ทายาทรุ่นสอง ของตระกูล “เผอิญโชค” รับสืบทอดธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์รายใหญ่ “ไทยรุ่งยูเนียนคาร์” ที่ขยายเครือข่ายธุรกิจออกไปหลากหลายให้ก้าวหน้าทันยุคสมัย เป็นความมุ่งมั่นที่จะวางรากฐานธุรกิจให้ขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าด้วยความมั่นคง ยั่งยืนภายใต้วิถีแห่งคุณธรรม และความรับผิดชอบต่อสังคม
ปัจจุบันธุรกิจของไทยรุ่งกรุ๊ปแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ โรงงานผลิตและประกอบรถยนต์ พี่ชาย ( สมพงษ์ เผอิญโชค) เป็นผู้บริหาร ส่วน “แก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์” บริหารกลุ่มธุรกิจไทยรุ่งเทรดดิ้งกรุ๊ป บริหารกิจการที่เป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฟอร์ด เลกซัส อีซูซุ และ ธุรกิจบิซคาร์-รถให้เช่า รวมทั้ง เซ็นเตอร์ยูสคาร์-จำหน่ายรถมือสอง
ขณะเดียวกันยังดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ลงทุนทำมาได้ราว 4-5 ปี โดยร่วมกับน้องชาย (วุฒิชัย เผอิญโชค) ในนาม บริษัท สินธรณี พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ด้วยความรับผิดชอบที่มากมาย นอกจากเธอเป็นกรรมการบริหารของบริษัทแม่ไทยรุ่งฯ ยังต้องนำทัพบริหารบริษัทในกลุ่ม ทั้งในฐานะเป็นผู้บริหารสูงสุด (CEO) และกรรมการบริหารประมาณ 20 บริษัท ทำให้ชีวิตในปัจจุบันของแก้วใจแทบจะอยู่กับงาน…งาน ทั้งที่เป็นลูกสาวคนเดียวในพี่น้อง 3 คน
ทุกวันนี้ธุรกิจของกลุ่มไทยรุ่ง ถูกปั้นสานต่อจากคุณพ่อคุณแม่จนประสบความสำเร็จในระดับน่าพึงพอใจ จึงน่าสนใจว่าหลักคิดและการดำเนินชีวิตที่ดีของนักบริหารหญิงผู้นี้ กับความมุ่งมั่นของธุรกิจที่ต้องการความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนประสานกันไปอย่างไร
• อยากทราบว่าใช้หลักอะไรในการบริหารธุรกิจ?
ข้อสำคัญของการบริหารงานไม่ว่าจะเป็นตัวดิฉันและผู้ใต้บังคับบัญชา ก็คือ ความซื่อสัตย์ ต้องมาอันดับ 1 เราต้องไม่เป็นนักฉวยโอกาส และต้องอยู่ภายใต้กรอบของศีลธรรม และจรรยาบรรณ ส่วนสิ่งที่ขาดไม่ได้และถือเป็นพื้นฐานสำคัญ คือ ความขยันอดทน ต้องเป็นนักปฏิบัติจริงนะคะ ไม่ใช่เจ้าหลักการ พอเราลงมือทำแล้วก็จะได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
นอกจากนั้น ต้องเปิดใจพร้อมรับกับทุกสิ่งที่เข้ามา ทั้งเรื่องของความคิดคน ความเปลี่ยนแปลงทางด้านเศรษฐกิจ สังคม เทคโนโลยี หรือแม้กระทั่งการเกิดภัยธรรมชาติ เพราะทุกอย่างล้วนมีอิทธิพลต่อการปรับตัวด้านธุรกิจ และเมื่อเกิดปัญหา พยายามมองในแง่บวก คิดบวกเข้าไว้ว่า ทุกอย่างนั้นย่อมมีทางออก และถ้าเราร่วมกันทำงานเป็นทีมจะมีความสามัคคี และช่วยกันระดมความคิดหาวิธีการที่ดีเพื่อแก้ปัญหา
• ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากคุณพ่อคุณแม่?
ท่านเป็นครูอาจารย์ที่ดี คอยสอน คอยเตือนเสมอว่า การทำอะไรก็ตามอย่าลืมตัว ต้องคิดให้รอบคอบ รอบด้าน อย่างมีเงินแล้วไม่ใช่ทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีเสียก่อน ต้องมีหลัก ยิ่งในยุคนี้ที่มีความซับซ้อนของธุรกิจ การตลาดที่มีการแข่งขันมาก
ยุคเราเป็นเจเนอเรชั่นที่สอง ก็มีความยากลำบากที่ต่างกับยุคก่อน แต่มีข้อได้เปรียบที่เราได้ฐานรากจากคุณพ่อคุณแม่ จึงอยู่ที่ว่าเราจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร ที่นี่อาจจะบริหารแบบ Conservative เป็นธุรกิจแบบครอบครัว แต่ก็บริหารด้วยหลักแบบมืออาชีพที่ไม่ใช่นึกอะไรก็จะทำได้ เราอยู่กันแบบครอบครัวที่มีความอบอุ่น ดิฉันมองว่าธุรกิจที่มีความมั่นคงและยั่งยืนนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
• เรียกว่าซึมซับแนวทางการใช้ชีวิตที่ดีมาตั้งแต่เด็ก?
ตอนเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงแบบไม่ให้สิทธิพิเศษอะไรเลย ถึงจะเป็นลูกสาวคนเดียวก็เถอะ เรียกว่าเล่นโลดโผนกับพวกพี่ๆ ได้แทบทุกอย่าง แต่ท่านจะคอยสอน หรือเรียกว่าปลูกฝัง อย่างการพาเราไปดูการทำงานที่โรงงานบ่อยๆ จนเรารู้สึกว่าโตขึ้นอยากทำงานเป็นนักธุรกิจ
คุณแม่อยากให้ไปเรียนเมืองนอก พอไปเรียนต่างประเทศจริงๆ นอกจากเรียนแล้วก็ได้เป็นนักกีฬาฮ็อกกี้ของมหาวิทยาลัย แล้วยังหาเวลาไปทำงานพิเศษกับครอบครัวที่เราไปอยู่ด้วยบ้าง คือ เขาทำร้านอาหาร และร้านขายเสื้อผ้าเด็ก เราก็ไปช่วยงาน หรือตอนที่จบกลับมาเมืองไทย ก็หาประสบการณ์ทำงานบริษัทตรวจสอบบัญชีของต่างประเทศราว 2 ปีก่อน จึงจะเข้ามาช่วยกิจการของครอบครัว
• พื้นฐานการทำงานตรวจบัญชีช่วยในเรื่องความละเอียดมั้ย?
บางเรื่องละเอียดมากไปก็ไม่ดีนะคะ มันมีองค์ประกอบที่ต้องมีวิสัยทัศน์ กล้าที่จะตัดสินใจ และกล้าที่จะลองผิดลองถูก ไม่ใช่กลัวไปทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เราต้องมีหลัก มีวิธีการทำค่ะ ยิ่งสมัยนี้มีข้อมูลข่าวสาร มีนักวิชาการมาเป็นที่ปรึกษา โอกาสพลาดก็น้อยลง แต่ความกล้าลงทุนขึ้นอยู่กับเราดูว่า เสี่ยงแค่ไหน
สูตรของการคิดใหญ่ทำใหญ่ คือต้องคำนึงถึงหลัก ต้องการผลตอบแทนสูงก็ต้องเสี่ยงสูงเป็นหลักการ High risk-High return ธุรกิจเรามีคณะที่ปรึกษา ในสำนักกรรมการผู้จัดการ มีที่ปรึกษาภายในครอบครัว จึงมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการธุรกิจ รวมถึงการมีกรอบคุมความถูกต้องเป็นธรรมด้วย “ธรรมนูญครอบครัว”
• ธรรมนูญครอบครัว มีไว้เพื่ออะไร?
คือเรามองถึงอนาคตที่ครอบครัวจะต้องขยายเติบโตเป็นรุ่นที่สาม แล้วถ้าไม่เกิดความสามัคคีก็อาจจะแตกกันได้
ธรรมนูญของครอบครัวเรา ประกอบด้วยหมวดต่างๆ เช่น วิสัยทัศน์ คุณสมบัติของคนในตระกูล การซื้อขายหุ้นและมรดก วินัยและการลงโทษ สวัสดิการและผลประโยชน์ รวมถึงมีสภาครอบครัว ประกอบด้วยสมาชิกสภาครอบครัวและที่ปรึกษา ถ้าเรื่องใดอยู่ในกรอบก็ยึดตาม แต่ถ้ามีบางเรื่องไม่มีเกณฑ์ใดระบุไว้ ก็ต้องอาศัยการประชุมสภาโดยมีคุณแม่เป็นเสมือนประธานสภา
• เข็มทิศชีวิตที่มั่นคง เป็นเพราะยึดหลักคุณธรรม?
ดิฉันเป็นคนเรียบง่าย ไม่ทำอะไรให้ยุ่งยาก แต่มีหลักคุณธรรม จริยธรรม ประพฤติตนอยู่บนความถูกต้องตามกฎหมาย การทำความดีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ใจ ที่สำคัญอย่าโลภมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราเรียนรู้มาจากสังคมภายในครอบครัว ถ้าเราหนักแน่นจากข้างในแล้ว แม้ภายนอกมีอะไรมากระทบก็จะไม่หวั่นไหว
• อุดมคติในชีวิตคืออะไร?
อยากเห็นคนอื่นมีความสุข ดิฉันเริ่มจากครอบครัวของเราก่อน ซึ่งสามารถพูดได้เต็มปาก ว่าลูกๆ ของเราเป็นคนดี พี่น้องของเราก็รักใคร่กลมเกลียว สามัคคีกัน มีความอบอุ่น ไม่ได้ไปสร้างภาพ โดยส่วนตัวเป็นคนแคร์คนอื่น อยากเห็นคนอื่นมีความสุข อยู่ในสังคมที่ดี
เวลาให้เพราะเราอยากให้เขาพ้นทุกข์ ซึ่งไม่ใช่ให้เงินอย่างเดียว การให้กำลังใจ มีคำพูดที่ดีให้ก็รู้สึกมีความสุข อยากแนะนำให้ทุกคนแสวงหาความสุขกับคนใกล้ตัว ดูแลสิ่งใกล้ตัว ไม่ต้องหาอะไรที่ไกลเกิน ความสุขนั้นอยู่ที่ใจ สมัยเด็กเราเคยรับของใครแล้วมีความสุข ก็ทำนองเดียวกันที่ตอนนี้เวลาให้แล้วมีความสุขมาก
• ทำไมจึงสนใจกิจกรรมเพื่อสังคม ด้านการศึกษา?
อยากให้กับเยาวชน เด็กเล็ก ปลูกพื้นฐานที่ดีเพื่อเป็นเด็กโตที่มีคุณค่า แต่ค่านิยมทางการศึกษามีการปลูกฝังที่ผิดที่มุ่งให้ได้ใบปริญญา แต่การเรียนสายอาชีพมักโดนดูถูก จึงสนใจว่าจะอุดช่องว่างนี้ ซึ่งเราก็เป็นส่วนหนึ่งที่พอสามารถจะช่วยได้บ้าง
อยากช่วยปลูกฝังเด็กเล็กตั้งแต่พื้นฐาน เคยคิดว่าจะตั้งมูลนิธิ แต่ตอนนี้พยายามเข้าไปช่วยส่งเสริมมูลนิธิที่สร้างประโยชน์แก่สังคม อย่างเช่น มูลนิธิพระดาบส ซึ่งช่วยในสายอาชีพ ส่วนหนึ่งเราก็สอนให้ความรู้ได้ และรองรับงานที่จะเป็นวิชาชีพของเขาได้ด้วย
นอกจากนี้ ก็มีการจัดกิจกรรมธรรมะสัญจรให้ชุมชน โดยมองสังคมใกล้ตัวไว้ก่อน เป็นการให้ธรรมะ ให้ข้อคิดที่ดีแก่คนในสังคม
อยากบอกว่า การสร้างอนาคต เราต้องมีความขยัน อดทน มานะ พากเพียร พยายามรักษาความน่าเชื่อถือของตัวเองไว้ ทั้งคำพูดและการกระทำ นั่นบ่งบอกถึงศักดิ์ศรีของเรา
เพราะความพอดีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เธอบอกว่าชีวิตเปลี่ยนแปลงได้เสมอ พรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นเรายังไม่รู้ แต่สิ่งเตือนใจตัวเองกับการใช้ชีวิตในวันนี้ คือ การรู้จักพอ ลดทิฐิ พยายามปรับสมดุล เพื่อพบทางสายกลาง และรักษาระดับของทุกจังหวะไม่ให้ช้า หรือเร็วจนเกินไป
• แก้วใจ เผอิญโชค หญิงแกร่ง แห่งไทยรุ่งกรุ๊ป
แก้วใจ เผอิญโชค แมคโดนัลด์ เรียนที่เซนต์จอห์น ตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมต้น จากนั้นไปต่อที่ประเทศออสเตรเลียอยู่ 7 ปี จบมัธยมปลายที่ มูร์แบงก์ไฮสคูล และปริญญาด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยนิวอิงค์แลนด์ ส่วนสถานะครอบครัว เธอสมรสกับมิสเตอร์แอนโทนี แมคโดนัลด์ มีทายาท 3 คน คือ น้องคริสตาเบลล์ (แก้วขวัญ), น้องอาร์เธอร์ (อติคุณ) และ น้องออสติน
เธอเริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี บริษัท คูเปอร์ ไลแบรนด์ ประเทศไทย จำกัด, เจ้าหน้าที่จัดซื้อและการตลาด บริษัท เลย์แลนด์ดาฟ จำกัด ในประเทศอังกฤษ และเนเธอร์แลนด์ จากนั้นมาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการบัญชี และการเงิน บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน), ผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ บริษัท ไทยรุ่งฯ , เจ้าหน้าที่ฝึกหัดฝ่ายขายและการตลาด แลนด์โรเวอร์ และเอ็มจี โรเวอร์ ในประเทศอังกฤษ, กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทย.วี.พี.ลีสซิ่ง จำกัด (ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์), ผู้อำนวยการ บริษัทไทย เอ็กซ์คลูซีฟ ลีสซิ่ง จำกัด (การร่วมทุนระหว่างบริษัทเช่าซื้อและธนาคารสแตนดาร์ดชาร์ตเตอร์) กระทั่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในปัจจุบันฒ
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 141 กันยายน 2555 โดย วิบูลย์ สุขใจ)