xs
xsm
sm
md
lg

บทความพิเศษ : นรกแตก!!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พอพูดถึง “นรก”ใครก็กลัวทุกคน แต่ยังไม่เห็นนรกเลยสักที มันไหม้เผาผลาญสัตว์อยู่ตลอดวันตลอดคืน นรกไม่ใช่มันจะเรียกเอาตัวของเราไป แต่เราตกไปเองต่างหาก เหตุที่จะไม่ให้ตกนรกนั้นมีอยู่ แต่เราไม่มีการป้องกันตัว

ความโกรธ เกิดขึ้นในใจในตัวของเรา มันร้อนอยู่ตลอดเวลา ยืน เดิน นั่ง นอน ในอิริยาบถทั้งปวงหมด เป็นไฟเผาตลอดเวลา คนที่โกรธมากจึงอายุสั้น ตายเร็ว ถ้ายังไม่ตายก็ถูกไฟเผาอยู่นั่นแหละ

ความโกรธนั้นมันเกิดจากความไม่พอใจเรียกว่า “ปฏิฆะ”

นรกแตก คือว่า ความโกรธ ความไม่พอใจมันร้อนเต็มที่แล้ว มันแตกกระจายออกไป เห็นสิ่งต่างๆ แล้วไม่พอใจไปทั้งหมด วัตถุสิ่งของใดๆ ที่อยู่รอบด้านรอบตัวของเรา เห็นเป็นพิษเป็นสงไปหมด ผู้คนต่างๆ ที่อยู่รอบตัวของเรา แม้แต่ญาติมิตร พวกพ้องพี่น้องของเรา มีบิดามารดาเป็นต้น ก็เห็นเป็นภัยหมด

อันนั้นแหละ.. หม้อนรกแตก

มันแตกออกมาจากใจ แล้วก็กระจายไปทั่วทุกแห่งหน ไหม้ตลอดหมด เรียกว่า “นรกแตก”

นรก คือ ความโกรธ


ความโกรธนี้เมื่อมีในตัวของเราแล้ว เราไม่อดกลั้นมันเลย ปล่อยกระจายออกภายนอก ไหม้เผาผลาญไปทั่วบ้านทั่วเมือง

ไฟไหม้ป่ายังสามารถดับได้ แต่ไฟภายใน ไฟนรกตรงนี้ไม่ดับเลยสักที รถดับเพลิงสัก ๑๐ คันก็มาเถิด ยิ่งฉีดเข้าใส่เท่าไร ยิ่งกระพือไฟขึ้นใหญ่โต...

เวลามันโกรธขึ้นมา มันมืดมิดหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ท่านเรียกว่า “นรกโลกันต์” คือมืดมิดหมด ไม่เห็นแสง เห็นแดดอะไรเลย...

เมื่อเป็นอย่างนี้ พวกเราจะทำอย่างไรกัน?

มันแตกแล้ว ทำอย่างไรมันจึงจะดับ?

มันแตกแล้วยิ่งกระจายออกไปใหญ่ กระจายไปหมดทั่วทุกหนทุกแห่ง ญาติพี่น้อง รวมทั้งสิ่งสารพัดทั้งปวงหมดในรอบๆ นั้น เดือดร้อนกันไปหมดเลย มันกระจายออกไป เผาผลาญไหม้ไปหมดทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งสิ่งที่มีวิญญาณและไม่มีวิญญาณ ไม่เหลือทั้งนั้น

จะเห็นบางคนพอโกรธขึ้นมา ถ้วยชามทิ้งขว้างหมด แตกกระจัดกระจาย ถ้วยชามเหล่านั้นมันทำอะไรให้คน? มันมีวิญญาณอะไร? ทำไมไปจับมันขว้างหมดล่ะ นั่นแหละไฟนรกเผา แม้แต่ของไม่มีจิตวิญญาณก็เผาหมด

ท่านสอนให้ดับไฟนรก ต้องเอาที่ต้นตอของมันจริงๆ จังๆ ต้นตอของนรกจริงๆ คือ “ใจ”

ถ้าเราเห็นใจแล้ว มันไม่มีอะไรหรอก ไฟนรกก็ดับ ความโกรธก็ไม่มี เช่นว่า เราโกรธ พอกำหนดสติเห็นใจเราเท่านั้น ความโกรธนั้นหายไปเลย ความโลภ ความหลง ความมานะทิฏฐิก็เหมือนกัน หากเราเข้าไปเห็นตัวใจแล้ว ของเหล่านั้นดับหายไปหมด

“ใจ” คือตัวเป็นกลาง ไม่เอนเอียงไปในอดีต ในอนาคต ไม่คิดนึกอะไร นิ่งเฉยอยู่ ตัวนั้นแหละเป็นใจ เราดับไฟตรงนั้นเลย ไม่ต้องใช้เครื่องฉีด ตรงเข้าไปตรงนั้นเลยทีเดียว คือตรงเข้าถึงใจ ที่มันเป็นกลางนั่นเลย...

พวกเราฝึกหัดปฏิบัติอยู่นี่ ก็ปฏิบัติเพื่อให้มันชำนิชำนาญในเรื่องการสำรวมระวัง เมื่อมีอะไรมากระทบเข้าเพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ไม่ให้มันขุ่นขึ้นมานั่นเอง ให้มันใสแจ๋วอยู่ตลอดเวลา มันจึงจะพ้นจากทุกข์พ้นจากนรก

(จากการแสดงธรรมวันที่ ๑๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๒๕)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 141 กันยายน 2555 โดย พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี) วัดหินหมากเป้ง จ.หนองคาย)
กำลังโหลดความคิดเห็น