วัน เดือน ปี ผ่านไป ย่างเข้าปีใหม่แล้ว อายุก็เพิ่มขึ้นอีกปีหนึ่ง แต่อายุไม่ใช่กุญแจสำคัญที่กำหนดว่าใครควรได้รับการยกย่องนับถือ ดังสำนวนโบราณที่ว่า “แก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน” ซึ่งหมายถึงผู้สูงอายุ ที่ไม่ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคมรอบข้าง และทำตัวไม่เป็นที่น่าเคารพนับถือ
การที่จะทำตนให้เป็นที่ยอมรับนับถือนั้น มันเป็นเรื่องของวิธีปฏิบัติตนและทัศนคติที่คุณมีต่อผู้อื่น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใคร วัยไหน ประกอบอาชีพอะไร คุณก็มีสิทธิ์ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้อื่นเช่นกัน
ฉะนั้น ปีใหม่นี้เรามาเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆในชีวิตกันดีกว่า สำหรับใครก็ตามที่ตั้งปณิธานว่า จะทำตนให้เป็นที่ยอมรับ นับถือของคนอื่น ก็ลองทำตาม 10 สูตร ต่อไปนี้ ซึ่งเชื่อว่าคุณจะกลายเป็นคนใหม่ที่ใครๆ ก็ชื่นชม
1. รักตัวเอง
เป็นเรื่องน่าขัน ที่หลายคนเที่ยวเสาะแสวงหาการยอมรับจากผู้อื่น ทั้งๆที่ไม่เคยนับถือตัวเองเลยแม้แต่น้อย ลองถามตัวเองสิว่า คุณเคยทำร้ายตัวเองหรือไม่ คุณรักในความเป็นตัวตนของคุณทั้งหมด โดยปราศจาก เงื่อนไขหรือเปล่า คุณไม่ดูแลตัวเอง นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่เคยออกกำลังกาย กินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์..ฯลฯ ใช่หรือไม่
ถ้าใช่..จะบอกอะไรให้ฟัง.. หากคุณไม่เคยสนใจตัวเอง ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะมาสนใจใยดีในตัวคุณ ฉะนั้น จงเริ่มต้นด้วยการรักตัวเองเสียก่อน แล้วคุณจะได้รับความรักความสนใจจากคนอื่นในภายหลัง
2. รักษาคำพูด
ความซื่อสัตย์นับเป็นสิ่งแรกที่เราทุกคนควรมี เชื่อเถอะว่าไม่มีใครชอบคนที่ไม่ซื่อสัตย์หรือไม่น่าเชื่อถือหรอก บุคคลที่น่าเคารพนับถือต้องซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตนเอง และปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ให้สัญญาไว้ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้อื่นได้ คุณควรบอกกล่าวให้เขารับทราบ และหาทางชดเชยความผิดพลาดนั้นเสีย
3. ยืนยันในสิ่งที่คุณเชื่อ
คุณเคยเจอคนที่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นพูดอย่างง่ายดาย โดยไม่ใช้วิจารณญาณบ้างมั้ย คนพวกนี้เปรียบ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง สักแต่พูด ไม่ได้รู้ความหมาย ในสิ่งที่พูดหรอก แต่คนที่กล้าแสดงความเห็นขัดแย้งอย่างสุภาพ มีเหตุผล และกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นส่วนตัว มักได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ฉะนั้น จงอย่ากลัวที่จะยืนหยัด ต่อสู้ในสิ่งที่คุณเชื่อมั่นด้วยกิริยาท่าทางสุภาพอ่อนน้อม
4. เคารพผู้อื่น
การเคารพนับถือเป็นความสัมพันธ์ 2 ทาง ถ้าคุณต้องการให้คนอื่นเคารพ คุณต้องเคารพคนอื่นก่อน แต่ถ้าบังเอิญคุณต้องเจอคนที่หยาบคายกับคุณละก็ให้ลองหวนคิดถึงใครสักหนึ่งคนในชีวิตที่คุณเคยแสดงกิริยาไม่ดีใส่เขา วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้แก้ไข ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้ดีขึ้น แทนที่จะมัวคิดว่า คนเหล่านั้นหยาบคายกับคุณอย่างไร
5. เปิดใจรับคำติชม
การได้รับความเคารพนับถือ ไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เลย แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องกลับกัน เพราะยิ่งมีคนรู้จักคุณมากเท่าไหร่ คุณยิ่งถูกวิจารณ์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น คุณจึงไม่ควรปฏิเสธเสียงติชม แต่ควรเปิดใจรับฟังอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน และเมื่อสามารถเปลี่ยนฟีดแบคด้านลบให้กลายเป็นบวกได้ ก็จะยิ่งได้รับการยอมรับจากคนทั้งหลาย
6. เป็นตัวของตัวเอง
เมื่อคุณต่อสู้ในสิ่งที่มีศรัทธาเชื่อมั่น นั่นคือคุณเป็นตัวของตัวเอง และจะยิ่งดีกว่า ถ้าคุณแสดงตัวตน ที่แท้จริงออกมา แทนที่จะลอกเลียนแบบคนอื่น เพราะคนที่ดูเป็นธรรมชาติ มักได้รับการยกย่องชื่นชมจากผู้อื่น มีหลายคนพยายามอย่างยิ่งที่จะเลียนแบบคนอื่น จนสูญเสียความเป็นตัวเองในที่สุด
จงค้นหาตัวเองให้พบว่า คุณเป็นคนแบบไหน และมีจุดยืนอย่างไรในชีวิต เพราะบนโลกใบนี้ ต้องการคนที่จริงใจกับตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง มากกว่าที่จะโคลนนิ่งคนอื่นมา
7. อย่าพูดถึงคนอื่นในแง่ร้าย
ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในงานสังคม การพูดถึงบุคคลอื่นในทางไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง รับรองได้เลยว่า ผู้ฟังจะรู้สึกไม่ดีกับคุณ ถ้าคุณรู้สึกไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เขาหรือเธอทำ ขอแนะนำให้พูดโดยตรงกับคนนั้น เพื่อแก้ปัญหา อย่าพูดลับหลังเด็ดขาด เพราะเท่ากับเป็นการนินทาว่าร้าย ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณดูไม่ดีแล้ว ยังเป็นการทำร้ายบุคคลอื่นโดยที่คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
คาถาที่คุณต้องท่องจำขึ้นใจคือ ต้องมีความจริงใจและโปร่งใสในการสื่อสารกับคนอื่น
8. ทำตัวให้ดูดี
การทำตัวให้ดูดี เช่น แต่งกายสะอาด สุภาพเรียบร้อย มีกิริยามารยาทงดงาม พูดจาสุภาพอ่อนหวาน รู้จักกาลเทศะ ฯลฯ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะจะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับในเบื้องต้น แต่ข้อสำคัญคือคุณต้องทำด้วยความจริงใจ ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วคนอื่นก็จะชื่นชมในกิริยาท่าทางการแสดงออกของคุณ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณมั่นใจในการทำสิ่งดีๆมากขึ้น
9. ทำทุกเรื่องให้ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือกิจกรรมใดๆ คนที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือคนที่ทำได้ดีที่สุดนั่นเอง ทุกคนล้วนชอบคนมีความสามารถกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนเก่ง แต่ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นทำงาน นั่นมิได้หมายความว่า คุณยังไม่สมควรได้รับคำชื่นชม เพราะการจะเรียกความเชื่อมั่นจากคนอื่นได้นั้น ต้องเริ่มจากการสั่งสมประสบการณ์ทีละเล็กละน้อย พัฒนาไปเรื่อยๆ จนทำได้ดีและเป็นที่ยอมรับ เหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เชื่อเถอะ หลังจากนั้น คุณจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนทั่วไปอย่างถาวร
10. ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี
“ทำดีกว่าพูด” ประโยคนี้เป็นเรื่องจริง และคุณได้ประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับคนอื่นๆหรือเปล่า คุณพยายามปฏิบัติตนให้ดีที่สุดใช่หรือไม่ เพราะคุณจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ก็ต่อเมื่อคุณทำตามที่พูด และบุคคลที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุด ก็คือคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นประพฤติปฏิบัติ จนประสบความสำเร็จ พร้อมส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นใช้ศักยภาพที่มีอยู่ไปให้ไกลที่สุด
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 122 มกราคม 2554 โดย ประกายรุ้ง)
การที่จะทำตนให้เป็นที่ยอมรับนับถือนั้น มันเป็นเรื่องของวิธีปฏิบัติตนและทัศนคติที่คุณมีต่อผู้อื่น ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเป็นใคร วัยไหน ประกอบอาชีพอะไร คุณก็มีสิทธิ์ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้อื่นเช่นกัน
ฉะนั้น ปีใหม่นี้เรามาเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆในชีวิตกันดีกว่า สำหรับใครก็ตามที่ตั้งปณิธานว่า จะทำตนให้เป็นที่ยอมรับ นับถือของคนอื่น ก็ลองทำตาม 10 สูตร ต่อไปนี้ ซึ่งเชื่อว่าคุณจะกลายเป็นคนใหม่ที่ใครๆ ก็ชื่นชม
1. รักตัวเอง
เป็นเรื่องน่าขัน ที่หลายคนเที่ยวเสาะแสวงหาการยอมรับจากผู้อื่น ทั้งๆที่ไม่เคยนับถือตัวเองเลยแม้แต่น้อย ลองถามตัวเองสิว่า คุณเคยทำร้ายตัวเองหรือไม่ คุณรักในความเป็นตัวตนของคุณทั้งหมด โดยปราศจาก เงื่อนไขหรือเปล่า คุณไม่ดูแลตัวเอง นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ไม่เคยออกกำลังกาย กินแต่อาหารที่ไม่มีประโยชน์..ฯลฯ ใช่หรือไม่
ถ้าใช่..จะบอกอะไรให้ฟัง.. หากคุณไม่เคยสนใจตัวเอง ก็อย่าหวังว่าคนอื่นจะมาสนใจใยดีในตัวคุณ ฉะนั้น จงเริ่มต้นด้วยการรักตัวเองเสียก่อน แล้วคุณจะได้รับความรักความสนใจจากคนอื่นในภายหลัง
2. รักษาคำพูด
ความซื่อสัตย์นับเป็นสิ่งแรกที่เราทุกคนควรมี เชื่อเถอะว่าไม่มีใครชอบคนที่ไม่ซื่อสัตย์หรือไม่น่าเชื่อถือหรอก บุคคลที่น่าเคารพนับถือต้องซื่อสัตย์ต่อคำพูดของตนเอง และปฏิบัติตามสิ่งที่ได้ให้สัญญาไว้ แต่เมื่อใดก็ตามที่คุณไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้อื่นได้ คุณควรบอกกล่าวให้เขารับทราบ และหาทางชดเชยความผิดพลาดนั้นเสีย
3. ยืนยันในสิ่งที่คุณเชื่อ
คุณเคยเจอคนที่เห็นด้วยกับสิ่งที่คนอื่นพูดอย่างง่ายดาย โดยไม่ใช้วิจารณญาณบ้างมั้ย คนพวกนี้เปรียบ เหมือนนกแก้วนกขุนทอง สักแต่พูด ไม่ได้รู้ความหมาย ในสิ่งที่พูดหรอก แต่คนที่กล้าแสดงความเห็นขัดแย้งอย่างสุภาพ มีเหตุผล และกล้าที่จะเสนอความคิดเห็นส่วนตัว มักได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ฉะนั้น จงอย่ากลัวที่จะยืนหยัด ต่อสู้ในสิ่งที่คุณเชื่อมั่นด้วยกิริยาท่าทางสุภาพอ่อนน้อม
4. เคารพผู้อื่น
การเคารพนับถือเป็นความสัมพันธ์ 2 ทาง ถ้าคุณต้องการให้คนอื่นเคารพ คุณต้องเคารพคนอื่นก่อน แต่ถ้าบังเอิญคุณต้องเจอคนที่หยาบคายกับคุณละก็ให้ลองหวนคิดถึงใครสักหนึ่งคนในชีวิตที่คุณเคยแสดงกิริยาไม่ดีใส่เขา วิธีนี้จะช่วยให้คุณได้แก้ไข ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างให้ดีขึ้น แทนที่จะมัวคิดว่า คนเหล่านั้นหยาบคายกับคุณอย่างไร
5. เปิดใจรับคำติชม
การได้รับความเคารพนับถือ ไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เลย แต่ในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องกลับกัน เพราะยิ่งมีคนรู้จักคุณมากเท่าไหร่ คุณยิ่งถูกวิจารณ์มากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น คุณจึงไม่ควรปฏิเสธเสียงติชม แต่ควรเปิดใจรับฟังอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน และเมื่อสามารถเปลี่ยนฟีดแบคด้านลบให้กลายเป็นบวกได้ ก็จะยิ่งได้รับการยอมรับจากคนทั้งหลาย
6. เป็นตัวของตัวเอง
เมื่อคุณต่อสู้ในสิ่งที่มีศรัทธาเชื่อมั่น นั่นคือคุณเป็นตัวของตัวเอง และจะยิ่งดีกว่า ถ้าคุณแสดงตัวตน ที่แท้จริงออกมา แทนที่จะลอกเลียนแบบคนอื่น เพราะคนที่ดูเป็นธรรมชาติ มักได้รับการยกย่องชื่นชมจากผู้อื่น มีหลายคนพยายามอย่างยิ่งที่จะเลียนแบบคนอื่น จนสูญเสียความเป็นตัวเองในที่สุด
จงค้นหาตัวเองให้พบว่า คุณเป็นคนแบบไหน และมีจุดยืนอย่างไรในชีวิต เพราะบนโลกใบนี้ ต้องการคนที่จริงใจกับตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง มากกว่าที่จะโคลนนิ่งคนอื่นมา
7. อย่าพูดถึงคนอื่นในแง่ร้าย
ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงานหรือในงานสังคม การพูดถึงบุคคลอื่นในทางไม่ดี เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง รับรองได้เลยว่า ผู้ฟังจะรู้สึกไม่ดีกับคุณ ถ้าคุณรู้สึกไม่แฮปปี้กับสิ่งที่เขาหรือเธอทำ ขอแนะนำให้พูดโดยตรงกับคนนั้น เพื่อแก้ปัญหา อย่าพูดลับหลังเด็ดขาด เพราะเท่ากับเป็นการนินทาว่าร้าย ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณดูไม่ดีแล้ว ยังเป็นการทำร้ายบุคคลอื่นโดยที่คุณตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม
คาถาที่คุณต้องท่องจำขึ้นใจคือ ต้องมีความจริงใจและโปร่งใสในการสื่อสารกับคนอื่น
8. ทำตัวให้ดูดี
การทำตัวให้ดูดี เช่น แต่งกายสะอาด สุภาพเรียบร้อย มีกิริยามารยาทงดงาม พูดจาสุภาพอ่อนหวาน รู้จักกาลเทศะ ฯลฯ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะจะช่วยให้คุณได้รับการยอมรับในเบื้องต้น แต่ข้อสำคัญคือคุณต้องทำด้วยความจริงใจ ทำอย่างสม่ำเสมอ แล้วคนอื่นก็จะชื่นชมในกิริยาท่าทางการแสดงออกของคุณ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณมั่นใจในการทำสิ่งดีๆมากขึ้น
9. ทำทุกเรื่องให้ดีที่สุด
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือกิจกรรมใดๆ คนที่ถูกจับตามองมากที่สุด คือคนที่ทำได้ดีที่สุดนั่นเอง ทุกคนล้วนชอบคนมีความสามารถกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนเก่ง แต่ถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นทำงาน นั่นมิได้หมายความว่า คุณยังไม่สมควรได้รับคำชื่นชม เพราะการจะเรียกความเชื่อมั่นจากคนอื่นได้นั้น ต้องเริ่มจากการสั่งสมประสบการณ์ทีละเล็กละน้อย พัฒนาไปเรื่อยๆ จนทำได้ดีและเป็นที่ยอมรับ เหล่านี้ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน แต่เชื่อเถอะ หลังจากนั้น คุณจะได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนทั่วไปอย่างถาวร
10. ทำตนเป็นแบบอย่างที่ดี
“ทำดีกว่าพูด” ประโยคนี้เป็นเรื่องจริง และคุณได้ประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีกับคนอื่นๆหรือเปล่า คุณพยายามปฏิบัติตนให้ดีที่สุดใช่หรือไม่ เพราะคุณจะได้รับการยอมรับจากผู้อื่น ก็ต่อเมื่อคุณทำตามที่พูด และบุคคลที่ได้รับความชื่นชมมากที่สุด ก็คือคนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้อื่นประพฤติปฏิบัติ จนประสบความสำเร็จ พร้อมส่งเสริมให้เขาเหล่านั้นใช้ศักยภาพที่มีอยู่ไปให้ไกลที่สุด
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 122 มกราคม 2554 โดย ประกายรุ้ง)