จีนจัดแสดงโบราณวัตถุล้ำค่า
• จีน : รูปหล่อสำริด “พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์” หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม 11 เศียร 1,000 เนตร 1,000 กร สูง 77 เซนติเมตร สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 เคยถูกเก็บไว้ใน “นอร์บุลิงกา” มีความหมายว่า “อุทยานอัญมณี” ซึ่งเคยเป็นที่ประทับฤดูร้อนขององค์ทะไลลามะ ในนครลาซา
รูปหล่อพระโพธิสัตว์กวนอิมองค์นี้ เป็นหนึ่งในโบราณวัตถุล้ำค่ากว่า 127 ชิ้นที่นำมาจัดแสดงในนิทรรศการ “Holy Tibet - Treasures from Land Closest to the Sky” (ทิเบตดินแดนศักดิ์สิทธิ์-ทรัพย์สมบัติล้ำค่าจากดินแดนที่จรดผืนฟ้า) ณ พิพิธภัณฑ์เหอหนาน เมืองเจิ้งโจว ในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 กรกฎาคม 2011 เป็นเวลา 2 เดือน
(จาก Xinhua)
ออง ซาน ซูจี วิจารณ์รัฐ บูรณะเจดีย์พุกามชุ่ย
• พม่า : เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นางออง ซาน ซูจี ผู้นำการเรียกร้องประชาธิปไตยในพม่า ได้วิจารณ์การบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ ซึ่งมีอายุหลายร้อยปีหลายแห่งในพุกาม ว่าไม่ได้มาตรฐานสากล
การเดินทางมาเยือนเมืองพุกามในครั้งนี้ นับเป็นการเดินทางออกนอกกรุงย่างกุ้งเป็นครั้งแรกภายหลังจากที่นางซูจีได้รับการปล่อยตัวจากการถูกกักบริเวณที่บ้านพักปลายปีที่แล้ว นางบอกนักข่าว ว่า “มันน่าเศร้าที่เห็นเจดีย์หลายองค์ ได้รับการบูรณะ แบบไม่ถูกต้องตามหลักสากล”
ทั้งนี้นางซูจีได้อ้างถึงการอนุรักษ์พระราชวังหนุมานโดก้า ในหุบเขากาฐมาณฑุของเนปาล ที่ผู้เชี่ยวชาญใช้เวลาถึง 5 ปี เพื่อศึกษาก่อนการบูรณะ
“ควรมีการศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนจะเริ่มต้นบูรณะ มิใช่ซ่อมแซมด้วยวัสดุสมัยใหม่ โดยไม่คำนึงถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิม”
นางซูจียังกล่าวต่อว่า หนึ่งในสาเหตุที่พรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย(NLD)ของนาง สนับสนุนการคว่ำบาตรโครงการส่งเสริมปี 1996 ให้เป็นปีท่องเที่ยวพม่า เนื่องจากการรีบเร่งบูรณะเจดีย์อย่างลวกๆ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวนั่นเอง
อนึ่ง เมืองพุกาม ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งทะเลเจดีย์ เพราะในยุคที่รุ่งเรือง เคยมีเจดีย์กว่าสี่พันองค์ ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 2,217 องค์ ทั้งหมดสร้างขึ้นระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 10-14 จึงนับเป็นหนึ่งในโบราณสถานสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกเหนือจากนครวัดในกัมพูชา และมหาสถูปบุโรพุทโธในอินโดนีเซีย
ในปี 1996 รัฐบาลทหารพม่าได้เคยยื่นเรื่องต่อองค์การยูเนสโก เพื่อนำพุกามขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก แต่ถูกปฏิเสธ เนื่องจากการบูรณปฏิสังขรณ์เจดีย์ วัด และสิ่งก่อสร้าง ไม่ได้ใช้วัสดุและดำเนินการตามรูปแบบดั้งเดิม อีกทั้งได้ก่อสร้างหอดูทิวทัศน์สูง 61 เมตร แต่ยูเนสโกก็ยังให้คงอยู่ในรายการ “มีความเป็นไปได้” เพราะเจดีย์เหล่านี้เป็นตัวแทนให้เห็นถึงความสวยงามและนวัตกรรมของพุทธศิลป์ดั้งเดิม
(จาก The Canadian Press)
ศรีลังกาเปิดศูนย์สมาธิแห่งใหม่
• ศรีลังกา : เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายมหินธา ราชปักษา ประธานาธิบดีแห่งศรีลังกา ได้ทำพิธีเปิดศูนย์สมาธิที่สร้างขึ้นใหม่ด้วยเงินบริจาคทั้งในและ นอกประเทศ ชื่อ “ศูนย์สมาธิพุทธมันดิรายะ” ตั้งอยู่ภายในศูนย์พุทธศาสนาโกธัลวาลปุระ ที่เมืองรัตมัลนะ เพื่อเฉลิมฉลอง 2600 ปีแห่งการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งเปิดเว็บไซต์เป็นทางการอีกด้วย
โดยการก่อสร้างศูนย์ดังกล่าวเป็นความคิดริเริ่มของประธานาธิบดีมหินธา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน
(จาก Lanka Daily News)
อินเดียตั้งกองงานพุทธศึกษาในเขมร
• อินเดีย : เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีประกาศอย่างเป็นทางการว่า อินเดียจะจัดตั้งกองงานพุทธศาสนาและภาษาสันสกฤตศึกษาที่มหาวิทยาลัยพุทธศาสนาพระเจ้าสีหนุ ในกัมพูชา เป็นเวลา 4 ปี โดยเริ่มใน ปี 2011 เพื่อสนับสนุนสายสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
โดยนายการัน ซิงห์ ประธานความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมแห่งรัฐสภาอินเดีย และนายมิน ขิ่น รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมและศาสนาของกัมพูชา ซึ่งเป็นตัวแทนทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกัน ณ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา
ในโอกาสนี้นายการัน ซิงห์ ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา และพระมเหสีในพระราชวัง โดยได้สนทนาแลกเปลี่ยนเรื่องรากเหง้าทางประวัติศาสตร์และอารยธรรมระหว่างอินเดียและกัมพูชา
ขณะเดียวกันมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาพระเจ้าสีหนุ ได้มอบปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์แก่นาย การัน ซิงห์ ในฐานะเป็นผู้สนับสนุนให้เกิดความสำเร็จ ด้านมิตรภาพและความรู้ระหว่างอินเดียและกัมพูชา
(จาก IANS)
นิตยสารไทม์ยกย่องภิกษุณีเจิ้งเอี้ยนแห่งฉือจี้ เป็น 1 ใน 100 คนที่ทรงอิทธิพลด้านสงเคราะห์
• ไต้หวัน : พุทธศาสนาสอนว่า การได้รับความทุกข์ทรมานเป็นสิ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ทุกคนสามารถเอาชนะมันได้ ภิกษุณีเจิ้งเอี๋ยน คือผู้ที่ทำให้แนวคิดดังกล่าวปรากฏเป็นรูปร่างขึ้น
ภิกษุณีเจิ้งเอี๋ยน หรือธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยน เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ วัย 73 ปี แห่งมูลนิธิฉือจี้ องค์กรเพื่อมนุษยธรรมที่ไม่แสวงหากำไร มีสาขาใน 50 ประเทศทั่วโลก และมีผู้สนับสนุนและอาสาสมัครเกือบ 10 ล้านคน
ฉือจี้ มีความหมายว่า การปลดเปลื้องทุกข์ของผู้อื่น เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องการนำความช่วยเหลือไปยังผู้ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าความหายนะจะเกิดขึ้น ณ ที่แห่งใด บรรดาอาสาสมัครฉือจี้และผู้เชี่ยวชาญจะไปถึงในทันที เพื่อแจกจ่ายอาหาร ยา ผ้าห่มและเครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ และในระยะยาว จะช่วยสร้างบ้าน คลินิกแพทย์ และโรงเรียนให้ โดยที่ผ่านมามีผู้ได้รับความช่วยเหลือจำนวนนับไม่ถ้วนจากการสงเคราะห์ของมูลนิธิฉือจี้
พุทธศาสนายังสอนว่า คนที่ทำความดี (ทั้งกายและใจ) จะกลับมาเกิดใหม่ในชาติภพหน้าในสถานะที่สูงกว่า แม้เราไม่อาจหยั่งรู้ได้ถึงภพหน้า แต่ในภพนี้ภิกษุณีเจิ้งเอี๋ยน ได้กลายเป็นนักบุญไปแล้ว
ในปี 2011 นิตยสารไทม์ ได้ประกาศให้ภิกษุณีเจิ้งเอี๋ยน เป็น 1 ใน 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในโลก ซึ่งเป็นที่ยอมรับในด้านงานสงเคราะห์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก
มูลนิธิฉือจี้ ตั้งขึ้นในปี 1966 ด้วยคำขวัญ “สอนคนรวย ช่วยคนจน” มีภารกิจช่วยเหลือใน 4 หลักใหญ่ๆ คือ การกุศล การแพทย์ การศึกษา และวัฒนธรรม
ภายใต้การนำของภิกษุณีเจิ้งเอี๋ยน ปัจจุบันมูลนิธิฉือจี้ได้กลายเป็นองค์กรสากลที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลก บริจาคไขกระดูก ปกป้องสภาพแวดล้อม และอาสาสมัครทำงานในชุมชน
นอกจากนี้ภิกษุณีเจิ้งเอี๋ยน ยังได้รับเลือกเป็นอันดับที่ 5 ด้วยคะแนนโหวต 112,330 คะแนน ในการสำรวจ “People’s Choice” ทางออนไลน์ที่จัดทำโดยนิตยสารไทม์
(จาก Time)
ประเดิมรายการพุทธศาสนาผ่านทีวีดาวเทียมในเนปาล
• เนปาล : เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สมาคมเชอรับ ซังโป ในกรุง นิวเดลี ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลไม่แสวงหากำไรที่ก่อตั้งขึ้นภายใต้การอุปถัมภ์ของ “โซนา กอนเซ รินโปเชที่ 13” และเป็นผู้ผลิตรายการโทรทัศน์ “Nobel Wisdom” (อริยปัญญา) เผยว่า จะนำรายการเกี่ยวกับพุทธศาสนาออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเป็นครั้งแรกในประเทศเนปาล
โดยรายการดังกล่าวเริ่มออกอากาศในอินเดียเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2010 ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา มีองค์ทะไล ลามะ ทรงทำพิธีเปิดรายการที่เมืองปัตนะ ในอินเดีย
รายงานข่าวกล่าวว่า รายการโทรทัศน์นี้เกิดขึ้นเพราะมีพุทธศาสนิกชนจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ในเนปาล และเพื่อเป็นการเผยแพร่ปรัชญาพุทธและหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าแก่บุคคลทั่วไปที่สนใจอย่างจริงจัง
“โซนา รินโปเช มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการยกระดับจิตวิญญาณของชาวพุทธส่วนน้อยที่อาศัยในบริเวณเทือกเขาหิมาลัย ดังนั้น จึงต้องมองหาทุกช่องทางที่จะขยายฐานคนดูให้มากขึ้น”
รายการ “Noble Wisdom” ได้เริ่มออกอากาศเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยจะออกอากาศทุกวันอังคารและพฤหัสบดี เวลา 09:15-09.45 น. วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06:15 -06:45 น. ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม DTH ช่องเนปาล 1
(จาก Phayul)
จีนรณรงค์หาเงินแสนล้าน สร้างศูนย์พุทธที่ลุมพินี
• เนปาล : จีนรณรงค์จัดหาเงินก้อนโตให้ประเทศเนปาลสร้างศูนย์พุทธศาสนา มูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราวแสนล้านบาท) ขึ้นที่ลุมพินีวัน เพื่อดึงดูดบรรดานักแสวงบุญและนักท่องเที่ยวเชิงศาสนาให้เข้ามายังสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า
ทั้งนี้ องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนลุมพินีวันเป็นมรดกโลก ทุกๆปีจะมีพุทธศาสนิกชนราว 5 แสนคนจากประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น ศรีลังกา และไทย เดินทางมาแสวงบุญ ณ ลุมพินีวัน
โดยเนปาลมีแผนที่จะสร้างสนามบิน โรงแรม ศูนย์ประชุม ทางหลวง วัด และมหาวิทยาลัยพุทธศาสนา ที่บริเวณพรมแดนตะวันตกของเนปาลซึ่งติดกับอินเดีย อันเป็นสถานที่ประสูติขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อราว 2,600 ปีที่แล้ว แผนดังกล่าว ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิที่รัฐบาลจีนให้การสนับสนุน และยังได้รับการสนับสนุนจาก “สตีเฟน คลาร์ก ร็อกกี้เฟลเลอร์” ซึ่งเป็นทายาทของมหาเศรษฐี ตระกูลร็อกกี้เฟลเลอร์
เจ้าหน้าที่รัฐเผยว่า สังเวชนียสถาน 3 แห่งในประเทศอินเดีย คือ เมืองพุทธคยาในรัฐพิหาร สถานที่ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ เมืองสารนาถ ในรัฐอุตตรประเทศ สถานที่ทรงแสดงปฐมเทศนา และเมืองกุสินารา ในรัฐอุตตรประเทศ สถานที่เสด็จปรินิพพาน
ในแต่ละปี สังเวชนียสถานทั้ง 3 แห่งนี้ ต่างดึงดูดบรรดานักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชน ผู้มีจิตศรัทธามาแสวงบุญ ส่งผลให้รัฐบาลอินเดียมีรายได้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนที่ ลุมพินีวันในเนปาล ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติ ขาดระบบโครงสร้างพื้นฐานในการอำนวยความสะดวก สำหรับการพักแรมของผู้แสวงบุญ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลเนปาลต้องการ ส่วนแบ่งรายได้เพิ่มขึ้น
และเมื่อต้นปีนี้ จีนและเนปาลได้ลงนามในข้อตกลงที่จะพัฒนาลุมพินีวัน โดยมูลนิธิเพื่อการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือแห่งเอเชียแปซิฟิก (Asia Pacific Exchange and Co-operation Foundation) ที่ตั้งอยู่ในนครปักกิ่ง ได้เริ่มรณรงค์ครั้งใหญ่เพื่อหาเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อใช้ในการเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้กลายเป็นศูนย์แสวงบุญของชาวพุทธทั่วโลก
รวมทั้งเจ้าหน้าที่รัฐบาลเนปาลได้เดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียหลายครั้ง เพื่อรณรงค์หาเงิน ด้วยความหวังว่า โครงการนี้จะช่วยสร้างงานจำนวนมากในลุมพินีวัน ซึ่งเป็นเมืองที่ยากจน
(จาก Sunday Observer)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 129 สิงหาคม 2554 โดย เภตรา)