xs
xsm
sm
md
lg

ทีน่า เทอร์เนอร์ ราชินีร็อกแอนด์โรล ฝ่ามรสุมรักด้วยหลักธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อีกหนึ่งคนดังระดับโลก ที่พุทธศาสนาได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอโดยสิ้นเชิง นั่นคือ ราชินีร็อกแอนด์โรล ‘ทีน่า เทอร์เนอร์’ เจ้าของน้ำเสียงและท่าเต้นที่เต็มไปด้วยพลังมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรี

กว่า 50 ปีที่เธอให้ความสุขด้านเสียงเพลงแก่แฟนๆทั่วโลก แม้ว่าช่วงหนึ่งของชีวิต เธอได้ตกเป็นเหยื่อความรุน แรงในครอบครัว แต่ด้วยศรัทธาที่มีต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นักร้องดังได้ฝ่ามรสุมรัก ด้วยหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ จนสามารถกลับมายืนหยัดได้อย่างสง่างามอีกครั้ง จนกลายเป็นแบบอย่างให้แก่ผู้หญิงทั่วโลก

• วัยเด็กที่ขาดความอบอุ่น สู่ชีวิตคู่ที่ล้มเหลว

ทีน่า เทอร์เนอร์ เป็นทั้งนักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น และนักแสดง เจ้าของเรียวขายาวงามได้สัดส่วน เกิดเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 1939 ที่เมืองนัทบุช รัฐเทนเนซซี่ สหรัฐอเมริกา มีชื่อเดิมว่า แอนนา เม บุลล็อก ในวัย เด็ก เธอมีชีวิตโดดเดี่ยวอ้างว้าง ขาดความอบอุ่น เพราะพ่อแม่เลิกกันตั้งแต่เธออายุเพียง 10 ปี

พออายุ 16 เธอย้ายไปอยู่กับมารดาที่เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิซซูรี่ และที่นั่น นักร้องสาวได้พบ ‘ไอค์ เทอร์เนอร์’ หัวหน้าวง The Kings of Rhythm ซึ่งเห็นแววการเป็นนักร้อง จึงชักชวนเธอมาเป็นนักร้อง โดยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ‘ทีน่า เทอร์เนอร์’

ไอค์ปลุกปั้นจนเธอเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในยุคปี 60 จึงได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น The Ike & Tina Turner Revue ในช่วงนั้น ทีน่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนักดนตรีแซกโซโฟนของวง จนให้กำเนิดบุตรชาย 1 คน แต่ต่อมาเขาก็ทิ้งเธอไปโดยไม่บอกลา

หลังจากนั้น นักร้องสาวก็หันมาใช้ชีวิตคู่กับไอค์ และแต่งงานกันในปี 1962 มีบุตรชายด้วยกัน 1 คน ในตอนนั้น ทีน่าคาดหวังว่า ชีวิตแต่งงานของเธอคงจะมีความสุข แต่ไอค์ให้เธอเพียงแค่ใบทะเบียนสมรส เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เขาควบคุมบงการชีวิตเธอมาตลอด และเมื่อเธอไม่ทำตามสิ่งที่เขาต้องการ ก็จะถูกทำร้ายร่างกาย

เมื่อทั้งคู่มีชื่อเสียงมากขึ้น เริ่มตระเวนทัวร์คอนเสิร์ตมากขึ้น ความรุนแรงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ไอค์มีผู้หญิงอื่นและเริ่มเสพยา ส่งผลให้ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่เต็มไปด้วยมรสุมและความรุนแรงในครอบครัว ทีน่าเล่าถึงหนึ่งในบาดแผลจากความรุนแรง ที่ยังคงทิ้งร่องรอยบนใบ หน้าของเธอจนทุกวันนี้ว่า

“ฉันโดนชกเข้าที่ใบหน้าบ่อยๆ แต่ฉันก็ยังทนได้ ต่อมาฉันก็เริ่มมีปัญหาไซนัสอักเสบ ท้ายสุด ฉันก็เลยต้องทำศัลยกรรมจมูกใหม่”

ตลอดระยะเวลา 14 ปี คนทั่วไปได้เห็น ‘ทีน่า เทอร์เนอร์’ นักร้องที่มีพลังเสียงเป็นเอกลักษณ์ ร้องและเต้นอย่างสนุกสนานบนเวทีต่อหน้าแฟนเพลง แต่เบื้องหลังไม่มีใครรู้ว่า ทุกครั้งเธอต้องกลับบ้านทั้งน้ำตา เพราะทะเลาะกับสามีถึงขั้นลงไม้ลงมือ จนเธอต้องอาศัยเมคอัพ ช่วยปกปิดร่องรอยฟกช้ำตามลำตัวและใบหน้า เพื่อไม่ให้แฟนเพลงเห็น

• หันหน้าเข้าหาธรรม กำหนดชะตาตัวเอง ปิดฉากชีวิตแต่งงานที่รันทด

ในเวลานั้น นับเป็นช่วงชีวิตที่ตกต่ำที่สุดของนักร้องดัง ซึ่งต้องพึ่งยานอนหลับทุกวัน จนกระทั่ง...วันที่เจ้าชายองค์หนึ่งที่มีชีวิตอยู่ในอินเดียเมื่อกว่า 2,500 ปีที่แล้ว ก้าวเข้า มาในใจของเธอ พระองค์ได้ประทานพลังความเข้มแข็ง และความเชื่อมั่นในตนเอง ให้แก่เธอ

เพราะในปี 1974 ทีน่าได้รู้จักหญิงสาวที่ชื่อ ‘วาเลรี่ บิชอพ’ ซึ่งเป็นพุทธศาสนิกชน และได้ให้คำแนะนำในด้านจิตวิญญาณแก่เธอ นักร้องสาวไม่เคยมีความรู้เรื่องพุทธศาสนามาก่อน และเมื่อได้สัมผัสหลักคำสอนของพระพุทธองค์ ซึ่งบอกว่าตัวเราเป็นผู้กำหนดโชคชะตาของตัวเอง มิใช่ผู้อื่น ในครั้งนั้นเป็นครั้งแรก ถือเป็นสิ่งที่ “ใช่เลย” สำหรับเธอแทบจะในทันที

“มีคนแนะนำให้ฉันหันมาปฏิบัติตามแนวทางพุทธศาสนา เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ และในตอนนั้น เป็นสิ่งที่ฉันต้องการทำจริงๆ ฉันจึงเริ่มต้นเรียนรู้และฝึกสวดมนต์ภาวนาด้วยตัวเอง เพราะไม่มีโอกาสเข้ากลุ่ม หรือให้คนมาสอนที่บ้าน จำได้ว่า ตอนนั้นต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก เพราะต้องออกเสียงคำและเสียงสระให้ถูกต้อง อีกทั้งต้องสวดให้เข้าทำนองด้วย แต่ฉันก็รู้สึกดีใจที่ได้ทำเช่นนั้น เพราะพยายามทำด้วยตัวเองและเห็นผล คือชีวิตของฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น”

นับตั้งแต่นั้นมา ร็อกเกอร์สาวจึงก้าวเข้าเป็นพุทธศาสนิกชนเต็มตัว ฝึกฝนการสวดมนต์ เพื่อเปลี่ยนความโกรธให้กลายเป็นพลังความเข้มแข็ง

และแล้วก็มาถึงวันที่เธอได้พิสูจน์ถึงความเข้มแข็งของจิตใจตัวเอง นั่นคือวันที่ 2 กรกฎาคม 1976 ในระหว่างตระเวนทัวร์คอนเสิร์ต ขณะที่นั่งอยู่ในรถเพื่อเดินทางไปยังสนามบิน มุ่งสู่เมืองดัลลัส ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ไอค์ลงมือทำร้ายทีน่าเหมือนเคย แต่วินาทีนั้นหญิงสาวบอกกับตัวเองเป็นครั้งแรกว่า
“วันนี้ ฉันจะสู้ จะไม่ยอมถูกทำร้ายอีกต่อไปแล้ว”

เธอจึงตอบโต้กลับ ทั้งสองทะเลาะตบตีกันมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงโรงแรมที่พัก ขณะที่ไอค์ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน นักร้องสาวจึงรีบหนีออกจากโรงแรม โดยไม่ทันได้นำอะไรติดตัวไปด้วย เวลานั้นเธอมีเงินติดกระเป๋าเพียงแค่ 36 เซนต์ (12 บาท) ถือเป็นการเริ่มต้นปิดฉากชีวิตแต่งงานที่เต็มไปด้วยความรุนแรงและปวดร้าว!!

• ยึดคำสอน “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ก้าวสู่ชีวิตใหม่ที่มีความสุข

ทีน่าหนีกระเซอะกระเซิงไปอาศัยพักตามบ้านเพื่อนๆ และเปลี่ยนที่พักไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้สามีรู้ เธอช่วยทำความสะอาดบ้านเป็นการตอบแทน และประทังชีวิตด้วย Food Stamps(คูปองที่รัฐบาลสหรัฐออกให้ผู้มีรายได้น้อย เพื่อใช้ซื้อของกินของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีพ) อยู่นานหลายเดือน

แม้จะประสบทุกข์ยากแค่ไหน แต่นักร้องสาวก็ไม่เคย คิดหันเข้าหาอบายมุข ไม่ว่าเหล้า บุหรี่ หรือยาเสพติด เป็นเพราะเธอมีที่พึ่งทางใจแล้ว ด้วยการสวดมนต์ภาวนาวันละ 4 ชม. เพื่อทำจิตให้สงบ

แต่แล้ววันหนึ่ง สามีเธอและเพื่อนอีกหลายคนก็ตามมาถึงบ้านพักหลังจากสืบทราบว่าเธออยู่ที่ไหน ทีน่าไม่ได้มีทีท่าตกใจกลัว เธอโทรเรียกตำรวจทันที เมื่อตำรวจมาถึง เธอบอกสั้นๆว่า
“ฉันคือทีน่า เทอร์เนอร์ และนั่นคือไอค์ ฉันเลิกกับเขาแล้ว และจะไม่กลับไปอยู่ด้วยกันอีกต่อไป”

ไอค์ต้องกลับไปมือเปล่า แต่เขาก็ไม่ละความพยายาม ที่จะหาทางให้ภรรยาสาวกลับไปใช้ชีวิตร่วมกันอีก เขาวาง แผนกลั่นแกล้งทีน่า เพื่อให้เธอลำบากยิ่งขึ้น ด้วยการส่งลูกชายทั้ง 4 คน (2 คนเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาเก่าของไอค์)ไปอยู่กับเธอ พร้อมกับให้ทนายแจ้งว่าทีน่าเป็นหนี้เขา 500,000 ดอลลาร์ ซึ่งเกิดจากการยกเลิกการแสดงคอนเสิร์ตกลางคันในครั้งนั้น แต่ทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้ทำให้นักร้องสาวเปลี่ยนใจ

อีก 2 ปีต่อมา ทั้งคู่ก็หย่าขาดจากกันตามกฎหมาย ทีน่าบอกอดีตสามีว่า “คุณเอาทรัพย์สมบัติทุกอย่างที่ฉันหามาได้ตลอด 16 ปีไปเถอะ ส่วนฉันขอแค่อนาคตใหม่เท่านั้น” โดยเธอเต็มใจแบกรับภาระหนี้ก้อนโตไว้เอง

สิ่งที่ร็อกเกอร์สาวหลงเหลืออยู่ในวัย 39 ปีคือชื่อ ‘ทีน่าเทอร์เนอร์’ ที่ใช้ในการแสดงเท่านั้น เพราะเธอเชื่อว่า การที่ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน และมีอิสรภาพ เพื่อเดินหน้าสู่ชีวิตใหม่ที่มีความสุขนั้น สำคัญมากกว่าทรัพย์สินเงินทอง ด้วยเพราะเธอมีความศรัทธาและเชื่อมั่นในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”

ดังนั้น ในช่วง 8 ปีต่อมา ร็อกเกอร์สาวจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับงานร้องเพลงที่เธอรักอีกครั้ง จนในที่สุด ความพยายามก็สัมฤทธิ์ผล เธอคว้ารางวัลแกรมมี่ 3 รางวัลซ้อนในปี 1985 ซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้คนทั่วไปเห็นว่า เธอสามารถกลับมายืนได้ด้วยตัวเองอีกครั้ง และประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องอาศัยสามีอีกต่อไป

ขณะที่ไอค์เริ่มต้นตกต่ำในชีวิต เขาเคยให้สัมภาษณ์ ว่า “ผมไม่กล้าสู้หน้าคน รู้สึกเหมือนเป็นคนไร้ค่า และไม่สามารถเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เมื่อขาดทีน่าไป” เขาจึงเสพยามากขึ้น ดื่มเหล้าหนัก และถูกจับเข้าคุก แต่เขาก็ยอมรับว่าการอยู่ในคุกช่วยทำให้เขาห่างจากยาเสพติดได้ หลังได้รับอิสรภาพไอค์ก็กลับมาอยู่บ้านที่แคลิฟอร์เนีย และเสียชีวิตอย่างสงบ เมื่อเดือนธันวาคม 2007 ด้วยวัย 76 ปี

ทีน่าได้ให้โฆษกส่วนตัวของเธออ่านแถลงการณ์สั้นๆหลังรู้ข่าวการเสียชีวิตของอดีตสามีว่า “ทีน่าได้รับทราบข่าวการเสียชีวิตของไอค์ แต่เธอไม่ได้ติดต่อเขามา ร่วม 35 ปีแล้ว ดังนั้น จึงไม่มีความเห็นใดๆในเรื่องนี้”

• สวดมนต์ชำระล้างจิตใจทุกวัน เชื่อมั่น “ทำดีได้ดี”

ในปี 1986 ทีน่าได้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติชื่อ I, Tina เล่าถึงชีวิตการแต่งงานระหว่างเธอกับไอค์ ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงในครอบครัว และเธอได้รวบรวมพลังความเข้มแข็ง ที่เกิดจากการสวดมนต์ ทำสมาธิ ก้าวหลุดพ้นจากช่วงเลวร้ายที่สุดของชีวิตมาได้ ซึ่งต่อมาได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เรื่อง What’s Love Got To Do With It ออกฉายในปี 1993

ณ วันนี้ ร็อกเกอร์รุ่นดึกวัย 70 ปี ยังคงร้องเพลงให้ความสุขแก่ผู้ฟังด้วยใจที่เบิกบาน โดยล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว เธอได้ไปเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองโคโลญ ประเทศเยอรมัน ซึ่งเธอบอกว่ากำลังคิดที่จะรีไทร์จากการร้องเพลง และอยากใช้ชีวิตเงียบๆที่บ้านในซูริค

ทุกวันนี้ทีน่าใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเพื่อนชายคนสนิท ‘เออร์วิน บาค’ ชาวเยอรมัน อดีตผู้บริหารบริษัทบันทึกเสียง EMI ซึ่งอายุน้อยกว่าเธอถึง 16 ปี เธอรู้จักเขาครั้งแรกในปี 1985 และในปีถัดมาทั้งสองจึงไปใช้ชีวิตคู่ด้วยกันที่ยุโรปอย่างมีความสุข จนถึงปัจจุบัน 25 ปีแล้ว โดยมีบ้านพักอยู่ที่เมืองซูริค สวิสเซอร์แลนด์ และที่ชานเมืองนีซ ของฝรั่งเศส ทีน่าจัดห้องหนึ่งในบ้านเป็นห้องพระ ซึ่งเธอจะมานั่งสวดมนต์ภาวนาต่อหน้าพระพุทธรูป เป็นประจำทุกวัน

เสียงสวดมนต์ “นัม เมียว โฮ เร็ง เง เคียว..” ที่นักร้องสาวเปล่งออกมานั้น ดังก้องกังวานในหัวใจของเธอมา 35 ปีเศษแล้ว เธอบอกว่า “จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ฉันมองว่า พุทธศาสนาเป็นสิ่งที่เราพึ่งพิงได้ การสวดมนต์จะช่วยให้เราเข้าถึงแก่นแท้ ซึ่งอยู่ในจิตใต้ สำนึกของตัวเรา”

และในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชน ทีน่าเชื่อว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการกระทำของตัวเรา ถ้าเราทำความดีในชาตินี้ จะส่งผลให้เรามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในชาติหน้า และการสวดมนต์ภาวนาก็สามารถช่วยเราได้เช่นกัน เพราะเป็นการชำระล้างจิตใจให้สะอาด ทำให้ชีวิตดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปยังภพหน้า ทำให้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นเรื่อยๆไป”

ปัจจุบัน ทีน่า เทอร์เนอร์ เป็นสมาชิกของสมาคม Soka Gakkai International (SGI) หรือโซคา งักไก สากล ซึ่งมีรากฐานมาจากนิกายนิชิเรน โชชู หนึ่งในนิกาย พุทธฝ่ายมหายาน ที่มีต้นกำเนิดจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับถือสัทธรรมปุณฑริกสูตรอย่างเดียว โดยภาวนาว่านัม เมียว โฮ เร็ง เง เคียว (นโม สทฺธมฺมปุณฺฑริก สุตฺตสฺส ขอนอบน้อมแด่ สัทธรรม ปุณฑริกสูตร) เมื่อเปล่งคำนี้ออกมาด้วยความรู้สึกว่ามีตัวธาตุพุทธะอยู่ในใจ ก็บรรลุพุทธภาวะ

ส่วนหนึ่งของผลงาน รางวัล และเกียรติยศ ที่ได้รับ

ทีน่า เทอร์เนอร์ เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง นักเต้น นักแสดง ชาวอเมริกัน เธอได้รับฉายาว่า “ราชินีร็อกแอนด์โรล (The Queen of Rock & Roll)” นอกจากเพลงร็อกแล้วเธอยังเล่นเพลงในแนวอาร์แอนด์บี ดนตรี โซล แด๊นซ์ และป็อป อีกด้วย

ทีน่าเป็นศิลปินร็อกหญิงที่โด่งดังและมียอดขายอัลบั้มมากที่สุด กว่า 180 ล้านชุด ได้รับรางวัล Grammy Awards ถึง 8 ครั้ง และยอดขายตั๋วคอนเสิร์ตมากกว่าศิลปินเดี่ยวคนใด

มีผลงานแสดงภาพยนตร์ทั้งสิ้น 4 เรื่อง คือ เป็นนักแสดงรับเชิญใน Tommy ปี 1975 , Sgt. Pepper’s Lonely Hearts Club Band ปี 1979, รับบทนำคู่กับเมล กิ๊บสัน ใน Mad Max Beyond Thunderdome (แมดแม็กซ์ 3) ปี 1985 และบทรับเชิญใน Last Action Hero ปี 1993

เธอได้รับการจารึกชื่อในแมกกาซีน Rolling Stone ว่าเป็น 1 ใน “ศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล” (The Immortals - The Greatest Artists of All Time)

ปี 1991 ได้รับการจารึกชื่อในหอเกียรติยศร็อกแอนด์ โรล (Rock and Roll Hall of Fame) พร้อม 2 อัลบั้ม River Deep-Mountain High(1999) และ Proud Mary (2003) ในหอเกียรติยศแกรมมี่ (Grammy Hall of Fame)

นอกจากนี้ยังได้รับการจารึกชื่อลงแผ่นหินรูปดาวใน Hollywood Walk of Fame ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุด สำหรับผู้ได้รับคัดเลือกให้จารึกชื่อที่นี่

ปี 2005 ได้รับรางวัล Kennedy Center Honors
ปี 2009 ทีน่าร่วมกับ 2 ศิลปินเพลงสาว Regula Curti และ Dechen Shak- Dagsay ในโครงการ Beyond Singing ผลิตแผ่นซีดี ซึ่งรวมเพลงสวดมนต์พุทธ และเพลงสวดสรรเสริญพระเจ้าของคริสต์ศาสนา โดยทีน่าได้อ่านนำเนื้อหาด้านจิตวิญญาณ ซึ่งเกิดจากประสบการณ์ของเธอเอง โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนจากองค์ทะไล ลามะ ผู้นำจิตวิญญาณแห่งทิเบต

และล่าสุดสดๆร้อนๆเดือนมกราคม ปี 2010 ได้รับรางวัล Swiss Award สาขาการแสดงบนเวที

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 111 กุมภาพันธ์ 2553 โดยบุญสิตา)











กำลังโหลดความคิดเห็น