ข่าวสารบ้านเรา

• ครม.อนุมัติงบฯกว่า 900 ล้านบาท
จัดสร้างและบูรณะวัด ถวายเป็นพระราชกุศล

นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบการจัดทำโครงการจัดสร้างและบูรณะวัด เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในโอกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงเจริญพระชันษา 100 ปี ในปี 2556 ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเสนอจำนวน 6 โครงการ กว่า 900 ล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างวัดนวมินทรราชูทิศ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นครบอสตัน สหรัฐอเมริกา จำนวน 500 ล้านบาท

โครงการสร้างอาคารหอประชุมคณะสงฆ์ธรรมยุต วัดบวรนิเวศวิหาร จำนวน 150 ล้านบาท การสร้างข่วงหลวงเวียงแก้ว พุทธมณฑลแห่งจังหวัดเชียงใหม่ 150 ล้านบาท โครงการอุดหนุนการปรับปรุงเสนาสนะวัดไทยพุทธคยา รัฐพิหาร สาธารณรัฐอินเดีย จำนวน 100 ล้านบาท โครงการบูรณะพระวิหารเสาอินทขีล เสาหลักเมืองเชียงใหม่ จำนวน 10 ล้านบาท และโครงการบูรณะบริเวณลานวัดแก้วมงคล จังหวัดสมุทรสาคร 1.9 ล้านบาท

• วัดไตรมิตรจัดใหญ่ “เทศน์มหาชาติ”
ถวายเป็นพระราชกุศล

วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร สมาคมนักเรียนเก่าสามจีน-ไตรมิตรวิทยาลัย โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย และบริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด ร่วมแถลงข่าวจัดงานเทศน์มหาชาติ ถวายเป็นพระราชกุศล ในวันที่ 15 -16 กุมภาพันธ์ 2556 ณ ห้องประชุมใต้พระมหามณฑป วัดไตรมิตรฯ พร้อมเชิญชวนสมทบทุนจัดสร้างห้องประชุมโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย ในโอกาสครบรอบ 117 ปี โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย

โดยงานเทศน์มหาชาติครั้งนี้ พระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และฯพณฯพลเอกพิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรี เป็นประธานฝ่ายฆราวาส

นายกิตติชัย ไกรก่อกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โสสุโก้ แอนด์ กรุ๊ป (2008) จำกัด ในฐานะนายกสมาคมนักเรียนเก่าสามจีน-ไตรมิตรวิทยาลัย กล่าวว่า “ในฐานะศิษย์เก่าโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งในการร่วมจัดงานเทศน์มหาชาติ ถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา และปีนี้ยังเป็นปีที่โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัยมีอายุครบ 117 ปี จึงเป็นโอกาสอันดีที่ศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันจะได้ร่วมกันทำสิ่งดีๆ ตอบแทนบุญคุณของโรงเรียนและครูบาอาจารย์”

ส่วน นางสาวสุคนธา อรุณภู่ ผู้อำนวยการโรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย กล่าวว่า “ห้องประชุมดังกล่าวจะใช้เป็นห้องประชุมอเนกประสงค์ อาทิ เป็นสถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรมจีน สถานที่สอบบาลี สอบธรรมสนามหลวงและทำกิจกรรมของชุมชน เพื่อเป็นประโยชน์แก่คนรุ่นหลังทั้งในด้านการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม รวมถึงการสานสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ให้ดำเนินต่อไป”

• กรมการศาสนาเร่งขับเคลื่อนแผนงานสู่อาเซียน
จัดตั้งศูนย์เรียนรู้คุณธรรมจริยธรรมแห่งอาเซียน

นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา กล่าวว่า กรมการศาสนาได้จัดทำแผนงานรองรับการก้าวสู่ประชาคมอาเซียนผ่านมิติด้านศาสนา 4 ด้าน ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือด้านศาสนา การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านศาสนา ส่งเสริมองค์กรด้านศาสนา และพัฒนาสมรรถนะบุคคลเพื่อเสริมพลังขับเคลื่อนศาสนา รวมงบประมาณกว่า 24 ล้านบาท

สำหรับแผนงานที่จะเร่งดำเนินการปีนี้ ประกอบด้วย 2 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการความร่วมมือระหว่างศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์กับกลุ่มอาเซียน งบประมาณกว่า 16 ล้านบาท โดยจะสำรวจศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ของไทยที่มีความพร้อม โดยเฉพาะในพื้นที่เขตติดต่อชายแดนระหว่างประเทศ มาจัดตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้คุณธรรมจริยธรรมแห่งอาเซียน จำนวน 77 ศูนย์ รวมทั้งนิมนต์พระสงฆ์จากประเทศอาเซียนมาศึกษาดูงานในประเทศไทย เพื่อนำไปขยายผลจัดตั้งศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ในประเทศนั้นๆ

นอกจากนี้ ยังเตรียมจัดกิจกรรมประสานความร่วมมือในอาเซียน ใช้งบประมาณกว่า 8 ล้านบาท ที่จะเริ่มนำร่องใน 5 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย พม่า ลาว กัมพูชา และสิงคโปร์ โดยจะส่งเสริมให้ประชาชนในประเทศอาเซียน ได้มีโอกาสเดินทางทำบุญระหว่างประเทศ โดยเฉพาะวันสำคัญทางศาสนา รวมทั้งการอัญเชิญกฐินพระราชทานไปทอดยังประเทศต่างๆ รวมถึงการจัดประชุมผู้นำศาสนา และการจัดค่ายเยาวชนศาสนิกสัมพันธ์แห่งอาเซียน ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพด้วย

• ปราจีนบุรีเตรียมจัดงาน
“มาฆปูรมีศรีปราจีน” อย่างยิ่งใหญ่

นางสาวจิตรา พรหมชุติมา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี กล่าวว่า การจัดงาน “เทศกาลมาฆปูรมีศรีปราจีน” ในช่วงเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี 2556 ระหว่างวันที่ 18 – 26 กุมภาพันธ์ 2556 ณ บริเวณโบราณสถานสระมรกต ตำบลโคกไทย อำเภอศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี นั้น

ทางจังหวัดและคณะสงฆ์จังหวัดปราจีนบุรีได้กำหนดจัดให้มีกิจกรรมต่างๆ ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา อาทิ การสักการะรอยพระพุทธบาทคู่ที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย สักการะพระบรมสารีริกธาตุ การบวชเนกขัมมะ การเดินธุดงค์ของพระภิกษุสงฆ์ การสาธยายพระไตรปิฎก การสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัญญะ การเวียนเทียนรอบรอยพระพุทธบาทคู่ การจัดนิทรรศการโต๊ะหมู่บูชากว่า 60 ชุด การแสดงวิถีชีวิตในสมัยทวารวดี การนำเที่ยวโบราณสถานเมืองศรีมโหสถ การจัดแสดงแสง สี เสียง กิจกรรมพาแลง ตลาดย้อนยุค และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน

โดยจะเน้นให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในกิจกรรม ซึ่งได้มอบหมายให้สภาเด็กและเยาวชนจังหวัดปราจีนบุรี รวมถึงสภาเด็กและเยาวชนทุกอำเภอ จัดกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนา เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนตระหนักถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนา และมีส่วนร่วมให้การจัดงานครั้งนี้มีความยิ่งใหญ่มากขึ้นอีกด้วย

• สหรัฐฯมอบเงิน 4 ล้าน
ร่วมบูรณะวัดไชยวัฒนาราม

นายสนธยา คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการวัฒนธรรม กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประเทศไทย โดยกองทุนเอกอัครราชทูตสหรัฐเพื่อการอนุรักษ์ทางวัฒนธรรม ได้มอบเงินสนับสนุน จำนวน 131,800 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4 ล้านบาท) ให้แก่ประธานกองทุนโบราณสถานโลก เพื่อดำเนินการสำรวจเบื้องต้นในโครงการฟื้นฟูบูรณะวัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทย รวมถึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความร่วมมือและสัมพันธไมตรีที่ดีระหว่างไทยกับสหรัฐอเมริกา ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เป็นการเริ่มต้นความสัมพันธ์ 180 ปี ของทั้งสองประเทศ ซึ่งความร่วมมือครั้งนี้จะก่อให้เกิดความรู้ทางวิชาการในการป้องกันโบราณสถานจากเหตุน้ำท่วม และการบูรณะในรูปแบบสามมิติ ซึ่งมีความแม่นยำและความถูกต้องตามแบบโครงสร้างดั้งเดิม

นางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย กล่าวว่า ทางสหรัฐฯยินดีที่เป็นส่วนหนึ่งในการบูรณะโบราณสถานของไทย ที่ผ่านมาดำเนินการมาแล้ว 12 โครงการ วัดไชยวัฒนารามถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญและมีคุณค่าระดับโลก มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่ชาวอเมริกันประทับใจเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน การร่วมกับประเทศไทยบูรณะในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงบทบาทของอเมริกันในการร่วมอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทย เพื่อให้ชาวอเมริกาได้มาสัมผัสวัฒนธรรมไทยที่มีความงดงามต่อไป

• กรมศิลป์เร่งขึ้นทะเบียนโบราณสถาน 2,000 แห่ง
ป้องกันการบุกรุกทำลาย

นายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า ขณะนี้กรมศิลปากรกำลังประสบปัญหาเรื่องการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน ซึ่งยังเหลืออีกกว่า 2,000 แห่ง จาก 6,000 แห่งทั่วประเทศ เพราะการขึ้นทะเบียนสามารถดำเนินการได้เพียงปีละ 100 - 150 แห่ง เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและกำลังคน ดังนั้น จึงมีแนวคิดจัดทำบัญชีรายชื่อโบราณสถานที่มีคุณสมบัติประกาศขึ้นทะเบียนไว้ก่อน เพื่อป้องกันการบุกรุกและทำลาย โดยจะทำหนังสือแจ้งไปยังผู้ครอบครอง และเจ้าของโบราณสถานที่อยู่ในบัญชีทั้งหมด รับทราบขั้นตอนการประกาศขึ้นทะเบียน รวมทั้งจะเสนอของบประมาณกว่า 700 ล้านบาท เพื่อนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้จัดระบบการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน คาดว่าปีนี้จะสามารถขึ้นทะเบียนได้อีก 700 แห่ง

สำหรับบัญชีรายชื่อโบราณสถานที่อยู่ในบัญชี ได้แก่ ทำเนียบรัฐบาล(บ้านนรสิงห์) ตึกแถวข้างวัดบวรนิเวศวิหาร พระที่นั่งอนันตสมาคม และพระบรมรูปทรงม้า พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบรมรูปทรงม้า พระราชนิเวศน์ พระราชวังดุสิต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงภาพยนตร์ศาลาเฉลิมกรุง วังศุโขทัย วังสระปทุม วังสวนกุหลาบ สถานีรถไฟหัวลำโพง สะพานกรุงธน อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อาคารตลาดบ้านหม้อ เป็นต้น

ส่วนภูมิภาค ได้แก่ เมืองโบราณเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ปรางค์จระเข้หิน โบราณสถานโนนวัด จังหวัดนครราชสีมา ถ้ำน้ำมนต์(เขารังเสือ), วัดโชติทายการาม, วัดบ้านโป่ง, วัดรับน้ำ(ขุนสีห์), กำแพงเมืองราชบุรี(ค่ายภาณุรังษี) จังหวัดราชบุรี และโรงเรียนชุมชนบ้านเชิงแสงใต้, เตาเผาโบราณบ้านโคกอิฐ, ศาลเจ้าล่ำเส้งกวนแต้กุ้น(ศาลเจ้าพ่อกวนอู), อาคารทรงจีนถนนนครนอก-นครใน จังหวัดสงขลา เป็นต้น

ทั้งนี้ หากเจ้าของหรือชุมชนใด ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนดังกล่าว สามารถทำหนังสือคัดค้านมายังกรมศิลปากรภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้ง

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 146 กุมภาพันธ์ 2556 โดย กองบรรณาธิการ)