xs
xsm
sm
md
lg

อริยสัจ:

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ตราบใดที่เราเห็นว่ากายมิใช่เรา แต่จิตยังเป็นเราอยู่ สักกายทิฐิจะไม่ขาด

จะให้สักกายทิฐิคือความเห็นผิดว่าจิตเป็นตัวเราขาดนั้น ต้องดูมันบ่อยๆ

ดูไปเลย เดี๋ยวจิตดวงนี้ก็เกิด เดี๋ยวจิตดวงนี้ก็ดับ เกิดดับสลับไปเรื่อยๆ


ครั้งที่ 035
การละสักกายทิฏฐิที่เห็นผิดว่าจิตเป็นเรา

หลายคนคิดว่าพระอรหันต์คือคนที่ฝึก จนกระทั่งจิตรู้สึกตัวไม่เคยดับไปเลย ไม่ใช่นะ จิตมีธรรมชาติเกิดดับ ยังไงก็ต้องเกิดดับ เป็นขณะๆ ไป เกิดทางตาบ้าง ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายบ้าง อันนี้เป็นส่วนของวิบากจิต ถ้ากรรมเก่าที่ดีให้ผลมาก็กระทบอารมณ์ที่ดีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ถ้าอกุศล ให้ผลก็ไปกระทบอารมณ์ไม่ดี นี่เป็นส่วนของวิบากห้ามไม่ได้นะ ส่วนทางใจก็กระทบกับความรู้สึกนึกคิด แล้วเกิดกุศล เกิดอกุศล ขึ้นมาสำหรับคนทั่วไป แต่เป็นกิริยาไม่เกิดกุศลหรืออกุศลในพระอรหันต์ กุศลหรืออกุศลนี้เป็นของใหม่ แล้วก็ก่อให้เกิดการกระทำกรรมใหม่ในคนทั่วไปที่ไม่ใช่ พระอรหันต์

ให้เราคอยเรียนรู้จิตใจเรา จิตใจเราเดี๋ยวก็เกิดที่ตาดับที่ตา เกิดที่หูดับที่หูนะ เกิดทางใจคือหนีไปคิด พอมีสติขึ้นมา จิตทางใจ ที่ไปคิดก็ดับ เกิดจิตทางใจที่รู้สึกตัวขึ้นแทน จิตมันเกิดดับอยู่ทางทวารทั้ง 6 แม้ในทวารใจเองก็เกิดดับเปลี่ยนแปลงได้เยอะแยะเลย จิตที่เกิดทางตาหูจมูกลิ้นกายมีจำนวนน้อย จิตส่วนใหญ่เกิดทางใจ จิตที่เกิดทางตาก็มีแค่จักขุวิญญาณจิตที่เป็นวิบากแค่นั้น แต่จิตที่เกิดทางใจมีนับไม่ถ้วนทั้งที่เป็นกุศล เป็นอกุศล และเป็นวิบาก ส่วนกิริยาจิตซึ่งเกิดทางใจนั้นไม่ต้องเรียน เพราะไม่มีในบุคคลที่ไม่ใช่พระอรหันต์ ถ้าเราเห็นจริงว่าจิตนี้เกิดดับๆ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตัวเราไม่มี มันจะค่อยๆ ถอดถอนความเห็นผิดว่ามีเราได้

ตอนนี้เรารู้สึกว่าในนี้ (หลวงพ่อชี้ที่หน้าอก) มีเราอยู่คนหนึ่ง และรู้สึกว่ามันเที่ยงด้วย เราคนนี้กับเราเมื่อวาน เราคนนี้กับเราตอนเด็กก็คนเดิม แต่ถ้าฟังธรรมไปเรื่อยๆ จนสติเกิด จะเห็นว่าความหลงเกิดแล้วก็ดับ ความรู้สึกตัวเกิดแล้วก็ดับ เห็นไปเรื่อยๆ นะ อะไรๆ เกิดแล้วก็ดับไปเรื่อย เราจะเห็นเลยว่า จิตที่หลงเกิดแล้วดับ จิตที่รู้สึกตัวเกิดแล้วดับ จิตที่โลภเกิดแล้วดับ จิตที่หลงเกิดแล้วดับ จิตที่โกรธเกิดแล้วก็ดับ จิตที่อิจฉาตาร้อนเกิดแล้วก็ดับ มีแต่เกิดแล้วก็ดับหมดเลย จะเห็นเลยจิตไม่ได้มี ดวงเดียวหรอก แต่จิตนี้มีเกิดแล้วก็ดับสืบเนื่องไปเรื่อยๆ หาแก่นสารว่าเป็นตัวเราที่แท้จริงไม่มี นี่ใจเข้าไปประจักษ์อย่างนี้ ใจก็จะยอมรับความจริงว่าตัวตนที่แท้จริงของเราไม่มี ลำพังดูกายไม่พอนะ ดูกายไม่พอ เราเห็นว่าร่างกายไม่ใช่เรานี่ ยังไม่พอ

ทำไมหลวงพ่อว่าไม่พอ ไม่ได้พูดเอาเองนะ พระพุทธเจ้าเคยสอนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า 'ดูก่อน' นี่ถ้าเป็นสำนวนท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์จะต้องว่า 'ดูกร(ดูกะระ)ภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนที่ไม่ได้สดับ' หมายถึงคนนอกศาสนาพุทธด้วย 'สามารถเห็นได้ว่ากายไม่ใช่ตัวเรา' เพราะกายนี้มันแปรปรวนให้ดูง่ายๆ เดี๋ยวคนโน้นแก่ คนนี้เจ็บ คนนั้นตาย ตัวเราเองหน้าตาแต่ละปียังไม่เหมือนกันเลย จะรู้สึกได้ว่ากายมิใช่ตัวเรา แต่ว่าท่านบอกว่า 'ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุถุชนที่ไม่ได้สดับ ไม่สามารถเห็นว่าจิตมิใช่ตัวเรา' ตราบใดที่เราเห็นว่ากายมิใช่เรา แต่จิตยังเป็นเราอยู่ สักกายทิฐิจะไม่ขาด สักกายทิฐิต้องเห็นว่าขันธ์ 5 ทั้งหมดเลย ทั้งกายทั้งจิตนี้มิใช่เรา จะมาสงวนว่าเหลือแต่จิตเป็นเราอยู่สักกายทิฐิตัวจริงจะไม่ขาด จะให้สักกายทิฐิคือความเห็นผิดว่าจิตเป็นตัวเราขาดนั้นต้องดูมันบ่อยๆ ดูไปเลย เดี๋ยวจิตดวงนี้ก็เกิด เดี๋ยวจิตดวงนี้ก็เกิด สลับไปเรื่อยๆ เกิดดับไปเรื่อยๆ

(อ่านต่อสัปดาห์หน้า/
หลุดจากโลกของความคิดจะเห็นกายเห็นใจ)
กำลังโหลดความคิดเห็น