ลูกสาว : แม่คะ ถ้าหนูช่วยแม่ซักผ้าและทำความสะอาดห้องตัวเอง แม่เพิ่มเงินค่าขนมให้หนูได้มั้ย หนูจะเอาไปฝากธนาคาร
แม่ : อืม เป็นความคิดที่ดีนะ
พ่อ : การอยากช่วยงานบ้านเป็นเรื่องดีจ้ะ แต่ถ้าช่วยทำงานบ้านเพื่อแลกเงินพ่อว่าไม่ดีจ้ะแม่
แม่ : ทำไมล่ะพ่อ? ลูกก็ช่วยทำงานบ้าน ดีกว่าแบมือขอเฉยๆ
พ่อ : (พูดกับลูก) พ่อปลื้มนะที่ลูกอยากช่วยแม่ทำงานบ้านให้แม่เหนื่อยน้อยลง ส่วนลูกก็เก่งขึ้น ทำงานบ้านเป็นช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่เป็นภาระให้ใคร นี่เป็นข้อดีจ้ะ แต่ถ้าหนูอยากช่วยงานบ้านเพื่อเงิน พ่อว่าไม่ดีจ้ะ เพราะว่างานบ้านเป็นงานที่ควรภูมิใจเพราะเราได้ช่วยเหลือคนอื่น พ่อมีหน้าที่ช่วยเก็บกวาดเช็ดถูทำความสะอาดบ้านก็เพื่อให้พวกเรามีบ้านสะอาดน่าอยู่ แม่มีหน้าที่ทำกับข้าว ซักผ้า รีดผ้า ก็เพื่อเราได้กินกันอร่อยๆ มีเสื้อผ้าสะอาดๆ ใส่ พ่อกับแม่ภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่นี้ เพราะเรามีความสุขที่ได้ทำให้กับคนที่เรารัก ไม่ใช่ทำเพื่อจะแลกเงิน
ลูกสาว : งั้นต่อไปนี้หนูจะมีหน้าที่ช่วยแม่ซักผ้าและก็เก็บห้องตัวเองให้เรียบร้อยค่ะ แม่จะได้ไม่เหนื่อย
แม่ : ขอบใจมากจ้ะลูก
พ่อ : ชื่นใจจัง คนเก่งของพ่อ
การมอบหมายหน้าที่ให้ลูกช่วยงานบ้าน พ่อแม่ไม่ควรเสนอสินจ้างเพื่อให้เด็กทำงาน แต่ควรสอนให้เด็กตระหนักว่า ทุกคนต้องมีหน้าที่ต่อครอบครัวและควรภาคภูมิใจที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดด้วยความรัก ความรับผิดชอบ และเอื้อเฟื้อน้ำใจแก่กันค่ะ
คุณค่าจากงาน มีค่ากับใจ
สมัยก่อนลูกๆ ต้องมีหน้าที่คนละอย่างสองอย่างในการทำงานบ้านช่วยเหลือแบ่งเบาภาระพ่อแม่ เป็นจุดเริ่มต้นในการฝึกเสียสละและแบ่งปันให้ผู้อื่น เป็นเส้นทางทำดีง่ายๆ ที่ทำได้ในบ้าน ยุคสมัยเปลี่ยนไป งานบ้านไม่ใช่งานที่เด็กสมัยนี้จะทำเพื่อช่วยแบ่งเบาให้พ่อแม่หายเหนื่อย แต่เป็นงานเหนื่อย ที่เราไม่ควรไปเสียเวลาทำ เมื่อพ่อแม่ตั้งท่าดูถูกงานบ้านอย่างนี้ ลูกๆ ก็หลิ่วตาตามด้วยความสมัครใจ
ยิ่งยุคสมัยที่ทุกอย่างซื้อได้ด้วยเงิน พ่อแม่บางคนอาจใช้เงินเพื่อให้ลูกทำงานบ้าน เช่น “แม่จะให้เงินลูกไปซื้อเกม ถ้าลูกเก็บกวาดห้องของตัวเองให้เรียบร้อย” นั่นหมายความว่าคราวต่อไป “ลูกจะไม่เก็บห้องให้เรียบร้อย ถ้าแม่ยังไม่ให้เงิน”
พ่อแม่ไม่ควรใช้เงินหรือของรางวัลมาล่อเพื่อให้ลูกทำงานบ้าน แต่ควรสอนให้ลูกรู้ว่า งานบ้านเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่ไว้วางใจให้ทำ ลูกมีความสามารถที่จะทำได้ และจะเกิดเป็นความสามารถติดตัวเมื่อได้ลงมือทำ งานจึงมีคุณค่าในการฝึกฝนตนเอง และมีค่ากับจิตใจคือความไว้วางใจจากพ่อแม่ ลูกจะเกิดความรู้สึกภูมิใจที่ว่า มีความสามารถและช่วยเหลือคนอื่นได้
อย่ากลัวลูกเหนื่อย อย่ากลัวลูกลำบาก รอให้โตก่อนค่อยมาสอน เพราะเมื่อลูกโตแล้วค่อยสอนก็สายเสียแล้ว เพราะถึงวันนั้นจะสอนยากสอนเย็น และอาจลงเอยด้วยศึกย่อมๆ ภายในบ้าน
ควรทำ
• สิ่งที่เด็กต้องการจากพ่อแม่ในการทำสิ่งที่พ่อแม่อยากให้ทำ มิใช่เพื่อเงินหรือสิ่งของ แต่เด็กทุกคนอยากได้คือความไว้วางใจที่พ่อแม่มอบให้เด็ก
• งานทุกอย่างมีคุณค่าในตัวเอง งานบ้านเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนและพัฒนาเด็กได้ในหลายด้าน เช่น
+ เพิ่มความสามารถติดตัวให้ลูก ฝึกความอดทน ทำงานได้ละเอียดและรอบคอบขึ้น
+ ทำงานได้หลายรูปแบบ เท่ากับฝึกฝนให้ลูกมีความสามารถหลายอย่าง
+ ทำให้ลูกหัดคิดวางแผน แก้ปัญหา พัฒนาการทำงานให้เร็วขึ้น
+ ลูกได้แสดงน้ำใจ ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม เป็นเส้นทางทำความดีง่ายๆ ในบ้าน
ไม่ควรทำ
• อย่าเอาเงินมาเป็นตัวว่าจ้างให้เด็กทำงาน เพราะถ้าไม่มีเงิน
เด็กจะไม่ยอมทำงาน
* หัวใจการเลี้ยงดู
งานบ้านมีคุณค่า
ช่วยฝึกกายฝึกใจให้ลูก
จัดทำข้อมูลโดย : แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย
สนับสนุนโดย : สำนักกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 136 เมษายน 2555 โดย แผนงานสร้างเสริมสุขภาพจิตเพื่อสุขภาวะสังคมไทย)