xs
xsm
sm
md
lg

คนดังมีดี : สุขของนักจัดสวน "ภานุเดช วัฒนสุชาติ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลายคนรู้ว่า ความสุขนอกเหนือจากการเป็นนักแสดง ของ “ดุ๊ก” ภาณุเดช วัฒนสุชาติ ผู้เคยแจ้งเกิดจากบท “ชีพ” ในละคร “สุสานคนเป็น” คือ การทำงานศิลปะ งานออกแบบตกแต่ง รวมถึงการจัดสวน

แม้ปัจจุบันมีงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบในหลายส่วน ทั้งงานเบื้องหลัง ในฐานะผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ “ตีท้ายครัว” และ “ครัวแล้วแต่คริต” ที่ทำร่วมกับหุ้นส่วน ในนาม บริษัท เงาะถอดรูป จำกัด, ทำหน้าที่ เป็น creative inspiration และงานเบื้องหน้า อย่างการเป็นส่วนหนึ่งของรายการ “สมรภูมิไอเดีย” และรับบทการแสดงในละครเรื่อง “แรงปรารถนา” เรื่อง “ธรณีนี่นี้ใครครอง” และ “หงส์สะบัดลาย”

• อดีตนักศึกษาโฆษณา
รักงานออกแบบ


ทว่าผู้ชายคนนี้ก็มีเวลาแบ่งให้กับงานที่เขารักเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้เรียนจบมาทางด้านนี้ แต่เรียนจบสาขาโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

และก่อนหน้านี้เขาเคยเปิดร้านรับทำงานออกแบบตกแต่ง ชื่อ Kept ที่สยามเซ็นเตอร์ นานถึง 10 ปี และเขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ในนิตยสารหลายเล่ม และมีหนังสือที่ทำขึ้นเฉพาะกิจออกมาในชื่อ Living in Style by : Bhanudej

“เริ่มมาจากความฝันในวัยเด็กที่อยากเป็นนักออกแบบตกแต่ง แต่เอ็นไม่ติด พอมีโอกาสได้เป็นนักแสดง เก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ก็เลยเปิดร้าน มีกลุ่มลูกค้าอยู่กลุ่มหนึ่งที่ไว้วางใจเรา ก็เลยรับทำงาน ออกแบบภายในมาระยะหนึ่ง

ส่วนหนังสือที่เคยทำออกมา รวบรวมงานออกแบบและไอเดียของเรา ซึ่งเล่าตั้งแต่เรื่องที่เราเป็นคนคนหนึ่งที่รักงานทางด้านนี้ เพราะอาจจะมีหลายคนที่ไม่มีโอกาสเรียนอย่างเรา ไม่มีโอกาสเข้าเรียนในสถาบันที่ส่งเสริมให้รู้ในเรื่องเหล่านี้ เพื่อที่เขาจะได้ทราบว่า เรามีวิธีเรียนรู้ด้วยตัวเอง ด้วยวิธีไหน

ไม่ได้อยากจะแสดงว่าตัวเองมีภูมิรู้ในด้านนี้มากมาย แต่เห็นว่าเราเป็นบุคคลสาธารณะ และมีผลงานในเชิงศิลปะประมาณหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป การออกแบบ อยากจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กไทย ว่าเขาสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ ถ้าเขารักจริง”

• ทำงานที่รัก
ไม่โฟสกัสเรื่องเงิน


การได้ทำสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เขาบอกว่า เป็นตัวเขาเองมากที่สุด และรักที่จะทำ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องเงินเป็นหลัก

“มันเป็นตัวเราที่สุดครับ ผมทำมันด้วยความรัก ความชอบ และความความสุข ผมทำโดยที่ไม่เคยสนใจเรื่องตัวเลขเลย จนทุกวันนี้ เป็นคนที่จะขอดูก่อนเลยว่า งานที่ทำมันให้ผมมีความสุขไหม เพราะผมเชื่อว่าความสุขซื้อไม่ได้

ผมมีความรู้สึกว่า การทนทำงานที่ทำให้ตัวเองอึดอัด เพราะมีรายได้เยอะ แล้วค่อยมาซื้อความสุขทดแทนทีหลัง ผมว่ามันไม่คุ้มเท่ากับการทำงานที่ทำให้มีความสุขทุกวัน ทำงานที่เรารัก ทำแล้วคนประทับใจในงานของเรา ซึ่งจะทำให้เราเกิดความภูมิใจ มีกำลังใจ เป็นสิ่งที่ใช้เงินซื้อไม่ได้ ผมก็เลยไม่เคยไปโฟกัสเรื่องเงิน และบางครั้งผมก็ไปรับงานอะไรเยอะแยะ ที่ไม่รู้ได้เงินหรือเปล่า แต่เชื่อว่า ทำแล้วมีความสุข”

• มอบต้นไม้เป็นของขวัญ

ครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นหนึ่งในจำนวนคนดังที่ถูกเชิญให้ไปร่วมเสนอไอเดียทำดี ผ่านกิจกรรมบางโครงการของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเขาได้เสนอไอเดียให้ทุกคนหันมามอบต้นไม้เป็นของขวัญ

“จริงๆแล้วผมเป็นคนที่ชอบธรรมชาติ ชอบสีสันของต้นไม้ ดอกไม้ สัตว์เลี้ยงฯลฯ และชอบที่จะถ่ายภาพต้นไม้ ดอกไม้ และชอบจัดสวนด้วย

การเสนอไอเดียมอบต้นไม้เป็นของขวัญ เป็นไอเดียที่ดีที่น่าสนับสนุน เพราะในปัจจุบันนี้โลกเรามันร้อนขึ้น คนมันเดือดร้อนขึ้น ผมว่าต้นไม้ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้

แทนที่จะให้ดอกไม้ ที่สามารถอยู่กับผู้รับได้ไม่นาน เดี๋ยวก็เหี่ยวเฉา และแห้งไปเป็นขยะ เลยอยากชักชวนให้ทุกคนหันมาให้ต้นไม้กันมากขึ้น จะได้ทำให้มีคนดูแลต้นไม้กันมากขึ้น น่าจะทำให้ทุกคนสดชื่นขึ้น และช่วยทำให้อะไรดีขึ้นสักนิดก็ยังดี

ความจริงผมก็ชอบการให้ดอกไม้ เพราะรู้สึกว่ามันน่าประทับใจ แต่เราก็อาจจะเพิ่มสัดส่วนเป็นการให้ต้นไม้มากขึ้น”

• สุขของนักจัดสวน

หากหลายคนลองนำเอาไอเดียดีๆนี้ไปปฏิบัติ ในอนาคตอาจเป็นไปได้ว่า เราจะมีนักจัดสวนเพิ่มมากขึ้น แม้จะเป็นแค่การจัดสวนในบริเวณบ้านของเราเอง แต่ก็อาจจะทำให้บางคนได้ค้นพบความสุขเหมือนกับนักแสดงคนนี้

“ผมไม่ได้ชอบดอกไม้ที่ความหอมหวาน เหมือนที่หลายๆคนชอบ แต่ผมชอบที่รูปฟอร์มและสีของมัน แม้แต่ต้นไม้ นกและผีเสื้อก็ตาม ผมมองว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ธรรมชาติสร้างมาได้อย่างไร สีสันลวดลาย เส้นสายที่ละเอียดอ่อน ผมมองว่ามันเป็นศิลปะที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา

เวลาผมจัดสวน ผมรู้สึกว่ารูปฟอร์มของต้นไม้และดอกไม้ที่มีความหลากหลาย สามารถนำมาสร้างสรรค์ได้ไม่สิ้นสุด เวลาอยู่กับมัน จึงทำให้ผมมีความสุข

ผมเชื่อว่า เป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถสัมผัสได้ แต่กลัวมันเท่านั้นเอง บางคนรู้สึกว่า ต้นไม้ ดอกไม้ ดูแลยากไม่เอาดีกว่า ก็เลยตัดมันทิ้งไปจากชีวิต แต่ถ้าเกิดวันหนึ่ง ได้ลองดูแล แล้วมันสำเร็จขึ้นมา ออกดอกออกผล จะเริ่มรู้สึกรักมัน”

• แนะนักจัดสวนมือใหม่
ปลูกต้นไม้ดูแลง่าย


สำหรับคนที่อยากหันมาเพิ่มความสดชื่นให้ตัวเองด้วยต้นไม้ ในเบื้องต้นเขาแนะนำว่า

“ผมว่าน่าจะเริ่มต้นจากต้นไม่ที่ดูแลง่ายซะก่อน นั่นคือพวกแคนตัส หรือพวกกระบองเพชร อย่างกระบองเพชรเอง มีรูปฟอร์มที่หลากหลายมากและก็มีดอกด้วย เหมาะที่จะปลูกภายใน โอเคแหละ แสงต้องสามารถส่องถึง น้ำไม่ต้องให้เยอะ แต่ดีต่อสุขภาพ เพราะสามารถดูดรังสีจากคอมพิวเตอร์ได้ครับ

แล้วถ้ามีระเบียงนิดๆหน่อยๆ ลองหันมาปลูกต้นไม้ที่มันมีความอดทน หรือพวกที่อาจจะดูแข็งแรงหน่อย จำพวกลิ้นมังกร ซึ่งเป็นต้นไม้ลักษณะใบแข็ง เหมือนลิ้นของมังกร มีความเป็นกราฟฟิก ถ้าลองเอามาจัดในกระถาง รูปทรงจะเป็นกราฟฟิกเรียบๆ ดูเป็นงานศิลปะแนวโมเดิร์นได้

หรือถ้าอยากได้ชนิดอื่น ที่สามารถทนแดดจัดๆ ไม่ต้องให้น้ำมาก สามารถหาความรู้ได้ตามร้านต้นไม้ ดอกไม้ เพื่อให้ต้นไม้ที่เราปลูก สามารถอยู่กับเราได้นาน

จากนั้น อาจจะเริ่มมีพวกต้นไม้ล้มลุก ตามมาด้วยต้นไม้ที่ปลูกตามฤดูกาล จริงๆแล้วการที่เราไปเห็นดอกไม้เมืองหนาวในต่างประเทศแล้วประทับใจ จริงๆแล้วอย่าลืมว่ามันก็มีช่วงเวลาของการหมดดอก จากนั้นหิมะก็ปกคลุม คนสวนต้องทำการบำรุงพื้นที่และปลูกกันใหม่เช่นกัน ซึ่งตรงนี้มันทำให้คนของเขาต้องขยัน และได้เห็นสีสันของต้นไม้ดอกไม้ที่เปลี่ยนไป”

• เคล็ดลับดูแลร่างกาย
ออกกำลังกายตามวัย


นอกจากการทำงานที่ไม่โฟกัสเรื่องเงิน พยายามอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ เขายังมีเคล็ดลับส่วนตัวในการดูแลสุขภาพกายว่า

“ก่อนหน้านี้ ผมจะดูแลตัวเองค่อนข้างดี มีวินัยในการออกกำลังกายและการทานอาหาร แต่ทุกวันนี้เป็นไปตามสภาพของงานและวัย อาจจะจัดเวลาได้น้อยลง แต่ยังพยายามที่จะออกกำลังในลักษณะที่เหมาะกับวัย มีเทรนเนอร์ดูแลบ้าง เล่นพิลาทิส หรืออะไรที่เป็นการเทรนกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่เราไม่ค่อยได้ใช้ เพื่อให้มันซับพอร์ตเรา ให้เรารู้สึกว่า สามารถทรงตัวได้ไปตามอายุของเรา แล้วก็จะคอยสังเกตน้ำหนักของตัวเอง

บางทีที่เหนื่อยๆ ผมก็อดไม่ได้หรอกที่จะทานอะไรตอนกลางคืนก่อนนอน แต่ผมจะพยายามสังเกตว่า เริ่มเกินลิมิตไปมากไหม ต้องพยายามคุม อาจจะต้องปล่อยบ้าง ควบคุมบ้าง ถ้าจะเป๊ะเหมือนแต่ก่อน มันก็ทรมานตัวเองไปหน่อย มันไม่ใช่คำแนะนำที่ดีหรอกครับ แต่ผมคิดว่า สำหรับสิ่งที่มันมีข้อจำกัดเนี่ย ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วก็มีทานพวกวิตามิน บ้างอะไรบ้าง เท่าที่จำเป็น”

• สีเทาของคนมองโลก
ในแง่บวก


ส่วนเรื่องของสุขภาพใจ เขาบอกว่าค่อนข้างโชคดีที่เป็นคนมองโลกในแง่บวก โดยเฉพาะในช่วงวัยนี้ ที่มีสติมาช่วยควบคุมอารมณ์มากขึ้น ไม่เหมือนแต่ก่อน

“ผมพยายามจะใช้สติมากกว่าอารมณ์ มันก็เลยทำให้ผมมองเห็นเหตุผลหรือเข้าใจผู้อื่นได้ เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำสิ่งเหล่านี้ มันก็เลยทำให้มีความโกรธน้อย และหงุดหงิดน้อย”

และเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่เสนอความคิดมองโลกให้เป็นสีเทา

“ผมคิดว่าสีดำมันคงแรงเกินไป ไปแปดเปื้อนคนอื่นได้ง่าย สีขาวก็เบาเกินไป แล้วก็ถูกคนอื่นมาแปดเปื้อนได้ง่ายเช่นกัน ผมว่าถ้าเราสีเทาๆมอๆสักนิดนึง มันไปเลอะคนอื่นก็คงเลอะเบาๆ หรือถ้ามีอะไรมาเลอะเราก็คงไม่ชัดเจนมากนัก

พูดให้เป็นรูปธรรม ผมหมายความว่า ผมเชื่อว่าทุกคนมีสันดานดิบ มีความเห็นแก่ตัว มีความต้องการที่ไม่ได้โฟกัสไปที่ความเดือดร้อนของคนอื่นมากมายอยู่ในตัว แต่ถ้าเรารู้ว่าทำไปแล้วมันเกิดผลร้าย เราก็ควบคุมมัน แล้วถ้าเราอยากระบายออกหรือใช้มัน ก็ควรใช้มันอย่างมีสติกับสิ่งที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน”

การที่สามารถคิดได้เช่นนี้ ศาสนามีอิทธิพลไม่น้อย

“เพราะครอบครัวของผมโดยรากฐานแล้ว ก็ถือว่าใกล้ชิดกับพุทธศาสนา โดยเฉพาะทางสายของคุณพ่อ ที่ได้ใกล้ชิดกับเกจิอาจารย์หลายท่าน ถ้าเป็นคุณปู่ ก็ได้ใกล้ชิดกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต แต่ถ้ารุ่นคุณพ่อก็เป็นพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ซึ่งผมก็โชคดีได้มีโอกาสไปกราบท่านหลายครั้ง และเกจิอาจารย์ที่เป็นลูกศิษย์ลูกหาท่านอีกหลากหลาย

ผมจำได้ตอนเด็กๆ ช่วงหนึ่งคุณพ่อพาไปกราบพระอาจารย์ฝั้น ท่านสอนให้นั่งสมาธิ เราก็นั่งได้แบบเด็กๆของเรา แต่มันมาอยู่ในตัวเราเมื่อโตขึ้นเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ เวลาผมรู้สึกร้อนใจ รู้สึกหงุดหงิด ผมจะนิ่งได้เร็ว เวลาผมจะไปทำงาน ผมจะไม่ขับรถเอง และผมจะใช้เวลาตรงนั้น ที่ผมอาจจะไม่หลับสนิท แต่ผมจะหลับตาแล้วพยายามนิ่ง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะซึมซับมาจากการถูกฝึกตอนเด็กๆ

คุณพ่อคุณแม่ก็จะคอยสอน คอยแนะนำอยู่หลายๆ เรื่อง เช่น การไม่ทำร้ายสัตว์ การไม่พูดปด รวมถึงเรื่องของความสุภาพ และการรู้จักกาลเทศะ ที่เป็นเรื่องของวัฒนธรรมไทย ที่สอนให้เราสามารถที่จะวางตัวต่อบุคคลที่เราจะไปติดต่อด้วย ว่าเขาอยู่ในภาวะอะไร อยู่ในสถานะอะไร แล้วเราควรจะเข้าหาในรูปแบบไหน เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ในเชิงบวก”

• ใช้ความสามารถ และ
โอกาสทางสังคมช่วยเหลือผู้อื่น


ในด้านหนึ่งเขาก็มีความสุขกับการได้ใช้ความสามารถที่ตัวเองมีอยู่ ช่วยเหลือและส่งเสริมผู้อื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“ผมทำของผมอยู่เรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสช่วยคน แล้วมันต่อยอดงานของเขาได้ ผมก็จะพยายามช่วย ผมมองว่า ถ้าผมให้ตรงนี้ไปแล้ว เขาดีขึ้นในอาชีพของเขา ในการศึกษาของเขา ผมจะทำตรงนั้นมากหน่อย อาจจะไม่ได้หมายถึงตัวเงิน แต่ถ้าผมให้เขาได้ผ่านแรงกาย ผ่านความรู้ของผม ผ่านการแนะนำ การเป็นที่ปรึกษา หรือรับฟังอะไรก็ตาม ผมก็ยินดี”

และส่วนหนึ่งเขาพยายามใช้ความเป็นบุคคลสาธารณะของตัวเองไปทำประโยชน์เพื่อผู้อื่น ผ่านกิจกรรมที่ดึงคนในแวดวงเดียวกันมาทำสิ่งดีๆให้สังคม ไม่ว่าสังคมที่เป็นเด็กผู้ยากไร้ มูลนิธิศิลปินอาวุโส ผู้ประสบภัยสึนามิ ต่อเนื่องมาถึงผู้ประสบภัยน้ำท่วมเมื่อปีที่ผ่านมา

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 139 กรกฎาคม 2555 โดย อ้อย ป้อมสุวรรณ)



กำลังโหลดความคิดเห็น