xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : มองย้อนปริศนาธรรมจากเชิงตะกอน หลวงตามหาบัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


หลวงตามหาบัวได้ดำริไว้ก่อนมรณภาพว่า อยากให้ทำเมรุของท่านแบบเรียบง่าย ดังนั้น การก่อสร้างเมรุลอยชั่วคราวครั้งนี้ จึงเต็มไปด้วยความเรียบง่ายแต่งดงาม และแฝงไว้ซึ่งปริศนาธรรม

จิตกาธาน หรือเชิงตะกอน

ลักษณะของจิตกาธาน หรือเชิง ตะกอน หรือเมรุนั้น เป็นเนินดินทรงกลมสูง 3.80 เมตร หมายถึง มงคล 38 ประการ แบ่งเป็น 3 ชั้น หมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา ชั้นล่างสุดของเมรุมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เมตร หมายถึงกรรมฐาน 40 วิธี ชั้นที่ 2 เส้นผ่าศูนย์กลาง 32 เมตร หมายถึง กายคตา ซึ่งก็คือสติที่เป็นไปในกาย อันเป็นกรรมฐานอย่างหนึ่งในอนุสสติ 10 หรืออาการ 32 ของร่างกาย ส่วนชั้นบนสุดเส้นผ่าศูนย์กลาง 16 เมตร หมายถึงโสฬสญาณ 16 หมายถึง ญาณที่เกิดขึ้นแก่ผู้เจริญวิปัสสนาตามลำดับตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด และสุดท้ายจิตกาธาน ซึ่งอยู่ใจกลางของเมรุ คือ วิมุตติ หรือความหลุดพ้น ก่อด้วยอิฐทนความร้อน ด้านนอกเป็นอิฐประสานทำจากดิน และมีบันไดชั้นละ 7 ขั้น หมายถึงโพชฌงค์ 7 คือ องค์แห่งการตรัสรู้

และหากมองจากมุมสูงจะเห็นแสงไฟแต่ละดวงที่ส่องตามชั้นของเมรุ ดูคล้ายๆ กลีบบัว ซึ่งมีนัยสำคัญ 2 ความหมาย คือดอกไม้ที่ใช้บูชาพระกับชื่อของหลวงตามหาบัว

ส่วนบริเวณบนเมรุชั่วคราว เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวัง ได้นำหยวกกล้วยแกะสลักลวดลายไทยรวมทั้งดอกไม้สดขึ้นไประดับ การแทงหยวกครั้งนี้เป็นการผสานวัฒนธรรมท้องถิ่น และศิลปะวังหลวงเข้าด้วยกัน โดยนำมะละกอดิบมาใช้แกะสลักเป็นรูปดอกบัวขาว 50 ดอกติดประดับหน้าหยวกกล้วย นับเป็นครั้งแรกที่แกะสลักเป็นรูปดอกบัวขาว มีวัตถุประสงค์เพื่อสื่อถึงความบริสุทธิ์ของพระสายกรรมฐาน

กลดใหญ่

เหนือเมรุลอยชั่วคราวขึ้นไปเป็น กลดขนาดใหญ่ ใช้คลุมสรีระสังขารของหลวงตา ซึ่งกลดถือเป็นสัญลักษณ์ ของพระป่า กลดใหญ่นี้มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.30 เมตร น้ำหนัก 400 กิโลกรัมเศษ ด้านบนกลึงด้วยไม้เรียกว่าหัวกลด มีซี่กลดคล้ายซี่ร่ม 42 ซี่ ทำจากไม้ตาลตะโนด ควบคุมซี่กลดด้วยกระดุมกลดซึ่งทำจากไม้ชิงชัน และคลุมด้วยผ้าสีกลัก โดยมีตุ้มระบายรูปดอกบัวอยู่รอบปลายกลด

ปริศนาธรรมจากของความกว้างของกลด 8.30 เมตร มาจาก เลข 8 คือ มรรค 8 เลข 3 หมายถึงรัตนตรัย และเลข 3 กับเลข 8 หมายถึง มงคล 38 ประการ ส่วนซี่กลด 42 ซี่ มาจากคำเทศนาของหลวงตา ซึ่งท่านเคยกล่าวไว้ว่าไม่ได้นอนกลดมา 42 ปีแล้ว

ไม้จิก

สำหรับไม้ที่นำมาใช้เผาสรีรสังขารขององค์หลวงตานั้นคือ ไม้จิก มิใช่ไม้จันทน์แบบที่ใช้กันทั่วไป โดยพระครูอรรถกิจนันทคุณ หรือพระอาจารย์นพดล นันทโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร เปิดเผยถึงการใช้ไม้จิกมาเป็นเชื้อเพลิงในการเผาว่า เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของคนไทย โดยเฉพาะคนไทยอีสาน เวลาเผาผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโยมหรือพระก็ตาม เมื่อตั้งใจเก็บกระดูก ถ้าใช้ไม้จิกจะได้ฟืนที่แรงและแกร่ง หลังเผาไหม้แล้วจะเหลือส่วนที่เป็นเถ้าน้อยมาก อีกทั้งไม่เป็นมลภาวะทางอากาศ ที่สำคัญอัฐิอังคารเก็บได้จะสมบูรณ์ จัดเก็บได้ปริมาณมาก และสะอาดสวยงามมากกว่า

ต้นจิกหรือมุจลินท์เป็นไม้ที่ปรากฏในพุทธประวัติ ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า หลังจากที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ได้ทรงประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์และต้นไทร แห่งละ 7 วัน แล้วจึงเสด็จไปประทับใต้ต้นจิกอีก 7 วัน ในขณะที่ประทับใต้ต้นจิกนี้ ได้มีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน พญานาคชื่อมุจลินท์จึงมาขดเป็นวง 7 รอบ ล้อมพระองค์ พร้อมกับแผ่พังพานปรกพระองค์ไว้ ต่อมาเมื่อมีผู้คิดประดิษฐ์พระพุทธรูปขึ้นภายหลัง จึงได้ประดิษฐ์พระพุทธรูปปางนี้ขึ้น เรียกว่า ปางนาคปรก และเรียกต้นจิกตามชื่อของพญานาค คือ มุจลินท์

ผอบทองคำแท้บรรจุอัฐิ

ผอบทองคำสำหรับบรรจุอัฐิหลวงตามหาบัวส่วนที่สมบูรณ์และสวยที่สุดนั้น มีลักษณะเป็นรูปดอกบัวหลวงบาน ซึ่งหมายถึงหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ผอบนี้ทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ 99.99% น้ำหนัก 1352.4 กรัม ดอกบัวมีความสูง 12 ซม. หมายถึง วันเกิดของหลวงตา มีความกว้างสุด 3.53 นิ้ว หมายถึง เวลาที่หลวงตาละสังขาร

กลีบบัวบานชั้นบนมี 8 กลีบ หมายถึงวิชชา 8 ส่วนชั้นล่างมี 8 กลีบ หมายถึง มรรคมีองค์ 8 และก้านบัวหมายถึง จุดศูนย์รวมหรือพระนิพพาน ฐานสูง 5 ซม. หมายถึงธาตุขันธ์ 5 กว้าง 8 ซม. หมายถึง อริยบุคคล 8 ด้านบนมี 16 กลีบหมายถึง ญาณ 16 หรือโสฬสญาณ ด้านล่างมี 16 กลีบ หมายถึง พรหมโลก 16 ใต้ฐานมีพลอยนพเก้าซึ่งประกอบด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน ไพลิน มุกดา เพทาย ไพฑูรย์

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 125 เมษายน 2554 โดย กองบรรณาธิการ)
จิตกาธาน หรือเชิงตะกอน
จิตกาธาน หรือเชิงตะกอน
ไม้จิก

กลดใหญ่
กลดใหญ่
ผอบทองคำแท้


กำลังโหลดความคิดเห็น