xs
xsm
sm
md
lg

มองปัญหาด้วยปัญญา:

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

'พยายามพึ่งตนเอง และเป็นที่พึ่งอันปลอดภัยแก่ผู้อื่น
พร้อมทั้งเป็นอยู่เพื่อจักกราบตนเองได้สนิท
อย่าเป็นอยู่เพียงเพื่อรอให้ผู้อื่นไหว้'


          ปุจฉา
การุณย์ต่อเพื่อนผู้อยู่ร่วมกัน

ลูกอยากทราบว่า การที่คนเราอยู่ในสังคม ถ้าเราเห็นคนที่ทำไม่ดี ทำผิด ซึ่งเป็นคนใกล้ตัวเราแล้ว เราควรจะบอกให้ เขาแก้ไขหรือไม่ ถ้าไม่บอกไป บางทีอาจทำให้เขายิ่งเสียนิสัย ถ้าในทางตรงกันข้าม เราบอกไป ด้วยเหตุด้วยผล บางทีเขาอาจไม่ยอมรับ และทำให้คนอื่นๆ มีผลกระทบด้วย อย่างนี้ควรทำอย่างไรดีครับ เขาจึงจะเข้าใจ ?

วิสัชนา

'ต้องถามคุณกลับไปว่า คนที่ทำผิดแล้วอยู่ใกล้ตัวคุณมีอิทธิพลต่อคุณและคนในสังคมหรือไม่ ถ้ามี คุณยิ่งต้องกระตือรือร้น หาวิธีแก้ไข แม้ว่าการแก้ไขนั้นๆ อาจจะต้องสูญเสีย เจ็บปวดไปบ้าง แต่เพื่อรักษาประโยชน์สุขของส่วนรวม คุณก็ต้องทำ แต่ถ้าคนผู้นั้นมิได้มีอิทธิพลต่อคุณ และสังคมสักเท่าไหร่นัก คุณก็ต้องช่วยหาวิธีแก้ไข ด้วยจิตที่คิดว่าอนุเคราะห์ช่วยเหลือให้คนทำผิดกลายเป็นคนทำถูก ด้วยวิธีที่เหมาะสม นิ่มนวล

โดยมีหลักของสัตบุรุษอยู่ว่า ให้รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักตน รู้จักประมาณ รู้จักกาลเวลา รู้จักสถานที่ รู้จักบุคคล

เช่นนี้ก็ต้องถือว่า คุณการุณย์ต่อเพื่อนผู้ร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตายแล้วล่ะ'

      ปุจฉา
การวางตัวของพระ


การวางตัวและบทบาทของ พระสมัยนี้ควรจะทำอย่างไร ในขณะที่สังคมกำลังอยู่ในภาวะที่ขาดศีลธรรม ?

วิสัชนา

'พยายามพึ่งตนเองให้ได้มากที่สุด และทำตนเองให้เป็นที่พึ่งอันปลอดภัยซื่อตรงแก่ผู้อื่น พร้อมทั้งเป็นอยู่เพื่อจักกราบตนเองให้ได้ ไหว้ตนเองให้สนิทอย่าเป็นอยู่เพียงเพื่อรอให้ผู้อื่นไหว้'

     ปุจฉา
ทำให้คนชั่วกลับใจ


เราจะทำอย่างไรให้คนชั่วกลับใจมาเป็นคนดีครับ และจะทำอย่างไรให้คนที่ค่อนไปทางดีอยู่แล้วมาสนใจปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น?

วิสัชนา

'บางทีก็ต้องยอมรับกันว่าคนที่ชั่ว ไม่ได้ชั่วเพราะสำนึก ไม่ได้ชั่วเพราะจิตวิญญาณเดิม แต่เป็นความชั่วเพราะสภาพแวดล้อม นี่คือคนชั่วประเภทที่หนึ่ง คนชั่วประเภทที่สอง ก็คือชั่วเพราะสำนึกชั่วเพราะจิตวิญญาณเดิม เรียกว่าอดีตชาติเคยทำชั่วซ้ำซากมาเก่าก่อนปัจจุบันก็เลยมาเป็นผลให้ตนต้องเป็นคนชั่วซ้ำซากจำเจอีก ชั่วประเภทนี้ยากต่อการแก้ไข ก็ต้องปล่อยให้ตายไปเองตามกาลตามสมัย แต่ชั่วประเภทที่หนึ่ง คือชั่วที่ไม่มีสำนึก คือชั่วแบบไม่ได้มีจิตวิญญาณเดิม ที่เป็นคนชั่วมาเก่า เป็นความชั่วเพราะเกิดจากสภาพแวดล้อม รอบๆ ตัวเขาและตัวเรา ชั่วประเภทนี้สามารถแก้ไขและเปลี่ยนแปลงได้ และชี้ให้เขาเห็น โทษภัยของความชั่ว ที่เกิดจากการทำ พูด คิดนั้นๆ ว่าเป็นเหตุ ปัจจัยของความทุกข์ เสียหาย เดือดร้อน แร้นแค้น ทรมานและทำร้ายทำลายตัวเองให้เศร้าหมอง และพยายามชี้หนทางเดิน แห่งความเจริญให้แก่ท่านเหล่านั้น ที่กลับตัวกลับใจได้ แล้วเป็น ผู้ที่ให้กำลังใจเขา เป็นผู้ชักจูงเขา เป็นผู้คอยที่จะพยุงเขา ให้มีใจกล้า กายกล้า สมองกล้า ความรู้สึกนึกคิดกล้าแข็ง พร้อมที่จะเผชิญต่อทุกสถานการณ์ในขณะที่เพียรพยายามทำดี ถ้าทำอย่างนี้คนชั่วเหล่านั้นก็ไม่ชั่ว คุณคงจำไว้ว่าไม่มีใครในโลกอยากชั่ว แต่ที่ชั่วเพราะไม่รู้ เพียงแค่สอนให้เขารู้ เขาก็เลิกชั่วแล้วล่ะคุณ'

        ปุจฉา
        ผู้กล้า
อย่างไรจึงเรียกว่าผู้กล้า

วิสัชนา

มีคำพูดเสมอว่า สถานการณ์ สร้างวีรบุรุษ เพราะสถานการณ์ที่มันทำให้เกิดการอลวนอลเวง แล้วถ้าเกิดใครมาทำให้สถานการณ์นั้นราบคาบ ถือว่าคนคนนั้นเป็นวีรบุรุษ และการที่จะเอาตัวเองมาทำให้สถานการณ์ที่สับสนวุ่นวายยุ่งเหยิงนั้นราบคาบลงไป มันต้อง ทุ่มเท ต้องแบ่งปัน ต้องเสียสละ ต้องให้แม้กระทั่งชีวิตตนเอง คนโบราณเขาจะถือว่าคนคนนั้นเป็นวีรบุรุษเป็นคนกล้า แต่ไม่ใช่คนเก่ง

และความกล้าหาญต้องเกิดจากการมีความรู้สึกเด็ดเดี่ยว มั่นคง จริงจัง มีความจริงใจ มีน้ำใจ เพราะฉะนั้นจะกล้าหาญได้ ก็ต่อเมื่อมีความเด็ดเดี่ยวมั่นคง จริงจัง จริงใจ และมีน้ำใจ สิ่งทั้งหลายที่เราทำก็ถือว่ามีความกล้าหาญ กล้าพูด กล้าทำ กล้าคิด กล้าตัดสินใจ กล้าแสดงออก และเพราะมีความเด็ดเดี่ยว มั่นคง จริงจัง จริงใจ และมีน้ำใจ เราก็เลยไม่ต้องการอะไรจากใคร เลยกล้าที่จะทำได้ โดยไม่หวังอะไรตอบแทน

สังคมปัจจุบันมีคนเก่ง แต่ไม่มีคนกล้า คนกล้าที่ประกอบไปด้วยความจริงจัง จริงใจ มีน้ำใจ เอื้ออาทร และการุณย์ เป็นที่พึ่งของตัวเองได้ และเป็นที่พึ่งให้แก่ผู้อื่นได้

ผู้กล้านั้นจะต้องกล้าด้วยหัวใจ ด้วยสำนึก ด้วยจิตวิญญาณ ไม่ใช่กล้าแต่ปาก หรือกล้าแต่ว่าพวกมากลากไป!!

ผู้กล้านั้นจะต้องกล้าพูด กล้าคิด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ กล้าแสดงออก ในทางที่ถูกที่ควร

ที่สำคัญ...คนที่เป็นผู้กล้า กอปรด้วยปัญญานั้นจะเป็นผู้ที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ทะเยอทะยาน ไม่หยิ่ง ไม่ยโส ไม่ทระนง หรืออวดดี !!


ความอ่อนน้อมถ่อมตนน่ะเป็นคุณสมบัติของรวงข้าวที่ดี ลองสังเกตดูว่าถ้าต้นข้าวต้นใด รากมันไม่ขยันดูดน้ำเลี้ยงดูดสารอาหาร เมล็ดข้าวจะลีบไม่โต และรวงข้าวที่ลีบนั้นจะไม่โค้งตัวมันจะชี้ขึ้นฟ้า ตรงข้ามกับต้นข้าวที่ดูดน้ำเลี้ยงไปเลี้ยงเมล็ดพันธุ์และสร้างเสริมเนื้อเยื่อ จนกระทั่งให้เมล็ดพันธุ์ที่อุดมสมบูรณ์ และเมื่อเมล็ดยิ่งสุก รวงข้าวก็ยิ่งค้อมตัวลง อ่อนตัวลง ก้มหน้ามองดิน พร้อมที่จะให้ประโยชน์แก่สังคม หล่อเลี้ยงสรรพชีวิตในจักรวาล เป็น คุณธรรมที่กระตุ้นเตือนให้เรารู้ว่า บุคคลที่เกิดขึ้นมาแล้วให้สาระต่อสังคม ให้ประโยชน์แก่สังคม ก็ยิ่งอ่อนน้อมถ่อมตน ยอมรับเหตุและผลของคนอื่นได้

ผิดกับผู้ที่ไม่มีอะไรดี ไม่ให้ ประโยชน์แก่ผู้อื่นแล้วยังผยอง ยโส อวดดี ชูคอขึ้นชี้ฟ้า แล้วสุดท้ายก็ไร้สาระ ถูกเหยียบย่ำจมดิน คนอย่างนี้จะอยู่ในโลกกับใครเขาได้

ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นการแสดงออกถึงความนอบน้อมที่มาจากหัวใจ การอ่อนน้อมทำให้เราอยู่ได้ทุกที่ที่เราอยากอยู่ เข้าได้ทุกที่ที่เราอยากเข้า เป็นได้ทุกอย่างที่เราอยากเป็น และจะได้ทุกเรื่องที่เราทำ เพราะการอ่อนน้อมถ่อมตนก็เหมือนทำตนเป็นน้ำที่อยู่ในขวดก็เป็นรูปขวด ใส่แก้วก็เป็น รูปแก้ว

แต่ไม่ใช่หมายถึงการเสียโอกาส หรือไม่ได้โอกาสเลยแกล้งอ่อนน้อม!!

ไม่ใช่หมายถึงว่าสู้เขาไม่ได้ จึงต้องยกมือไหว้ นอบน้อม!!

ไม่ใช่เป็นความอ่อนแอ หรืออ่อนไหวกับอารมณ์ใดๆ!!

และก็ไม่ใช่หมายถึงการเป็นคนอ่อนแอ เหลวไหล จนกลายเป็นคนที่ไหลไปตามขบวนการฉุดกระชากลากถูของสังคม!!

แต่ความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นคุณธรรมของผู้รู้ ตื่น และเบิกบาน เป็นคุณธรรมของผู้ที่ตั้งมั่นมีจุดยืนของตัวเอง เข้าใจตัวเอง มีสัจจะแห่งชีวิตตัวเอง พึ่งตัวเองได้ ใช้ตัวเองสนิท บูชาตัวเองถูก ไหว้ตัวเองเป็น

เพราะฉะนั้น คนที่มีวิถีคิด วิถีจิต วิถีชีวิต ดั่งพุทธะ เป็นวิถีแห่งชัยชนะ เป็นวิถีแห่งความ ชาญฉลาด สะอาด สว่าง สงบ เขาย่อมอ่อนน้อมถ่อมตนเสมอ

คนที่ดีจริงๆ ก็คือทำดีโดย ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนดี เป็นดีที่มีในใจ เป็นดีที่ออกมาจากใจที่เอื้ออารี แต่ถ้าทำดีเพราะอยาก แลกได้แลกเสีย หรือต้องการแลกเปลี่ยน นั่นเรียกว่าเสแสร้งแกล้งดี

เพราะฉะนั้นการจะเป็นคน ดีอย่างนี้ได้ก็เริ่มต้นจากการเป็น ผู้ซื่อตรงในใจ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น พูดอย่างไรทำเช่นนั้น คิด ทำ พูด ต้องเรื่องเดียวกัน แล้ว มันจะทำให้เราอ่อนน้อมถ่อมตน

ผู้มีธรรมย่อมมีโอกาสที่จะหาคำตอบให้แก่ชีวิตทุกชนิดได้อย่างชนิดที่คนทั้งหลายไม่คิดว่าจะตอบได้ เพราะฉะนั้น ผู้มีธรรมะจึงมีชัยชนะและฉลาดเสมอ เหตุผลเพราะมีชัยชนะ และเหตุผลเพราะเป็นคนชาญฉลาด จึงอาจหาญกล้าที่จะเผชิญ กับทุกสถานการณ์ได้อย่างองอาจสง่างาม มั่นคงและดำรงไว้ซึ่งความมีเอกเทศเป็นเอกบุรุษ เอกสตรีดำรงอยู่ในเอกภพนี้ได้อย่างสง่างามและชาญฉลาด เป็นผู้มีชัยชนะทุกกาลทุกสมัย
กำลังโหลดความคิดเห็น