xs
xsm
sm
md
lg

ห้องสนทนา : เกียรติสูงสุดในชีวิต ของ พ.อ.ชลัช แจ่มใส

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การถวายความปลอดภัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ถือเป็นหน้าที่อันสำคัญสูงสุด เพราะทุกพระองค์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยอย่างใหญ่หลวง ดังนั้นผู้ที่มาปฏิบัติหน้าที่นี้จะต้องมีความรับผิดชอบ และเสียสละทุกวินาที พร้อมยอมพลีถวายชีวิต พิทักษ์และปกป้องสถาบันกษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งชาติไว้ยิ่งชีพ
พ.อ.ชลัช แจ่มใส เป็นอีกหนึ่งคนที่มีโอกาสได้รับเกียรติสูงสุดในชีวิต ให้มาทำหน้าที่อันใหญ่หลวง ด้วยการ เป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เพื่อคอยถวายความปลอดภัย แด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ
หนุ่มใหญ่ในวัย 40 ต้นๆคนนี้ ทุกวันนี้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ฯ ซึ่งมีหน้าที่ในการถวายความจงรักภักดี ถวายพระเกียรติ และถวายความปลอดภัย แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ

• ผู้พันมีโอกาสได้เข้ามาถวายงานเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ได้อย่างไรคะ
หลังจากที่ผมจบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จ.ป.ร.) เมื่อปี ๒๕๓๓ ผมก็มาเข้ารับราชการทหารอยู่ที่ ร.๑๕ พัน ๑ ที่อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ จนเมื่อประมาณปี ๒๕๓๖ สุขภาพของคุณแม่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก ผมก็เลยมีความคิดที่จะขอย้ายมารับราชการที่กรุงเทพฯ เพราะจะได้มีเวลามาดูแลท่าน และในขณะนั้นทาง ร.๑ พัน ๔ รอ. ซึ่งมี พลเอกอานนท์ ยังพัธนา ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันอยู่ในขณะนั้น มีความต้องการนายทหารหลักที่จบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จ.ป.ร.) ให้มาปฏิบัติงานถวายความปลอดภัยและถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ซึ่งเป็นภารกิจหลักของ ร.๑ พัน. ๔ รอ. ผมจึงมาพบท่านเพื่อขอย้ายมารับราชการที่นี้ และอยู่ปฎิบัติหน้าที่มาจน ถึงทุกวันนี้ครับ

• จบ จปร.รุ่นไหนคะ
เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผมก็สอบเข้าโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ ๒๖ และ เข้าเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) รุ่นที่ ๓๗

• เคยคิดมาก่อนไหมคะว่าจะมาเป็นทหารมหาดเล็ก รักษาพระองค์
ผมไม่เคยคิดมาก่อนเหมือนกันนะครับว่าตัวเองจะได้มีโอกาสมาเป็นทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ เพราะก่อนที่จะเรียนจบหลักสูตรโรงเรียนนายร้อยฯ เพื่อมาเป็นนายทหารใหม่ จะต้องมีการเลือกเหล่าเพื่อเข้ารับราชการ ตอนนั้นผมมีความรู้สึกว่าอยากทำงานในหน่วยที่ มีโอกาสปฎิบัติราชการสนามชายแดนมากกว่า เพราะว่าตอนเป็นเด็กชอบเล่นปืนผาหน้าไม้ เพราะฉะนั้นจึงชอบอะไรที่มันลุยๆ แต่ในช่วงที่เป็นนักเรียนนายร้อยนะครับผมเคยนั่งรถผ่านกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ ซึ่งทุกครั้งที่ผ่าน ผมก็จะมองเข้ามาและมีความรู้สึกว่าเป็นหน่วยทหารที่สง่างาม น่าอยู่ น่าทำงานเหมือนกัน และสุดท้ายผมก็มีโอกาสได้มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้และได้มีโอกาสปฏิบัติหน้าที่อันสำคัญนี้

• ก่อนปฏิบัติหน้าที่ถวายการ อารักขาจะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
ทุกครั้งก่อนที่จะมีการปฏิบัติหน้าที่ถวายการอารักขา พวกเราทุกคนจะต้องมีการเตรียมตัวในเรื่องของหมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน หรือพระราชกรณียกิจ ที่พระองค์ท่านจะเสด็จพระราชดำเนิน รวมถึงทำความเข้าใจภารกิจและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติ จากนั้นจึงเป็นเรื่องของการพิจารณากำลังพลในการทำงานว่าควรวางกำลังคนเท่าไรในการเสด็จหนึ่งครั้ง และก่อนออกปฏิบัติภารกิจทุกครั้ง จะมีการซักซ้อมอธิบายแผนให้ผู้ปฏิิบัติงาน ทุกคนทราบรายละเอียดทุกขั้นตอน และมีการซักซ้อมแผนเมื่อมีการเผชิญเหตุต่างๆ ซึ่งเราต้องทำการชี้แจงถึงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ ดังนั้นทุกครั้งก่อนที่จะมีการถวายการอารักขา เราจะต้องมีการไปตรวจสภาพพื้นที่จริงก่อนเสมอ จากนั้นจึงมาเตรียมในเรื่องของยุทโธปกรณ์ต่างๆ ตลอดจนยานพาหนะ
คือต้องมีความพร้อมในทุกเรื่อง ซึ่งการปฏิบัติงานของ ร.๑ พัน.๔ รอ. นั้น จะมีการฝึกทบทวนงานในหน้าทีี่ อยู่ตลอดเวลา เพราะยิ่งมีการฝึกทบทวนมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปฏิิบัติงานได้เป็นอย่างดี เพราะการถวายความปลอดภัย และถวายพระเกียรตินั้นต้องไม่มีคำว่า“ผิดพลาด” ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการปฎิบัติงานของ ร.๑ พัน.๔ รอ. ครับ เพราะเราไม่สามารถ กลับมาแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้อีก

• ภารกิจแรกที่ผู้พันมีโอกาสได้ถวายงานในหลวงคืออะไรคะ
ครั้งแรกที่ผมมีโอกาสได้ถวายงานพระองค์ท่าน คือ การได้เป็นผู้บังคับแถวทหารรับเสด็จและส่งเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีวันฉัตรมงคล ที่พระบรมมหาราชวัง

• ขณะนั้นดำรงตำแหน่งอะไรคะ
ขณะนั้นผมดำรงตำแหน่งทำการแทนผู้บังคับกองร้อย ปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ ๔ กรมทหารราบที่๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ครับ

• ความรู้สึกแรกที่มีโอกาสได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ความรู้สึกของผมในขณะนั้นตื่นเต้นมาก เรื่องที่ผมเป็นห่วงคือเรื่องการทำงาน เราทำสนองงานใต้เบื้องพระยุคลบาทอย่างใกล้ชิด แต่ในช่วงแรกเราไม่รู้ว่าธรรมเนียม ประเพณีในการเฝ้าฯนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก มาก รวมทั้งการรับสั่งของพระองค์ท่าน เมื่อทรงรับสั่งมาเราจะต้องทำอย่างไร และจะทำอย่างไรเพื่อให้พระองค์ท่านเกิดความพอพระราชหฤทัยในเรื่องของการทำงาน แต่ ก็หลักๆแล้วนะครับเราจะต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดในช่วงแรกก็รู้สึกเครียดกับงานบ้าง เพราะเรายังใหม่กับการทำงาน แต่เมื่อทำไปเราก็จะเห็นว่าพระองค์ท่านมี พระพักตร์ที่ยิ้มแย้มอยู่ตลอดเวลา เวลาที่หันพระพักตร์มาเจอทหารก็จะทรงแย้มพระสรวลให้ เราจึงคลายความกังวลในการปฏิิิบัติงาน และส่วนตัวผมเองมีความโชคดีอีกอย่างคือมีโอกาสได้รู้จักกับพล.อ.อานนท์ ยังพัธนา ซี่งท่านเป็นคนเก่งและท่านก็จะคอยอธิบายให้ลูกน้องฟังและสอนลูกน้องเวลาปฏิบัติงาน เราจึงปรับตัวได้มากขึ้น

• แล้วตอนนี้ผู้พันยังตื่นเต้นอยู่หรือเปล่า
สำหรับผมนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกครั้งแรก หรือความรู้สึกในตอนนี้ คงไม่แตกต่างกันนัก เพราะทุกครั้งที่ได้มีโอกาสถวายงานพระองค์ท่าน ผมรู้สึกภาคภูมิ ใจเสมอ และผมเชื่อว่าทหารทุกคนทุกเหล่าก็รู้สึกเช่นนั้น เพราะการได้ถวายงานรับใช้ ถวายความปลอดภัย คือ หน้าที่ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ของทหารทุกคนที่จะต้องพิทักษ์และรักษาสถาบันชาติและกษัตริย์ไว้ยิ่งชีพ

• อยากให้ผู้พันเล่าภาพการทรงงานของในหลวงให้ฟังหน่อยค่ะว่าพระองค์ท่านมีวิธีการทรงงานอย่างไร
ผมว่าภาพที่เห็นพระองค์ท่านทรงงาน เป็นภาพที่คุ้นตาพวกเรามาตลอดที่พระองค์ท่านทรงครองราชย์นะครับ และก็อย่างที่ทราบกันถึงวิธีการทรงงานของพระองค์ท่าน ว่าทรงเป็นผู้ที่สนพระทัยและศึกษาข้อมูลต่างๆอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเสด็จไปทรงงานพื้นที่ใดก็ตาม
ทุกครั้งก่อนที่พระองค์ท่านจะลงพื้นที่ปฏิบัติงาน พระองค์จะทรงทำการบ้านมาก่อนทุกครั้ง รวมทั้งคณะทีมงานที่ทำงานถวายท่านต้องทำการบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ หรือใครก็ตาม เพราะพอพระองค์ท่านมีรับสั่งถามอะไรทุกคนก็ต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะฉะนั้น ผู้ถวายงานทุกคนจะต้องทำการบ้าน โดยเฉพาะทุกครั้งที่พระองค์จะออกทรงงานในพื้นที่ต่างๆ จะมีรับสั่งให้ผู้ที่ถวายงานส่งข้อมูลมาให้ท่านทอดพระเนตรก่อน

• ทุกครั้งที่มีโอกาสได้เห็นในหลวงทรงงาน รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
พอมาทำงานตรงนี้รู้สึกว่ามันเป็นโอกาสดีที่เรามีโอกาสได้มาเห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงงาน เพราะผมมีความรู้สึกว่าคนรุ่นหลังไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือเยาวชนคงไม่ทราบหรอกว่าพระองค์ทรงงานเหนื่อยขนาดไหน หลายคนเห็นภาพการทรงงานของพระองค์ท่านทาง โทรทัศน์ ก็ว่าท่านทรงงานหนักแล้ว แต่ภาพจริงๆที่ผมมีโอกาสได้เห็นนั้นพระองค์ ทรงงานหนักว่านั้นอีกหลายเท่า เพราะสิ่งที่พระองค์ท่านไปทรงงานนั้น ทรงทำเพื่อประชาชนจริงๆ เพราะการที่เราทำหน้าที่เป็นมหาดเล็กรักษาพระองค์ในทุกวันนี้ยังไม่หนักเท่ากับที่ในหลวงท่านทรงงานเลยแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นทำไมเราถึงจะทนกับความเหนื่อยเพียงเท่านี้ไม่ได้ล่ะครับ
ผมคิดว่าการที่เรามีโอกาสได้เห็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนั้นเป็นการสร้างความผูกพันเกี่ยวกับสถาบันมากกว่า แต่ในทุกวันนี้ผมคิดว่ามันน่าเสียดายตรงที่ว่าเด็กรุ่นหลังจะไม่ค่อยเห็นหรอกว่าพระองค์ท่านออกไปทรงงานยังท้องที่ทุรกันดารอย่างไร ทุกวันนี้คนเห็นพระองค์ทรงงานผ่านแค่ทางหน้าจอโทรทัศน์เท่านั้น แต่พอเรามีโอกาสได้เห็นการทรงงานของจริงก็รู้สึกดี และทำให้เรารู้ว่าพระองค์ท่านทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายเป็นอย่างมาก
ส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าคนไทยทุกคนโชคดีที่เกิดมาภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยพระปรีชา และพระเมตตา พระองค์ทรงห่วงใยพสกนิกรของพระองค์เสมอ ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรงมีโครงการพระราชดำริ หลายๆ โครงการที่ทรงก่อตั้งขึ้นมาเพื่อที่จะช่วยแก้ปัญหา ความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างแท้จริง และยังทรงพระราชทานแนวทางมาให้กับพสกนิกรชาวไทยอย่างมากมาย เพื่อให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสให้พสกนิกรนำไปเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้เกิดความเพียงพอในชีวิต

• จากการที่ถวายการอารักขามา 10 กว่าปี มีเหตุการณ์ ไหนคะที่รู้สึกประทับใจมากที่สุด
อย่างที่บอกมาตั้งแต่ต้นนะครับ ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกครั้งแรก หรือจนถึงทุกวันนี้การที่ได้ถวายงานรับใช้ พระองค์ท่านทุกเหตุการณ์ คือความประทับใจ ความภาคภูมิใจของผมเสมอ

• รู้สึกอย่างไรคะที่มีโอกาสได้ถวายงานอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาส ได้ถวายงานสำคัญแบบนี้
จริงๆ แล้วทหารทุกคนไม่ใช่ไม่มีโอกาสถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนะครับ เพราะทหารทุกคนทุกเหล่า ที่รับราชการในกองทัพบก ก็คือทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การทำงานของเราทำด้วยความสำนึกในหน้าที่ ด้วยความซื่อสัตย์ ด้วยความจงรักภักดีต่อชาติและราชบัลลังก์ ซึ่งโอกาส การได้ถวายงานพระองค์ท่านนั้นทหารทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพียงแต่ตัวผมเองได้มีโอกาสมารับราชการในหน่วยงานที่มีภารกิจโดยเฉพาะให้ทำหน้าที่ถวายความปลอดภัย และถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผมจึงมีโอกาสได้ถวายงานด้านการ อารักขาและการถวายพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ

• ผู้พันได้น้อมนำพระราชจริยวัตรของพระองค์ท่านมาเป็นแบบอย่างและแนวทางในการทำงาน และการ ดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไรบ้าง
ในเรื่องของการทำงานนั้นนะครับ สิ่งที่ผมนำพระราชจริยวัตรของพระองค์ท่านมาใช้เป็นแบบอย่างและยึดเป็นแนวทาง คือ เรื่องของความละเอียดรอบคอบในการทำงาน หรือภารกิจที่ได้รับ ต้องมีข้อมูล หรือความรู้ในสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่การพูดไปเรื่อยๆ อย่างไร้ข้อมูล รวมไปถึงการให้ความยุติธรรมกับลูกน้องทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
ส่วนการดำเนินชีวิตนั้นเป็นเรื่องของความกตัญญูและความพอเพียงครับ คือไม่ฟุ้งเฟ้อและอยากมีอยากได้ ในสิ่งที่อยู่ไกลตัว เพราะการที่เรามีความยากก็จะทำให้มีความโลภอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งมันเป็นบ่อเกิดของกิเลสให้เราทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม

• สุดท้ายนี้ ในฐานะที่เป็นพสกนิกรชาวไทยคนหนึ่งจะแนะนำเพื่อนร่วมชาติร่วมกันทำความดีถวาย ‘ในหลวง’ ผู้ทรงเป็นพ่อของแผ่นดิน อย่างไร
พระองค์ท่านทรงเป็นพ่อของแผ่นดินที่ทรงงานหนักมากๆ ครับ เรียกว่าตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์เลยทีเดียว และพระราชดำรัส หรือคำสอนที่พระองค์ท่านพระราชทานมาให้พวกเราซึ่งเปรียบเสมือนเป็นลูกของพระองค์ หากทุกคนสนใจและทำความเข้าใจอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี
การร่วมกันทำความดีถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นั้น จริงๆ ไม่ใช่แค่การจัดกิจกรรมหรืองานต่างๆ แล้วบอกว่าทำดีถวายในหลวงกันแล้ว ผมว่าเพียงแค่ทุกคนรู้จักหน้าที่ แล้วนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่านไปปฏิิบัติอย่างถูกต้อง ก็ถือว่าเป็นการทำความดีถวายพระองค์ ท่านแล้วครับ

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 97 ธ.ค. 51 โดยพิจิกา)
กำลังโหลดความคิดเห็น