xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมปฏิบัติ : พิจารณารูปขันธ์ ไม่มีสิ่งใดในร่างกาย เป็นของสวยงามเลย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความไม่สวยงามในร่างกายนี้ ผู้มีปัญญาเท่านั้นจึงจะรู้เห็นตามความเป็นจริง

ธรรมชาติเดิมของร่างกายแล้ว ไม่มีสิ่งใดเป็นของสวยงาม มีแต่สิ่งสกปรกโสโครก ถึงจะอาบน้ำชำระรักษาอยู่ก็ตาม ความสกปรกในร่างกายนี้หาหมดไปไม่

ถ้าไม่อาบน้ำในสิบวัน ความสกปรกของร่างกายก็จะส่งกลิ่นออกภายนอก จะเป็นที่ขยะแขยงของสังคม เช่น ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก ก็ไม่มีสิ่งใดเป็นของสวยงาม และก็ไม่ได้ประกาศ ตัวว่าเป็นของสวยงามแต่อย่างใด

ความสวยงามนั้นมีอยู่ที่กิเลส สังขาร โมหะ อวิชชา มีความเข้าใจผิด รูปนั้นจึงมีความสวยงาม

รูปสวยงามเพราะความรัก
รูปสวยงามเพราะความยินดี
รูปสวยงามเพราะความใคร่
รูปสวยงามเพราะมีความกำหนัด

ถ้าจิตไม่มีความรัก ความใคร่ ความกำหนัดแล้ว รูปนั้นจะไม่มีสิ่งใดเป็นของสวยงามเลย เพราะความสวยงามนั้น ถึงจะมีเครื่องประดับประดาตกแต่งไว้ ก็เพียงเป็นเครื่องฉาบทาไว้ข้างนอก และฉาบทาไว้ตามผิวหนังที่ผิวเผินเท่านั้น

เหมือนกันกับหีบศพที่ประดับด้วยแสง สีและลวดลายต่างๆ ไว้ภายนอก ส่วนภายในหีบศพนั้น ย่อมเป็นซากศพที่มีความสกปรกเปื่อยเน่า และส่งกลิ่นอันเหม็นคลุ้ง อยู่ตลอดเวลาฉันใด

รูปร่างกายเรา และรูปร่างกายคนอื่น ถึงจะมีเครื่องประดับที่สวยงามและเอาน้ำหอมฉาบทาไว้ ก็เพียงกลบกลิ่นอันเหม็นคาวของร่างกายฉันนั้น และเพื่อให้สังคมมนุษย์เราอยู่ร่วมกันได้

การพิจารณาด้วยปัญญาก็เพื่อให้จิตได้รู้ความจริงของธาตุขันธ์ ให้รู้ความเกิด ขึ้นของธาตุขันธ์ ให้รู้ความเป็นอยู่ของธาตุขันธ์ ให้รู้ความดับไปของธาตุขันธ์

การเกิดขึ้นของธาตุขันธ์นั้นถึงเราจะไม่รู้ด้วยตาเนื้อก็ตาม เราก็ต้องพิจารณากันด้วยเหตุผล พิจารณาคาดหมายไปตามหลักความจริง เพราะการเกิดขึ้นของธาตุขันธ์ ไม่ใช่จะเกิดขึ้นได้วันหนึ่งวันเดียว ไม่ใช่จะเกิดขึ้นเป็นตัวมีอวัยวะครบถ้วนพร้อมกันทั้งหมด

ในครั้งแรกก็อาศัยกลละของบิดามารดา ต่อมาก็เป็นน้ำมันใส น้ำมันใสก็กลายเป็นน้ำเลือด เป็นก้อนเลือดขึ้นมาเป็นลำดับ แล้วแตกออกมาเป็นปัญจสาขา มีศีรษะ แขนสอง ขาสอง อวัยวะทุกส่วนก็ค่อยเจริญขึ้น มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ ปอด พังผืด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย น้ำดี น้ำเสลด น้ำเหลือง น้ำเลือด ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ก็เกิดจากก้อนเลือดทั้งสิ้น มีตา หู จมูก ลิ้น กาย สิ่งเหล่านี้ก็มีความ สมบูรณ์เมื่อถึง ๘ - ๙ เดือน แล้วก็ออกจากท้องแม่มาเป็นเด็กตัวแดงๆ อาศัยน้ำ นมและอาหารเหลวที่แม่ได้บำรุงทะนุถนอม เด็กก็ค่อยเจริญขึ้นเป็นเด็กโต แล้วกลายเป็นหนุ่มสาว เป็นคนเฒ่าแก่ คนเจ็บ คนตายในที่สุด

เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจก็เป็นเงาตามตัว ความไม่เที่ยง ก็เปลี่ยนสภาพมาตั้งแต่เป็นก้อนเลือด เป็นเด็กก็แปรสภาพมาจากก้อนเลือด แล้วเป็นหนุ่มสาว แล้วก็แปรสภาพกลายเป็นคนเฒ่าแก่ และแปรสภาพเป็นคนเจ็บ ตาย ไปในที่สุด

เมื่อตายแล้ว ธาตุขันธ์ทั้งหมดนั้นก็จะลงสู่อนัตตา คือความไม่เป็นสัตว์ไม่เป็นบุคคล ไม่เป็นเราและไม่เป็นเขาใดๆ ทั้งสิ้น ความเข้าใจเดิมว่าตัวตนของเรา ก็จะเป็นโมฆะ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด

ธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่เข้าใจว่าตัวตน ก็จะแตกสลายไปเป็นธาตุเดิม คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ ไปตามมูลความจริงของอนัตตา คือความสูญเปล่า ไม่มีสิ่งใดเป็นของของเราตามความเข้าใจ

(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 137 พฤษภาคม 2555 โดย พระอาจารย์ทูล ขิปปปญโญ วัดป่าบ้านค้อ จ.อุดรธานี)
กำลังโหลดความคิดเห็น