xs
xsm
sm
md
lg

พ่อแม่เลี้ยงบวก : ผิดเป็นครู

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พ่อ : ไหน พ่อขอดูสมุดพกหน่อยซิ (น้ำเสียงตื่นเต้น)

เก่ง : คะแนนยังไม่ดีเลยพ่อ (เสียงพลิกสมุดพก)

พ่อ : ใครบอกล่ะ ดีกว่าเทอมที่แล้วตั้งเยอะ พ่อเห็นสองตั้งหลายตัว ไม่เห็นศูนย์ซักกะตัว

เก่ง : เทอมที่แล้วผมสอบตก เพราะหนีเรียนไปเล่นเกม ทำไมพ่อกับแม่ไม่ว่าผมเลย ไม่โกรธเหรอครับ?

พ่อ : พ่อกับแม่เสียใจมากกว่า มัวแต่ทำงานหาเงินเยอะๆ ไม่มีเวลาให้ลูก ทิ้งให้เหงาจนต้องไปติดเกม แล้วสอบตก (เสียงเศร้า)

เก่ง : พ่อรู้ไหม ตอนพ่อพูดว่า คนเราผิดพลาดได้ทั้งนั้น เป็นบทเรียนให้เราไม่ทำผิดซ้ำอีก แล้วแม่ก็เข้ามากอด ไม่ด่า ตีหรือบ่นที่ผมสอบตก ผมรู้สึกอบอุ่น แล้วก็รักพ่อกับแม่มากเลยครับ

พ่อ : พ่อรู้ว่าลูกก็เสียใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น เก่งสอบตกก็เป็นเรื่องดีนะ

เก่ง : อ้าว! ไหงเป็นงั้นล่ะพ่อ!?!

พ่อ : มันทำให้ได้คิดว่าที่ผ่านมา พ่อกับแม่ผิดพลาดกันแค่ไหน แล้วเราสามคนก็ช่วยกันเอาความสุขของครอบครัวกลับมาไง

เมื่อลูกทำผิดพลาดร้ายแรงพ่อแม่อย่าเพิ่งชี้ผิดไปที่ลูกแต่ฝ่ายเดียว แต่ควรย้อนมองด้วยว่า เรามีส่วนในปัญหานั้นหรือไม่ การยอมรับข้อผิดพลาดและเผชิญกับปัญหาโดยไม่หลบหนี จะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา สำคัญคือความรักและกำลังใจจากคนในครอบครัวจะช่วยเปลี่ยนปัญหาที่ติดลบให้กลับเป็นบวกได้ค่ะ

ขอบคุณความผิดพลาด

เมื่อลูกทำผิดพลาดร้ายแรง พ่อแม่อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นความผิดของลูกแต่ฝ่ายเดียว การเพ่งโทษมองแต่พฤติกรรมที่ไม่ดีของลูก ซ้ำเติมด้วยความคิดและอารมณ์ลบๆ จะยิ่งขยายปัญหาให้บานปลายและรุนแรงมากขึ้นไปอีก วางคำตำหนิติเตียนทั้งหมดลง ไม่เริ่มต้นกล่าวโทษอีกฝ่ายก่อน แต่พร้อมเปิดใจรับฟัง จะทำให้ลูกกล้าเปิดเผยถึงสาเหตุของปัญหาและนำไปสู่การแก้ไขร่วมกันได้ในที่สุด ทักษะสำคัญที่พ่อแม่ควรใช้ในการรับฟังปัญหาของลูกคือ

• ฟังลูกให้ได้ยิน

คือฟังอย่างตั้งใจว่า ลูกคิดหรือรู้สึกอย่างไร รอลูกพูดให้จบเสียก่อน ไม่พูดขัดหรือพูดดักคอลูก ไม่ตัดสินความคิดลูกว่าถูกหรือผิด ดีหรือเลว

• เข้าใจความรู้สึกของลูกมากกว่ามุ่งสั่งสอน

การให้ลูกรู้ว่า พ่อแม่เข้าใจความรู้สึกและความทุกข์ของเขาแทนการมุ่งสั่งสอน จะช่วยให้เด็กรู้สึกอบอุ่นและยินดีบอกเล่าถึงปัญหาและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา

• สอนให้มองมุมบวก

แนะให้มองความผิดพลาดเป็นบทเรียนที่จะไม่พลาดซ้ำ และขอบคุณต่อปัญหาและอุปสรรคที่ทำให้เราเรียนรู้สิ่งที่ถูกต้อง อย่าจมอยู่กับทุกข์และการเพ่งโทษซึ่งทำให้เสียเวลา รีบแก้ไขและดึงความสุขของครอบครัวกลับมาดีกว่า

ควรทำ

• เมื่อเกิดปัญหาให้มองรอบด้าน
ไตร่ตรองหาสาเหตุและแก้ที่สาเหตุทุกๆ ด้าน เช่น ปัญหาที่ตัวเด็ก ปัญหาที่พ่อแม่ ปัญหาที่เพื่อน หรือปัญหาของสภาพแวดล้อม จะช่วยให้การแก้ปัญหาทำได้ผล

• การยอมรับปัญหา มองปัญหาในแง่ดี จะช่วยทำให้เกิดการเรียนรู้ ช่วยทำให้ได้ไตร่ตรองหาสาเหตุ เรียนรู้ข้อผิดพลาดและแก้ไข จะช่วยทำให้ปัญหาลดน้อยลง

• สัมพันธภาพที่ดี จะช่วยทำให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้ามาร่วมมือกัน สามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ได้ด้วยความรัก ความเข้าใจ

• การเผชิญหน้ากับความผิดพลาด ต้องใช้ความกล้าหาญ และเด็กยังต้องการกำลังใจ พ่อแม่ควรชื่นชมกับสิ่งที่เด็กทำ และทำให้เด็กรู้ว่า คุณเข้าใจความรู้สึกของลูก

• ระยะแรกในการฝึกฝนแก้ปัญหา เด็กมักคิดผิดมากกว่าคิดถูก เด็กมักแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ผิดมากกว่าจะใช้วิธีการที่ถูก ความใกล้ชิดช่วยเด็กให้หัดคิดวิธีการแก้ปัญหาหลายๆ ทาง และให้คิดถึงผลที่จะตามมา จะช่วยให้เด็กทำได้ดีขึ้น ทำได้เก่งขึ้น

• ยิ่งแก้ปัญหาได้หลายอย่าง จะทำให้มีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาที่ซับซ้อนง่ายขึ้น เป็นทักษะที่ควรฝึกฝนเด็กมาตั้งแต่เล็ก โดยการปล่อยให้เด็กหัดทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง และเมื่อพบกับปัญหาก็ปล่อยให้เด็กหัดคิดแก้ปัญหา

ไม่ควรทำ

• การปฏิเสธปัญหา
หรือมองปัญหาในแง่ไม่ดี หรือกล่าวโทษว่าคนใดคนหนึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดปัญหา

นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังทำให้เสียสัมพันธภาพเสียกำลังใจและที่สำคัญ คือ ปัญหายังคงอยู่ต่อไป

* หัวใจการเลี้ยงดู

ความผิดพลาดเป็นบทเรียนสำคัญ

จัดทำข้อมูลโดย : แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย
สนับสนุนโดย : สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 140 สิงหาคม 2555 โดย แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย)
กำลังโหลดความคิดเห็น