xs
xsm
sm
md
lg

ธรรมบันเทิง : The King's Speech ประกาศก้องจอมราชา กุญแจแห่งความสำเร็จของพระราชา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


มนุษย์บางคนมีปัญหาที่หนักหนา ดูแล้วไม่น่าจะมีทางออก แต่ในความเป็นจริง อาจเป็นเพราะยังใช้ความพยายามไม่เพียงพอ

“The King’s Speech” เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจาก เค้าโครงเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ของ “พระเจ้าจอร์จที่ 6” กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักร ที่ทรงครองราชย์ในยุค 1936-1952 โดยหนังจับประเด็นความน่าสนใจของพระองค์ ก่อนที่จะทรงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ ซึ่งย้อนไปตั้งแต่ครั้งที่ยังทรงเป็น “เจ้าฟ้าชายอัลเบิร์ต ดยุคแห่งยอร์ค” พระโอรสองค์ที่สองของ “พระเจ้าจอร์จที่ 5”

เหตุการณ์ครั้งสำคัญที่หนังใช้เปิดเรื่อง คือ ดยุคแห่งยอร์คต้องทรงกล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าประชาชนชาวลอนดอนในสนามกีฬาแห่งหนึ่ง และสิ่งที่ปรากฏให้ประชาชนเห็น คือ พระองค์ไม่สามารถจะกล่าวสุนทรพจน์ได้อย่าง ชัดถ้อยชัดคำ เนื่องจากทรงประชวรด้วยโรคติดอ่าง ตรัสถ้อยคำติดๆขัดๆไม่เป็นประโยค โดยเฉพาะทุกครั้งที่ต้องอยู่ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก หรือในสถานการณ์ที่ตื่นเต้น

พระองค์และพระชายา “เอลิซาเบธ” เฝ้าเสาะแสวงหาหมอมือดีมารักษา แต่จนแล้วจนรอด ก็ไม่มีหมอรายใดรักษาได้ พระองค์จึงทรงปล่อยเลยตามเลย แต่แล้ววันหนึ่ง พระชายาได้ไปรู้จักหมอคนหนึ่ง ซึ่งเป็นยอดฝีมือจากออสเตรเลีย นามว่า “ไลโอเนล” ที่ใครต่อใครร่ำลือว่า ใช้กลวิธีรักษานอกตำรา แปลกประหลาดไม่เหมือนใคร

จุดเริ่มต้นของการรักษารูปแบบใหม่จึงเกิดขึ้น และดูเหมือนจะทำให้ดยุคแห่งยอร์คมีพระอาการที่ดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่หายขาด สร้างความท้อพระทัยแก่เจ้าชายจนอยากล้มเลิก กระทั่งกลายเป็นความแตกหักระหว่างทั้งคู่ เมื่อไลโอเนลผู้มองการณ์ไกล กระตุ้นเตือนพระองค์มิให้ทรงย่อท้อ ด้วยเล็งเห็นว่า พระเจ้าจอร์จที่ 5 กษัตริย์องค์ปัจจุบันนั้น ทรงมีพระชนมายุมากแล้ว ส่วนรัชทายาทอันดับหนึ่ง คือ “เจ้าชายเดวิด” ก็ทรงมีปัญหาเกี่ยวกับชีวิตส่วนพระองค์ โปรดในเรื่องสังสรรค์ และยังมีคู่รักที่เป็นหญิงหม้ายอเมริกัน อันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ตามกฎมณเฑียรบาล หากวันหนึ่งเจ้าชายเดวิดต้องขึ้นครองราชย์ในฐานะประมุข ของประเทศ

ความจริงดังกล่าว ทำให้เจ้าชายอัลเบิร์ตทรงมองว่า ไลโอเนลล้ำเส้น ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ด้วยทรงทราบดีว่าบุคลิกภาพด้านการพูดของพระองค์ไม่เหมาะจะเป็นผู้นำแห่งราชอาณาจักร

แต่แล้ว.. เหตุการณ์ต่างๆ ก็ไม่ผิดไปจากที่ไลโอเนลคาดไว้ เมื่อพระเจ้าจอร์จที่ 5 สวรรคต เจ้าชายเดวิดทรงขึ้นครองราชย์สืบต่อในฐานะ “พระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8” ในเดือนมกราคม ปี 1936 แต่ทว่าในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน กษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ที่ 8 ทรงประกาศสละราชสมบัติ เพื่อไปใช้ชีวิตส่วนพระองค์ ตามที่ทรงมุ่งหวัง กษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรองค์ถัดไป จึงตกเป็นของรัชทายาทอันดับสอง คือ เจ้าชายอัลเบิร์ตฯ หรือในพระนามของกษัตริย์ว่า “พระเจ้าจอร์จที่ 6”

เมื่อทรงทราบถึงพระราชกรณียกิจที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป กษัตริย์พระองค์ใหม่มิได้ทรงถือพระองค์ในการยอมขอโทษไลโอเนล เพื่อให้พระสหายนักบำบัดรายนี้ กลับมารักษาพระอาการโรคติดอ่างอีกครั้ง เพราะจากนี้ต่อไป พระองค์มิใช่เพียงดยุคแห่งยอร์ค แต่ทรงเป็นกษัตริย์ของพสกนิกรทั้งประเทศ ที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ และสัญลักษณ์ความรุ่งเรืองแห่งสหราชอาณาจักร

การที่ไลโอเนลมีบุคลิกไม่ค่อยจะอ่อนข้อให้ใคร รวมถึงตำแหน่งพระสหายนักบำบัดคู่พระองค์ ที่ได้มาอย่างรวดเร็ว สร้างความไม่พอใจให้เจ้าหน้าที่ระดับสูง และคนในราชสำนัก จนนำไปสู่การสืบค้นขุดคุ้ยประวัติละเอียดยิบ กระทั่งทราบว่า เขาไม่ได้มีวุฒิการศึกษาเป็นหมอดังที่ใครๆ เข้าใจ แต่เป็นเพียงนักแสดงละครเวทีตกอับ ที่มารับจ้างบำบัดอาการทางการพูดเท่านั้น เรื่องนี้กลายเป็นบททดสอบพระทัยว่า จะทรงเลือกทางใด ซึ่งสุดท้ายแล้วพระองค์ทรงเปิดพระทัยกว้าง ยอมรับข้อบกพร่องของพระสหาย ที่มิได้ต้องการหลอกลวง หรือประสงค์ร้ายต่อพระองค์

ไลโอเนลจึงกลายเป็นพระสหายและนักบำบัดคู่พระทัยไปในที่สุด ซึ่งก็เป็นทางเลือกที่นำไปสู่เหตุการณ์ครั้งสำคัญในประวัติศาสตร์ด้วย เพราะในช่วงนั้น ยุโรปกำลังระส่ำระสาย ด้วยกองกำลังนาซีของเยอรมนีขยายอำนาจรุกรานไปทั่วยุโรป จนกลายเป็นเหตุประทุให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง

ดังนั้น ในวันที่สหราชอาณาจักรต้องประกาศสงครามกับกองทัพนาซี ซึ่งเป็นวันที่ทหาร ข้าราชการ และคนทุกหมู่เหล่า ต่างต้องการกำลังใจ ต้องการได้ยินได้ฟังคำกล่าว ที่มีน้ำหนัก มีพลัง และมีความหวัง ซึ่งภาระหน้าที่นั้นเป็นของใครอื่นมิได้ นอกเสียจากกษัตริย์ผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจนั่นเอง

แต่ด้วยความพยายามมาหลายปี ที่มุ่งมั่นต่อสู้เพื่อเอาชนะอุปสรรคของตนเอง ในวันที่พระเจ้าจอร์จที่ 6 ต้องกล่าวสุนทรพจน์ออกอากาศไปทั่วประเทศ ก็เป็นวันที่พระองค์ทรงทำได้สำเร็จ และเป็นการตรัสได้อย่างเยี่ยมยอด จนกลายเป็นสุนทรพจน์สำคัญอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของสหราชอาณาจักรในที่สุด

“The King’s Speech” ได้ให้แง่คิดแก่ผู้ชมว่าความ สำเร็จของพระเจ้าจอร์จที่ 6 มีกุญแจมาจากหลักทศพิธราชธรรม
อย่างน้อย 2 ข้อ คือ เรื่องความพยายาม หรือความเพียร รวมถึงความไม่โกรธ ให้อภัยกับสิ่งที่ผิดพลาด

เมื่อเรานำธรรมดังกล่าวมาประยุกต์ใช้กับปัญหาของตนเองบ้าง ย่อมเกิดเป็นความไม่ย่อท้อ ที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค ความบกพร่องที่แก้ไขได้ นำไปสู่ความสำเร็จ รวมถึงการลดอคติความโกรธเคือง ตรึกตรองเหตุผลที่ดี เพื่อเดินหน้าต่อไป อันจะสร้างประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้ในที่สุด

ขณะเดียวกัน หลักสำคัญอีกประการที่นำไปสู่ความสำเร็จ คือ “กัลยาณมิตร” อันเป็นมิตรที่ดีงาม อยู่เคียงข้าง เพื่อผลักดันให้ชีวิตของเราไปสู่ความถูกต้อง ขณะเดียวกัน ก็กล้าที่จะตักเตือนหากเรากระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

จากหลักคิด เข้าใจง่าย ให้มุมมองที่ทำได้จริงในชีวิตดังกล่าว จึงไม่ใช่เรื่องเกินคาดหมาย ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ สามารถคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปีทั้งจากเวทีออสการ์-เวทีบาฟต้า (ตุ๊กตาทองอังกฤษ)มาครองได้อย่างเป็นเอกฉันท์

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 126 พฤษภาคม 2554 โดย ชยวรรศ มานะศิริ)





กำลังโหลดความคิดเห็น