารวมตัวพูดคุยกัน เดี๋ยวนี้เริ่มมีระดับผู้จัดการแผนกหลายคนหันมาเลี้ยงอาหารกลางวันแก่พนักงานบ้าง ผมว่าดี เพราะทำให้พวกเขาได้คิดว่า คนเราเมื่อหาเงินมาได้ในระดับหนึ่งที่มีความมั่นคงแล้ว ก็ควรจะแบ่งปันให้คนอื่นบ้าง”

นอกจากนี้ทุกๆ 2 เดือน กิตติชัยจะเขียนสารจากเอ็มดีถึงพนักงานทุกคน แนบไปพร้อมกับสลิปเงินเดือน เป็นจดหมายสั้นๆที่เขาเขียนเอง เนื้อหาเป็นข้อคิดในการดำรงชีวิต อาทิ การรู้จักใช้เงินและเก็บเงิน, การเป็นลูกจ้างแต่มีชีวิตที่มั่นคงได้, ความสามัคคี ฯลฯ

“ผมทำอย่างนี้มาหลายปีแล้ว เพื่อต้องการสอนให้พนักงานทุกคนใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท รู้จักอดออม สร้างฐานะ เมื่อการงานมั่นคง ชีวิตก็มีความสุข ที่น่าภูมิใจคือมีพนักงานหลายคนที่เก็บสารของผมไว้ทุกฉบับ”

บทสรุปของนักบริหาร นักบุญ คนที่ชื่อกิตติชัย ไกรก่อกิจ ได้กล่าวสั้นๆ ถึงความตั้งใจในชีวิตที่กระทำความดีมาทั้งหมดนี้ไว้ว่า

“สิ่งที่ทำคุณความดีมาทุกวันนี้ ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน เหมือนปลูกต้นไม้ ต้องเลี้ยงไปเรื่อยๆ เพื่อหวังว่าต้นไม้ที่เราปลูก สามารถออกดอกออกผลไปช่วยคนอื่นๆ โดยไม่ได้คิดว่าจะขอคืน เพียงเท่านี้ก็มีความสุขแล้ว”

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 146 กุมภาพันธ์ 2556 โดย ปาณี)




กำลังโหลดความคิดเห็น