ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ยังมีชาย 2 คนพ่อลูก หาเลี้ยงชีพด้วยการแสดงการตีกลองประกอบการเต้นรำตามงานรื่นเริงต่างๆ วันหนึ่งพ่อได้บอกกับลูกชาย ซึ่งเป็นหนุ่มแล้วว่า
“พรุ่งนี้ ในเมืองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนี้ จะมีงานรื่นเริงประจำปีหลายวันทีเดียว แล้วก็จะมีคนมาเที่ยวกันมาก เราจะไปตีกลองหาเงินกัน พ่อว่างานนี้เราน่าจะได้เงินไม่น้อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีน่ะซิ ฉันจะไปจัดแจงกลอง และเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย” ลูกชายกล่าว
พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า “ดีแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกัน”
รุ่งเช้า..สองพ่อลูกก็ออกเดินทางไปยังเมืองที่มีงานรื่นเริง เมื่อไปถึงก็ได้จับจองสถานที่ตั้งกลอง และเปิดการแสดง ทั้งสองพ่อลูกต่างผลัดกันตีและเต้นตามจังหวะอย่างสนุกสนาน มีผู้คนเข้ามามุงดูเป็นจำนวนมาก และต่างโยนเหรียญเงินใส่ในกล่องที่ตั้งไว้
เมื่องานรื่นเริงจบลง ลูกชายนำเงินที่ได้ทั้งหมดมานับรวมกัน
“โอ้โฮ..คราวนี้ได้เงินมากกว่าครั้งก่อนๆเลยนะพ่อ” ลูกชายบอกพ่อด้วยความตื่นเต้น
ผู้เป็นพ่อพ่อพยักหน้ายิ้ม และเอ่ยว่า “พ่อบอกแล้วไง..เอาล่ะ เราเหนื่อยกันมากแล้ว พ่อว่าเราไปหาอาหารอร่อยๆกินฉลองกันดีกว่า”
“ดีเลยพ่อ” ลูกชายตอบ แล้วทั้งสองก็ไปนั่งกินอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน
ระหว่างทาง ลูกชายก็เดินตีกลองไปเรื่อยๆ ด้วยความสนุกสนาน แม้พ่อจะห้ามก็ไม่ฟัง และเมื่อใกล้จะถึงป่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อรู้ดีว่าแถวนี้มีพวกโจรชุกชุม จึงบอกลูกชายว่า
“ลูกเอ๋ย.. เจ้าอย่าตีกลองไปเรื่อยๆเช่นนี้ แต่จงตีเป็นระยะๆ เหมือนเขาตีกลอง เวลาคนใหญ่คนโตเดินทาง”
“ทำไมล่ะพ่อ..ตีเป็นระยะก็ไม่สนุกน่ะซิ แล้วทำไมต้องตีให้เหมือนว่ามีคนใหญ่คนโตเดินทางล่ะ”
“ก็เพราะว่า ป่าข้างหน้าโน้นมีพวกโจรชุกชุม ถ้ามันได้ยินเสียงกลองที่เจ้าตีเรื่อยๆอย่างนี้ มันจะออกมาปล้นเรา แต่ถ้าเจ้าตีเป็นระยะๆ พวกมันจะนึกว่าเป็นขบวนของพวกคนใหญ่คนโต มันก็จะไม่กล้าเข้ามาปล้น”
“โธ่เอ๊ย..เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพ่อ ถ้าพวกมันมา ฉันจะตีกลองดังๆไล่พวกมันให้กระเจิงไปเลย” ลูกชายพูดแล้ว ก็หัวเราะชอบใจ
ไม่ว่าพ่อจะห้ามปรามแค่ไหน เขาก็ไม่สนใจ กลับเดินหน้ากระหน่ำตีกลอง อย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อพวกโจรได้ ยินเสียงกลองครั้งแรก ก็นึกว่าขบวนคนใหญ่คนโตผ่านมาทางนี้ จึงได้พากันหนีไป แต่ครั้นเมื่อได้ฟังเสียงรัวกลองติดต่อกันตลอด จึงพูดคุยกันในหมู่โจร
“ข้าว่า เสียงกลองแบบนี้ไม่ใช่ขบวนของคนใหญ่คนโตแน่ๆ พวกเราออกไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า” หัวหน้าโจรบอกกับลูกน้อง แล้วพากันมาซุ่มดู เมื่อเห็นว่าตรงทางเดินนั้นมีคนแค่สองคน พวกโจรจึงเข้ามาทุบตีทำร้ายสองพ่อลูก แย่งชิงเงินทองจำนวนมากไปจนหมดเกลี้ยง และหลบหนีไป
หลังจากที่พวกโจรไปแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงพูดกับลูกว่า “เห็นหรือยังว่า การที่เจ้าไม่เชื่อฟังพ่อ เป็นเหตุทำให้เงินทองที่เราหามาได้อย่างเหนื่อยยาก ต้องสูญสิ้นไปในพริบตา”
.....
การทำการใดเกินประมาณ โดยขาดความรู้ความเข้าใจ และโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของผู้รู้ ย่อมนำความหายนะมาสู่ผู้นั้น
(เค้าโครงจากนิทานชาดก)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 125 เมษายน 2554 โดย ไม้หอม)
“พรุ่งนี้ ในเมืองที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนี้ จะมีงานรื่นเริงประจำปีหลายวันทีเดียว แล้วก็จะมีคนมาเที่ยวกันมาก เราจะไปตีกลองหาเงินกัน พ่อว่างานนี้เราน่าจะได้เงินไม่น้อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีน่ะซิ ฉันจะไปจัดแจงกลอง และเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย” ลูกชายกล่าว
พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า “ดีแล้ว พรุ่งนี้เช้าเราจะออกเดินทางกัน”
รุ่งเช้า..สองพ่อลูกก็ออกเดินทางไปยังเมืองที่มีงานรื่นเริง เมื่อไปถึงก็ได้จับจองสถานที่ตั้งกลอง และเปิดการแสดง ทั้งสองพ่อลูกต่างผลัดกันตีและเต้นตามจังหวะอย่างสนุกสนาน มีผู้คนเข้ามามุงดูเป็นจำนวนมาก และต่างโยนเหรียญเงินใส่ในกล่องที่ตั้งไว้
เมื่องานรื่นเริงจบลง ลูกชายนำเงินที่ได้ทั้งหมดมานับรวมกัน
“โอ้โฮ..คราวนี้ได้เงินมากกว่าครั้งก่อนๆเลยนะพ่อ” ลูกชายบอกพ่อด้วยความตื่นเต้น
ผู้เป็นพ่อพ่อพยักหน้ายิ้ม และเอ่ยว่า “พ่อบอกแล้วไง..เอาล่ะ เราเหนื่อยกันมากแล้ว พ่อว่าเราไปหาอาหารอร่อยๆกินฉลองกันดีกว่า”
“ดีเลยพ่อ” ลูกชายตอบ แล้วทั้งสองก็ไปนั่งกินอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงเตรียมตัวเดินทางกลับบ้าน
ระหว่างทาง ลูกชายก็เดินตีกลองไปเรื่อยๆ ด้วยความสนุกสนาน แม้พ่อจะห้ามก็ไม่ฟัง และเมื่อใกล้จะถึงป่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ซึ่งพ่อรู้ดีว่าแถวนี้มีพวกโจรชุกชุม จึงบอกลูกชายว่า
“ลูกเอ๋ย.. เจ้าอย่าตีกลองไปเรื่อยๆเช่นนี้ แต่จงตีเป็นระยะๆ เหมือนเขาตีกลอง เวลาคนใหญ่คนโตเดินทาง”
“ทำไมล่ะพ่อ..ตีเป็นระยะก็ไม่สนุกน่ะซิ แล้วทำไมต้องตีให้เหมือนว่ามีคนใหญ่คนโตเดินทางล่ะ”
“ก็เพราะว่า ป่าข้างหน้าโน้นมีพวกโจรชุกชุม ถ้ามันได้ยินเสียงกลองที่เจ้าตีเรื่อยๆอย่างนี้ มันจะออกมาปล้นเรา แต่ถ้าเจ้าตีเป็นระยะๆ พวกมันจะนึกว่าเป็นขบวนของพวกคนใหญ่คนโต มันก็จะไม่กล้าเข้ามาปล้น”
“โธ่เอ๊ย..เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกพ่อ ถ้าพวกมันมา ฉันจะตีกลองดังๆไล่พวกมันให้กระเจิงไปเลย” ลูกชายพูดแล้ว ก็หัวเราะชอบใจ
ไม่ว่าพ่อจะห้ามปรามแค่ไหน เขาก็ไม่สนใจ กลับเดินหน้ากระหน่ำตีกลอง อย่างไม่หยุดยั้ง
เมื่อพวกโจรได้ ยินเสียงกลองครั้งแรก ก็นึกว่าขบวนคนใหญ่คนโตผ่านมาทางนี้ จึงได้พากันหนีไป แต่ครั้นเมื่อได้ฟังเสียงรัวกลองติดต่อกันตลอด จึงพูดคุยกันในหมู่โจร
“ข้าว่า เสียงกลองแบบนี้ไม่ใช่ขบวนของคนใหญ่คนโตแน่ๆ พวกเราออกไปดูให้เห็นกับตาดีกว่า” หัวหน้าโจรบอกกับลูกน้อง แล้วพากันมาซุ่มดู เมื่อเห็นว่าตรงทางเดินนั้นมีคนแค่สองคน พวกโจรจึงเข้ามาทุบตีทำร้ายสองพ่อลูก แย่งชิงเงินทองจำนวนมากไปจนหมดเกลี้ยง และหลบหนีไป
หลังจากที่พวกโจรไปแล้ว ผู้เป็นพ่อจึงพูดกับลูกว่า “เห็นหรือยังว่า การที่เจ้าไม่เชื่อฟังพ่อ เป็นเหตุทำให้เงินทองที่เราหามาได้อย่างเหนื่อยยาก ต้องสูญสิ้นไปในพริบตา”
.....
การทำการใดเกินประมาณ โดยขาดความรู้ความเข้าใจ และโดยไม่ฟังเสียงทัดทานของผู้รู้ ย่อมนำความหายนะมาสู่ผู้นั้น
(เค้าโครงจากนิทานชาดก)
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 125 เมษายน 2554 โดย ไม้หอม)