xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวสารผ่านโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัดเส้าหลินเล็งขยายสาขาเพิ่ม
• จีน : วัดเส้าหลินซึ่งเป็นต้นกำเนิดของศิลปะการต่อสู้กังฟูในประเทศจีน ได้เข้าควบคุมบริหารจัดการวัด 4 แห่ง ในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์ในสื่ออินเตอร์เน็ตว่า วัดเส้าหลิน กำลังนำระบอบทุนนิยมมาปะปนกับศาสนา
วัดเส้าหลินซึ่งตั้งอยู่ที่มณฑลเหอหนัน ได้แต่งตั้งพระ 10 รูป ให้ไปดูแลวัด 4 แห่งในเขตกูดู ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวใกล้เมืองคุนหมิง เมืองหลวงของมณฑลยูนนาน
“ความเคลื่อนไหวดังกล่าวนั้นจะเป็นการเชื่อมโยงวัฒนธรรมระหว่างมณฑลเหอหนานและมณฑลยูนนาน อีกทั้งช่วยให้ชื่อเสียงของวัดเส้าหลินขยายวงกว้างไปไกลกว่าเดิม” พระยานลู่ โฆษกวัดเส้าหลินกล่าว โดยพระทั้ง 10 รูป นั้นจะไปประจำอยู่ที่วัด 4 แห่งดังกล่าว เป็นเวลา 20 ปี เพื่อช่วยงานด้านการกุศล และการทำนุบำรุงมรดกทางศาสนา
ด้านเจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน พระฉือ หย่งซิ่น กล่าวว่า “ระบบการจัดการที่ทันสมัย ควรจะนำไปใช้ในวัดทั่วประเทศจีน เพื่อช่วยส่งเสริมศาสนาพุทธนิกายเซน”
อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตบางรายได้ประณามการกระทำดังกล่าวของวัดเส้าหลินว่าคล้ายกับการขยายสาขาในธุรกิจแฟรนไชส์ การกระจายสาขาของวัดเส้าหลินนั้นก็เพื่อดึงดูดเม็ดเงินจากผู้บริจาคให้มากขึ้น
ก่อนหน้านี้วัดเส้าหลินได้กลายเป็นแหล่งที่ดำเนินกิจกรรมเชิงพาณิชย์หลายประเภท และสามารถทำกำไรได้อย่างงดงามจากนักท่องเที่ยวหลายล้านคนที่มาเที่ยวชม รวมทั้งรายได้จากการตระเวนแสดงกังฟูเส้าหลินและการจัดสร้างภาพยนตร์
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ทางวัดยังได้เปิดการขายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ อี คอมเมิร์ซ ซึ่งเป็นเวปไซต์ยอดนิยมของจีน มีทั้งรองเท้า ใบชา และคู่มือฝึกกังฟู ซึ่งจำหน่ายในราคาเล่มละ 9,999 หยวน
นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่ารัฐบาลท้องถิ่นมีแผนจะกระจายหุ้นของวัดเส้าหลินในตลาดหลักทรัพย์ โดยอยู่ในหมวดธุรกิจท่องเที่ยว แต่เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ไม่เห็นด้วย และได้ระงับการเสนอขายหุ้นดังกล่าวแก่สาธารณชน เพราะมองว่าการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง เป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักการของพุทธศาสนา
(จาก Reuter)

จีนเป็นเจ้าภาพจัดประชุมพุทธโลก ครั้งที่ 2ชูเรื่องความปรองดองสมานฉันท์แก่โลก
• จีน : บรรดาพระสงฆ์และนักวิชาการด้านพุทธศาสนาจากทั่วโลกจะเข้าร่วมประชุมชาวพุทธโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพ เพื่อหารือในเรื่องพุทธศาสนากับการสร้างความสมานฉันท์ในโลก ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28 มีนาคม 2009 ที่เมืองหวู่ซี มณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของประเทศจีน และจะย้ายไปประชุมต่อที่กรุงไทเป ประเทศไต้หวัน และปิดการประชุมในวันที่ 1 เมษายน
พระอาจารย์ซื่อ เช็ง รองประธานสมาคมชาวพุทธของจีน เปิดเผยในการ แถลงข่าวเมื่อเร็วๆนี้ว่า การประชุมครั้งนี้ มีพระสงฆ์และนักวิชาการด้านพุทธศาสนากว่า 20 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งอินเดีย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ศรีลังกา และไทย ได้แสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยการประชุมดังกล่าว เป็นการจัดร่วมกันของสมาคมชาวพุทธของจีน สมาคมพุทธประทีปนานาชาติ สมาคมชาวพุทธของฮ่องกง และสมาคม การสื่อสาร ศาสนา และวัฒนธรรมของ จีน การประชุมครั้งนี้จะเน้นในเรื่องเกี่ยว กับจิตวิญญาณในการอยู่ร่วมกันด้วยความปรองดอง ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ ของชาวพุทธ รวมทั้งบทบาทของพระพุทธศาสนาในการเสริมสร้างโลกแห่งความสมานฉันท์
รองประธานสมาคมชาวพุทธของจีนหวังว่าการประชุมนี้จะมีส่วนช่วยในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความเข้าใจกันมากขึ้นในหมู่ชาวพุทธในจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และไต้หวัน
อนึ่ง การประชุมชาวพุทธโลกครั้งแรก ซึ่งจีนเป็นเจ้าภาพ ได้จัดขึ้นในเมืองหางโจว เมื่อเดือนเมษายน 2006 โดยมีรายงานทางสถิติในครั้งนั้นว่า ประชาชนจีนราว 100 ล้านคน หรือ 1 ใน 13 คนของประชาชนจีนทั้งหมด นับถือศาสนาพุทธ
ทั้งนี้ พุทธศาสนาเริ่มเข้าสู่ประเทศจีนครั้งแรก โดยพระธรรมทูตชาวอินเดีย เมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว
(จาก Sindh Today)

ศรีลังกาเศร้าขาดครูสอนพุทธศาสนา
• ศรีลังกา : รายงานล่าสุดของกระทรวงศึกษาธิการของศรีลังกา ได้ชี้ให้เห็นความจริงว่า 82% ของครูผู้สอนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนในระดับชั้นปีที่ 1-11 นั้น ไม่มีความรู้ในการสอนวิชานี้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ของศรีลังกาเปิดเผยว่า จำนวนครูทั่วประเทศซึ่งสอนวิชาพุทธศาสนา มีทั้ง หมด 8,455 คน แต่มีถึง 6,955 คน ที่ขาดคุณสมบัติดังกล่าวในการสอน มีเพียง 1,500 คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติครบถ้วน
โดยครูที่มีความรู้ความสามารถรองลงมาในการสอนวิชานี้จะถูกบรรจุเข้าไปสอนแทนในโรงเรียนส่วนใหญ่ในศรีลังกา
(จาก ColomboPage News Desk)

จีนพบพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรภายในสถูปอายุ 1,000 ปี
• จีน : เมื่อเร็วๆนี้มีการขุดพบสถูปจำลองอายุ 1,000 ปี จากซากปรักหักพังของวัดฉางกัน ในเมืองหนานจิง ประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าภายในสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรของพระพุทธเจ้า
รายงานข่าวจากจีนกล่าวว่า เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา สถูปดังกล่าวถูกนำขึ้นมาจาก หีบเหล็กที่พบในห้องลับใต้ดินของซากปรักหักพัง ขนาดของสถูป สูงราว 3.5 ฟุต กว้าง 1.5 ฟุต องค์สถูปแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขนาดเล็กกว่า 100 องค์ รวมทั้งบริเวณฐานทั้ง 4 ด้านด้วย ภายในบรรจุ สิ่งของล้ำค่า 7อย่าง ได้แก่ ทอง เงิน ไข่มุก กระจกสี หินอ่อน อำพัน และแก้ว
โดยก่อนหน้านี้ นักโบราณคดีได้ขุดพบ แผ่นศิลาจารึก ซึ่งระบุถึงสิ่งที่บรรจุอยู่ในสถูป อันได้แก่ หีบทองที่วางอยู่ในหีบเงิน หรือ “สถูปที่บรรจุสิ่งล้ำค่า 7 อย่างของพระเจ้าอโศก” ภายในหีบทองบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุ
พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นกษัตริย์องค์ ที่ 3 แห่งราชวงศ์โมริยะ พระองค์ทรงหันมา เลื่อมใสและนับถือพระพุทธศาสนาหลังมีชัยชนะในสงครามที่มีผู้คนบาดเจ็บล้ม ตายเป็นจำนวนมาก บันทึกทางพุทธศาสนา กล่าวไว้ว่า พระองค์ทรงเก็บรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุ แล้วแบ่งออกเป็น 84,000 องค์ โดยบรรจุแต่ละองค์ลงในสถูป ซึ่งเรียกว่าสถูปพระเจ้าอโศกมหาราช แล้วพระราชทานไปยังดินแดนต่างๆทั่วโลก ในส่วนของประเทศจีนเองได้รับมา 19 องค์
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่า สถูปดังกล่าวบรรจุพระบรมสารีริกธาตุจริง หรือ เกี่ยวกับเรื่องนี้ กี ไห่หนิง หัวหน้าทีมนักโบราณคดีและผู้เชี่ยวชาญของพิพิธภัณฑ์หนานจิง กล่าวว่า จากการใช้เครื่องสแกนในเบื้องต้น ยืนยันว่า มีกล่อง โลหะ 2 กล่อง อยู่ภายในสถูป
“สถูปองค์นี้มีความพิเศษตรงที่ว่า เป็นเพียงสถูปเดียว ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ส่วนพระเศียร ของพระพุทธเจ้า”
กีกล่าวต่อไปว่า คงต้องใช้เวลาในการพิสูจน์สิ่งของที่อยู่ภายในสถูป เพราะการนำหีบเงินและทองออกจากสถูป เป็นเรื่องที่ยากมาก
ทั้งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นักโบราณคดีได้เปิดหีบเหล็ก ซึ่งมีสถูปบรรจุอยู่ แต่ก็ต้องใช้เวลากว่า 100 วันในการนำสถูปออกมาจากหีบ เพราะองค์สถูปติดแน่น อยู่ในหีบมาราว 1,000 ปีแล้ว
(จาก The Epoch Times)

รัสเซียเตรียมยกที่ 30 ไร่ ให้ไทย สร้างตำหนัก-วัดไทย-ศูนย์วัฒนธรรม
• รัสเซีย : เมื่อเร็วๆนี้ พระ ดร.ชาตรี เหมพนฺโธ หัวหน้าพระธรรมทูตประจำประเทศรัสเซียและยุโรปตะวันออก อดีตเจ้าอาวาสวัดอภิธรรมพุทธวิหารเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก วัดไทยวัดแรกและวัดเดียวในรัสเซีย เปิดเผยว่า รัฐบาลรัสเซียเสนอจะยกที่ดินประมาณ 30ไร่ติดถนนใหญ่ ซึ่งติดกับพระราชวังเดิม พระราชวังฤดูร้อนที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เคยไปประทับ และห่างจากทำเนียบ ของประธานาธิบดีปูติน ประมาณ 1 กม. เพื่อให้สร้างเป็นศูนย์วัฒนธรรม วัดไทย และเป็นตำหนักที่ประทับของพระราชวงศ์ไทยที่จะเสด็จไปทรงงานที่รัสเซีย
“ปี 2552 เป็นปีแห่งความสัมพันธ์ไทย-รัสเซีย ครบ 111 ปี ดังนั้น รัฐบาลรัสเซียจึงเตรียมมอบที่ดินให้รัฐบาลไทย30 ไร่ ซึ่งขณะนี้อาตมากำลังขอหนังสือความเห็นชอบจากมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการต่างประเทศ และในเดือนพฤษภาคม ปี 2552 นี้ คณะสงฆ์ไทยโดยพระธรรมสิทธินายก (ธงชัย สุขญาโณ) ผู้ดูแลงานพระธรรมทูตสายยุโรปและกลุ่มสแกนดิเนเวีย พร้อมทั้งพระราชรัตนรังษี เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินารา ในอินเดีย และการบินไทย จะร่วมเป็นเจ้าภาพในการถวายพระไตรปิฎก ฉบับสากล อักษรโรมัน ให้กับหอสมุดแห่งชาติรัสเซีย เพื่อเป็นการย้อนรำลึกถึงครั้งที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานพระไตรปิฎก ฉบับจุลจอมเกล้าบรมธัมมิกมหาราช ให้กับพระเจ้า ซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย” พระดร.ชาตรีกล่าว และคาดว่ากว่าจะลงมือก่อสร้างได้ต้องใช้เวลากว่า 3 ปี
นอกจากนี้ พระ ดร.ชาตรี ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้วัดอภิธรรมพุทธวิหารเซนต ์ ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งกลุ่มศึกษาและปฏิบัติ ธรรม จากกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมเป็น เจ้าภาพในการสร้าง โดยการซื้อบ้านเก่าหลังหนึ่งในรัสเซีย เพื่อดัดแปลงเป็นวัดร่วม 4 ปีมาแล้วนั้น กำลังประสบปัญหาหลังคารั่วมาก
“บ้านหลังนี้สร้างมาประมาณ 12 ปีแล้ว ตอนนี้หลังคารั่วมาก คือมันเป็นหลังคา แบบฝรั่ง ต้องทำหลังคาใหม่ ประเมินราคา ค่าซ่อมแซมเบื้องต้นเกือบหนึ่งล้านบาท แต่ทางวัดมีเงินเพียง 2 แสนบาทเท่านั้น คิดว่าจะเอาช่างจากกรมศิลปากร ไปทำราวปลายเดือนเมษายน”
และพระ ดร.ชาตรี ยังย้ำด้วยว่า ทุกปีมีชาวรัสเซียที่สนใจพระพุทธศาสนามาศึกษาปฏิบัติธรรมที่วัดอภิธรรมพุทธวิหารเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับพุทธศาสนิกชนท่านใด ประสงค์จะมีส่วนร่วมในการบริจาคเงิน เพื่อบูรณะหลังคาวัดอภิธรรมพุทธวิหารเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ติดต่อได้ที่คุณปรียาลักษณ์ โทณวณิก โทร. 08-5135-1057

พุทธคยาเร่งฟื้นสุขภาพต้นโพธิ์ตรัสรู้
• อินเดีย : คณะกรรมการบริหารจัดการวัดพุทธคยาได้ตัดสินใจที่จะดำเนินการตามข้อแนะนำของสถาบันวิจัยป่าไม้ Dehradun ในการดูแลต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์
ทั้งนี้เนื่องจากการที่มีพุทธศาสนิกชนเพิ่มมากขึ้นมาแสวงบุญที่ต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เกิดความกดมหาศาลไปยังพื้นกระเบื้องดินเผาที่มีรูพรุน ซึ่งเป็นจุดเดียวที่รากของต้นโพธิ์ใช้หายใจ โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเปิดพื้นกระเบื้องดินเผาบริเวณ 2 ข้างของต้นโพธิ์ ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นไปด้วยความระมัด ระวัง
มหัศเวทา มหาราติ สมาชิกคนหนึ่งในคณะกรรมการบริหารจัดการวัดพุทธคยา เปิดเผยว่า การนำแผ่นไม้มาวางยกพื้นให้ สูงกว่าพื้นที่ที่ขุดจะช่วยไม่ให้เกิดอุปสรรคในกิจกรรมทางศาสนา ขณะเดียวกันก็ดีกับ ต้นโพธิ์ที่จะได้มีช่องว่างในการหายใจ
สถาบันวิจัยป่าไม้ยังให้คำแนะนำด้วย ว่าการใช้หินทรายที่มีรูพรุนมาวางแทนที่หินอ่อนซึ่งเป็นทางเดินรอบวัดนั้นจะช่วยให้สุขภาพของต้นโพธิ์ดีขึ้นอีกชั้นหนึ่งด้วย และขณะนี้สถาบันวิจัยป่าไม้กำลังใช้วิธีการ ทางเคมีในการรักษาและดูแลต้นโพธิ์
นอกจากนี้ บริเวณพื้นที่ที่จัดทำพุทธประวัตินั้น จะจัดทำเป็นศูนย์วิปัสสนาของวัดพุทธคยาในเร็วๆนี้ รวมทั้งการจัดการเรื่องแสงสว่างทั้งภายในและโดยรอบวัดให้สบายตาแก่ผู้มาแสวงบุญ
(จาก The times of india)

จัดประชุมยุวพุทธสงฆ์โลกครั้งแรกในตะวันตก
• ออสเตรเลีย : นางลิซา ซิงห์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการตรวจสอบและคุ้มครองผู้บริโภค และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสวัสดิภาพในที่ทำงาน ได้ต้อนรับผู้แทนที่เข้าร่วมประชุมยุวพุทธสงฆ์โลก ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้น 2 วัน ระหว่างวันที่ 5-6 ธันวาคม 2008 ที่เมืองโฮบาร์ต เมืองหลวงของรัฐแทสเมเนีย ประเทศออสเตรเลีย โดยการประชุมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 42 ประเทศ ภายใต้หัวข้อ “พุทธศาสนาก้าวไกลไร้พรมแดน”
นับเป็นครั้งแรกของการประชุมยุวพุทธสงฆ์โลก ที่จัดขึ้นในประเทศของคริสเตียนในตะวันตก และเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกลุ่มคนรักสันติภาพที่มารวมตัวกันที่นี่ในรัฐแทสเมเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่เต็มไปด้วยความงามและเงียบสงบ
นางซิงห์กล่าวว่าสาระสำคัญของการ ประชุม คือ ความเป็นเอกภาพ ความสมานฉันท์ และการพัฒนา เป็นเรื่องที่รัฐบาลแทสเมเนียเห็นตรงกันว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นในแคว้นแทสเมเนีย
“รัฐบาลแทสเมเนียกำลังทำงานร่วมกับชุมชนและภาคธุรกิจ เพื่อช่วยขจัดอุปสรรคที่ขัดขวางมิให้ชาวแทสมาเนียเข้ามามีส่วนร่วมในชุมชนของเขา การจัดงานนี้เป็นการช่วยส่งเสริมความเป็นเอกภาพ การปฏิสัมพันธ์ของชุมชน ความอดทนอดกลั้น และมิตรภาพอันยั่งยืน เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้เห็นบรรดาผู้คนที่มีความมุ่งมั่นมารวมตัวกัน เพื่อช่วยกันเผยแพร่ความสำคัญเรื่องสันติภาพ ความสมานฉันท์ และข้อ ตกลงร่วมกันไปสู่ชาวโลก
(จาก The Buddhist Channel)

เตรียมตั้งศูนย์วิจัยทางพุทธศาสนาในสิงคโปร์
• สิงคโปร์ : ในปี 2009 นี้ นักวิชาการด้านพุทธศาสนาจะมีแหล่งศึกษาค้นคว้าที่ดีเยี่ยม โดยเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา สถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ศึกษาแห่งสิงคโปร์ ได้รับเงินสนับสนุน1 ล้านเหรียญสิงคโปร์ จากสมาคมชาวพุทธสิงคโปร์ เพื่อจัดตั้งศูนย์วิจัยศึกษาพุทธศาสนา
ศูนย์วิจัยนี้เป็นศูนย์วิจัยแห่งแรกในสิงคโปร์ที่จะขยายขอบข่ายงานวิจัยด้านพุทธศาสนาในทวีปเอเซีย โดยจ้างนักวิชาการจากต่างแดน การจัดประชุมสัมมนา และเพิ่มตำราเกี่ยวกับพุทธศาสนาให้มากขึ้น
นายเค เคสวาพานี ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสิงคโปร์ กล่าวถึงความจำเป็นที่ต้องกลับ ไปสู่แก่นแท้ของพุทธศาสนา ว่าเป็นเรื่อง ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีกลุ่มคนหัวรุนแรงทางศาสนา
“พุทธศาสนาซึ่งสอนเรื่องสันติภาพ ความอดทนอดกลั้น ความสมานฉันท์ และความเป็นเอกภาพ เป็นเครื่องป้องกันอย่าง หนึ่งที่ใช้ต่อต้านการแบ่งแยก”
ส่วนผู้ที่จะเข้ามาดูแลศูนย์แห่งใหม่นี้ คือ ดร.ทันเซน เซน ศาสตราจารย์จากนิวยอร์ก ซึ่งผลงานการค้นคว้าวิจัยทางพุทธศาสนาของเขา เป็นที่ยอมรับกันในอเมริกา จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย เขาได้เขียน หนังสือและบทความมากมายเกี่ยวกับพุทธศาสนาและอิทธิพลของพุทธศาสนา ที่มีต่อสังคมเอเชีย
นอกจากการคัดเลือกหนังสือเข้าห้อง สมุดสาธารณะของศูนย์วิจัยและการจัดพิมพ์เอกสารงานวิจัยแล้ว ดร.เซนเตรียม ที่จะจัดประชุมนักวิชาการด้านพุทธศาสนากว่า 40 คนจากทั่วโลก เป็นเวลา 3 วันในเดือนกุมภาพันธ์ 2009
การประชุมดังกล่าวจะใช้งบประมาณ ราว 300,000 เหรียญสิงคโปร์ นายลี บ็อค กวน ประธานสมาคมชาวพุทธสิงคโปร์กล่าวว่า การประชุมนี้จะเปิดให้มีการแลก เปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับพุทธศาสนา ในระดับสากลอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
“นี่เป็นโอกาสทองสำหรับเราที่จะเรียนรู้ว่า พุทธศาสนาส่งผลต่อประเทศอื่นๆอย่างไร และบรรดาผู้ศรัทธาเลื่อมใส ในประเทศเหล่านั้นทำอะไรบ้าง เพื่อปลูก ฝังความเข้าใจในเรื่องเกี่ยวกับศาสนา” นายลีกล่าว
(จาก The Straits Times)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 98 ม.ค. 52 โดยเภตรา)
กำลังโหลดความคิดเห็น