มะเร็งต่อมน้ำเหลือง คือ มะเร็งระบบน้ำเหลืองในร่างกาย เช่น ม้าม ไขกระดูก ต่อมน้ำเหลือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน มีหน้าที่ต่อสู้กับเชื้อโรคในร่างกาย
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มี 2 ประเภท คือ
1. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดฮอนจ์กิน สามารถแบ่งตามอัตราการเจริญของเซลล์มะเร็ง ออกเป็น 2 ชนิด
1.1 ชนิดรุนแรง มีอัตราการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งเร็ว ถ้าไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 6 เดือนถึง 2 ปี แต่มีโอกาสหายได้ ถ้าได้รับการรักษา
1.2 ชนิดค่อยเป็นค่อยไป จะมีอัตราการแบ่งตัวค่อนข้างช้า ผู้ป่วยมักมีอาการของโรคอยู่นานก่อนมาพบแพทย์ การรักษาโรคได้ผลดี แต่โรคมักเป็นซ้ำ
2. มะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอนจ์กิน ส่วนใหญ่จะพบมากในประเทศไทย
• สาเหตุ
ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ แต่บางรายพบว่า เกี่ยวข้องกับการได้รับสารเคมีบางชนิด เชื้อไวรัสบางชนิด และการมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ในผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ที่ได้รับยากดภูมิ ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
• อาการ
อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ การพบก้อนที่บริเวณต่างๆ ของร่างกาย เช่น ที่คอ รักแร้ หรือขาหนีบ มีก้อนมักจะไม่เจ็บ ซึ่งแตกต่างจากการติดเชื้อจะมีอาการเจ็บที่ก้อน มีไข้ หนาวสั่น มีเหงื่อออกมากตอนกลางคืน เบื่ออาหารและน้ำหนักลด อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ ไอเรื้อรัง และหายใจไม่สะดวก ต่อมทอนซิลโต อาการคันทั่วร่างกาย ปวดศีรษะ (มักพบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระบบประสาท)
• การวินิจฉัย
แพทย์จะเริ่มต้นจากการซักประวัติและการตรวจร่างกาย โดยคลำหรือสัมผัสบริเวณต่อมน้ำเหลือง ถ้าสงสัยก็จะตัดชิ้นเนื้อเพื่อตรวจวิเคราะห์ หรือทำการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ เช่น การตรวจไขกระดูก เอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ เอ็กซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า การตรวจ PET scan
• แนวทางการรักษา
ขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของโรค โดยแพทย์อาจให้การรักษาเดี่ยว หรือการรักษาแบบผสมผสาน
1. การเฝ้าติดตามโรค ชนิดค่อยเป็นค่อยไป หรือในรายที่ผู้ป่วยมีอาการจากตัวโรคไม่มาก โดยการตรวจเลือด หรือการตรวจทางรังสีเป็นระยะ
2. การรักษาด้วยยาเคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยทั่วไปมักให้ยาเคมีบำบัดหลายขนานร่วมกัน และอาจให้ร่วมกับการรักษาด้วยแอนติบอดี้
3. รักษาด้วยแอนติบอดี้ แอนติบอดี้จะไปจับกับโปรตีนบนผิวของเซลล์มะเร็ง หลังจากนั้นจะมีการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพื่อมากำจัดเซลล์มะเร็งนั้น ปัจจุบันนิยมใช้แบบเดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัด จะให้ผลการรักษาที่ดีกว่า
4. การรักษาด้วยการฉายรังสี เป็นการใช้รังสีปริมาณสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
5. การรักษาด้วยการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
• แนวทางการปฏิบัติตน
1. ควรงดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
2. รับประทานอาหารที่ปรุงสุก และสะอาด ไม่ควรรับประทานอาหารหมักดอง
3. ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่มีเปลือก เช่น ส้ม กล้วย โดยต้องล้างทำความสะอาดเปลือกทุกครั้ง
4. ควรพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
5. หลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ที่มีผู้คนแออัด เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
• เมื่อใดที่ควรมาพบแพทย์
เมื่อสงสัยว่ามีก้อน หรือต่อมน้ำเหลืองโต มีอาการไข้เรื้อรัง น้ำหนักลด ซีด อ่อนเพลียผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย จะได้ให้การรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา
อาหารสำหรับผู้ป่วย
มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
• กินผัก ผลไม้ ที่ผ่านความร้อน หรืออัดกระป๋อง
• กินผลไม้ที่มีเปลือกปอกได้/ และบรรจุกระป๋อง
• ขนมปังและเบเกอรี่ต่างๆ มีวันผลิตและวันหมดอายุ จะต้องไม่มีไส้สังขยา ไส้คัสตาร์ด และมายองเนส
• ถั่วและธัญพืชจะต้องสุกและผ่านความร้อน
• เนื้อสัตว์ควรเป็นจำพวกปลาทะเล และต้องผ่านความร้อน แน่ใจว่าสุก
• อาหารที่สุกแล้วจะต้องอุ่นให้ร้อน ก่อนรับประทานเสมอ
• น้ำดื่มต้องสะอาด มั่นใจว่าปราศจากเชื้อ
• เครื่องปรุงต่างๆ จะต้องผ่านความร้อน
• อาหารที่เก็บในตู้เย็นไม่ควรเกิน 1 สัปดาห์
• ตู้เย็น ตู้เก็บอาหารควรทำความสะอาดทุกสัปดาห์
(หน่วยโภชนาการ
โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ)
(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 133 มกราคม 2555 โดย รศ.พญ.นงลักษณ์ คณิตทรัพย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโลหิตวิทยา รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ)