เดือนนี้ ยังอยู่ในเทศกาลกินเจกันค่ะ และอาหารเจส่วนใหญ่ที่เห็นจะมี “เห็ดหอม” เป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น เพราะฉะนั้นเพื่อให้เข้าบรรยากาศ “ป้าบัว” เลยขอนำเรื่องเกี่ยวกับเห็ดหอมมาฝากกันค่ะ
เห็ดหอมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lentinus edodes ภาษาจีนเรียกว่า “เฮียง คุ่ง” หรือ “เฮียงสิ่ง” ส่วนญี่ปุ่นเรียกเห็ดหอมว่า ชิตาเกะ( Shii-ta-ke) ชาวเอเชียเชื่อกันมาแต่โบราณแล้วว่าเห็ดหอมเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยชะลอความชราได้ คนจีนและคนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานกันมาก
ย้อนไปในในศตวรรษที่ 14 มีบันทึกไว้ ว่าแพทย์จีนใช้เห็ดหอมปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้เลือดลมดี รักษาโรคหวัด โรคหัวใจ แก้พิษงู และต้านการเติบโตของ เนื้อร้าย
ต่อมาใน ค.ศ.1970 มีงานวิจัยหลายชิ้น ในญี่ปุ่นพบว่าเห็ดหอมมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า อิริตาดีนีน (eritadenine) ช่วยให้ไต ย่อยโคเลสเตอรอลได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ระดับ โคเลสเตอรอลในเลือดลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีสารเลนติแนน (lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ยับยั้ง หรือป้องกันการเติบโตของเซลล์เนื้องอกต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
สอดคล้องกับที่สถาบันทางโภชนาการของญี่ปุ่นได้ทำการทดลองในเรื่องนี้และพบว่า หญิงสาวที่ทานเห็ดหอมสด 90 กรัม ทุกวันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ จะทำให้โคเลสเตอรอล ในเลือดลดลง 12% ถ้ารับประทานเป็นเห็ดหอมแห้ง 9 กรัมต่อวัน โคเลสเตอรอล ลดลง 7% เมื่อทดลองกับคนอายุ 60 ปี พบ ว่า โคเลสเตอรอลลดลง 9% หลังจากทานเห็ดหอม 1 อาทิตย์
ขณะที่นักวิจัยสมัยใหม่ซึ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหอม ก็พบว่าเห็ดหอมช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้านโรคมะเร็งและโรคร้ายต่างๆ จากเชื้อไวรัส และจากการวิเคราะห์ของนักโภชนาการ ยังพบด้วยว่าเห็ดหอมมีสารเออร์โกสเทอรอล (Ergosterol) อยู่มาก โดยเมื่อร่างกายได้รับแสงอัลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ กลไกรังสียูวีจะไปเปลี่ยนสารเออร์โกสเทอรอลในผิวหนังให้เป็นวิตามิน ดี ซึ่งจะช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกผุ โรคโลหิตจางได้
ส่วนที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติของญี่ปุ่น ก็ได้ทำการวิจัยสารที่สกัดจากเห็ดหอม พบว่ามีสารที่สามารถต่อต้านเนื้องอกและมะเร็ง คือสารเลนติแนน ที่มีเปอร์เซ็นต์การ ยับยั้ง 80.7% และยังพิสูจน์ว่า สารเลนติแนน เป็นตัวที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทานได้ดี
ได้มีการทดลองนำเห็ดหอมมาสกัด พบว่าในเห็ดหอมให้น้ำตาลโมเลกุลขนาดใหญ่ (mega-sugar) ที่เรียกว่า เบต้า-กลูแคนส์ (beta-glucans) ถึง 2 ชนิด ได้แก่ เลนติแนน และ LEM (Lentinula edodes mycelium) ซึ่งช่วยทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับการติดเชื้อ และชะลอการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ซึ่งในการทดลองให้สารเลนติแนนกับผู้ป่วยมะเร็งร่วมกับการทำเคมีบำบัดก็พบว่า ก้อนมะเร็งมีขนาดลดลง และอาการข้าง เคียงจากการทำเคมีบำบัดก็เกิดขึ้นน้อยลง ด้วย
ล่าสุดทีมวิจัยในญี่ปุ่นกำลังมองหา ความเป็นไปได้ในการใช้ LEM ที่ได้จากเห็ดหอมมาบำบัดผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และยังพบอีกว่า สารสกัดจากเห็ดหอมอีกตัวหนึ่ง ชื่อ อิริตาดีนีน (eritadenine) เป็นตัวช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด และระดับโคเลสเตอรอลให้กับร่างกาย
นอกจากนี้ เห็ดหอมยังมีวิตามินหลาย ชนิด เช่นวิตามิน B1 (thiamine) วิตามิน B2 (riboflavin) และวิตามิน D มากเป็น พิเศษ รวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกายอีกมากมาย
โดยสรุปแล้วเห็ดหอมไม่เพียงแต่่มีรส ชาติหวานหอมชวนรับประทานเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณมากมายในทางเป็นยารักษา และป้องกันโรคสารพัด ทั้งจากโรคต่างๆ ที่ กล่าวมาแล้ว รวมถึงเป็นยาบำรุงกำลังชั้น เยี่ยม แก้อาการเหนื่อยอ่อนเพลีย บรรเทาอาการไข้หวัด ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ขึ้น ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ไม่มีอาการท้องผูก บรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยรักษาโรคหอบหืด ความดัน ไอ ลดความเครียด บำรุงสมอง ป้องกันหลอด เลือดแดงแข็งตัว บำรุงระบบประสาท ช่วยให้หลับง่าย บำรุงปอด และหลอดลม นอกจากนี้ ยังใช้บำบัดอาการวิงเวียน ศีรษะในผู้หญิงได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อห้ามเล็กน้อยใน เรื่องการรับประทานเห็ดหอม คือสตรีหลัง คลอด ผู้ป่วยหลังฟื้นไข้ และคนที่เพิ่งหาย จากการออกหัด ห้ามรับประทาน
อ้อ..ผลการวิจัยทั้งหลายนั้นบอกด้วยว่า เห็ดหอมตากแห้งจะให้คุณค่าทางอาหารมากกว่าเห็ดหอมสด และเห็ดหอมแห้งที่ดี ควรมีดอกขนาดใหญ่ แห้งสนิท บนดอกมีร่องแตกสีขาวดำ และขอบไม่แข็ง
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่คนไทยก็ยังรับประทานเห็ดหอมกันน้อย เนื่องจากเห็ด หอมมีราคาแพง เพราะต้องสั่งมาจากต่างประเทศ
เอาอย่างนี้ดีไหมคะ... ลองหันมาลดกินเนื้อสัตว์ราคาแพง หรืออาหารที่ไม่ก่อ ประโยชน์ให้กับร่างกาย เก็บตังค์ไปซื้อเห็ดหอมมากิน ได้ประโยชน์กว่ากันเยอะเลยค่ะ
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 95 ต.ค. 51 โดยป้าบัว)
เห็ดหอมมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Lentinus edodes ภาษาจีนเรียกว่า “เฮียง คุ่ง” หรือ “เฮียงสิ่ง” ส่วนญี่ปุ่นเรียกเห็ดหอมว่า ชิตาเกะ( Shii-ta-ke) ชาวเอเชียเชื่อกันมาแต่โบราณแล้วว่าเห็ดหอมเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยชะลอความชราได้ คนจีนและคนญี่ปุ่นจึงนิยมรับประทานกันมาก
ย้อนไปในในศตวรรษที่ 14 มีบันทึกไว้ ว่าแพทย์จีนใช้เห็ดหอมปรุงเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้เลือดลมดี รักษาโรคหวัด โรคหัวใจ แก้พิษงู และต้านการเติบโตของ เนื้อร้าย
ต่อมาใน ค.ศ.1970 มีงานวิจัยหลายชิ้น ในญี่ปุ่นพบว่าเห็ดหอมมีกรดอะมิโนที่ชื่อว่า อิริตาดีนีน (eritadenine) ช่วยให้ไต ย่อยโคเลสเตอรอลได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ระดับ โคเลสเตอรอลในเลือดลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ และมีสารเลนติแนน (lentinan) ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ระบบภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพในการต่อสู้ยับยั้ง หรือป้องกันการเติบโตของเซลล์เนื้องอกต่างๆ ได้ดีอีกด้วย
สอดคล้องกับที่สถาบันทางโภชนาการของญี่ปุ่นได้ทำการทดลองในเรื่องนี้และพบว่า หญิงสาวที่ทานเห็ดหอมสด 90 กรัม ทุกวันเป็นเวลา 1 อาทิตย์ จะทำให้โคเลสเตอรอล ในเลือดลดลง 12% ถ้ารับประทานเป็นเห็ดหอมแห้ง 9 กรัมต่อวัน โคเลสเตอรอล ลดลง 7% เมื่อทดลองกับคนอายุ 60 ปี พบ ว่า โคเลสเตอรอลลดลง 9% หลังจากทานเห็ดหอม 1 อาทิตย์
ขณะที่นักวิจัยสมัยใหม่ซึ่งได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหอม ก็พบว่าเห็ดหอมช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้านโรคมะเร็งและโรคร้ายต่างๆ จากเชื้อไวรัส และจากการวิเคราะห์ของนักโภชนาการ ยังพบด้วยว่าเห็ดหอมมีสารเออร์โกสเทอรอล (Ergosterol) อยู่มาก โดยเมื่อร่างกายได้รับแสงอัลตร้าไวโอเลตหรือรังสียูวีจากดวงอาทิตย์ กลไกรังสียูวีจะไปเปลี่ยนสารเออร์โกสเทอรอลในผิวหนังให้เป็นวิตามิน ดี ซึ่งจะช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกผุ โรคโลหิตจางได้
ส่วนที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติของญี่ปุ่น ก็ได้ทำการวิจัยสารที่สกัดจากเห็ดหอม พบว่ามีสารที่สามารถต่อต้านเนื้องอกและมะเร็ง คือสารเลนติแนน ที่มีเปอร์เซ็นต์การ ยับยั้ง 80.7% และยังพิสูจน์ว่า สารเลนติแนน เป็นตัวที่สามารถกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภูมิต้านทานได้ดี
ได้มีการทดลองนำเห็ดหอมมาสกัด พบว่าในเห็ดหอมให้น้ำตาลโมเลกุลขนาดใหญ่ (mega-sugar) ที่เรียกว่า เบต้า-กลูแคนส์ (beta-glucans) ถึง 2 ชนิด ได้แก่ เลนติแนน และ LEM (Lentinula edodes mycelium) ซึ่งช่วยทำหน้าที่กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับการติดเชื้อ และชะลอการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ซึ่งในการทดลองให้สารเลนติแนนกับผู้ป่วยมะเร็งร่วมกับการทำเคมีบำบัดก็พบว่า ก้อนมะเร็งมีขนาดลดลง และอาการข้าง เคียงจากการทำเคมีบำบัดก็เกิดขึ้นน้อยลง ด้วย
ล่าสุดทีมวิจัยในญี่ปุ่นกำลังมองหา ความเป็นไปได้ในการใช้ LEM ที่ได้จากเห็ดหอมมาบำบัดผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี (HIV) และยังพบอีกว่า สารสกัดจากเห็ดหอมอีกตัวหนึ่ง ชื่อ อิริตาดีนีน (eritadenine) เป็นตัวช่วยลดปริมาณไขมันในเลือด และระดับโคเลสเตอรอลให้กับร่างกาย
นอกจากนี้ เห็ดหอมยังมีวิตามินหลาย ชนิด เช่นวิตามิน B1 (thiamine) วิตามิน B2 (riboflavin) และวิตามิน D มากเป็น พิเศษ รวมทั้งแร่ธาตุอื่นๆ ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกายอีกมากมาย
โดยสรุปแล้วเห็ดหอมไม่เพียงแต่่มีรส ชาติหวานหอมชวนรับประทานเท่านั้น แต่ยังมีสรรพคุณมากมายในทางเป็นยารักษา และป้องกันโรคสารพัด ทั้งจากโรคต่างๆ ที่ กล่าวมาแล้ว รวมถึงเป็นยาบำรุงกำลังชั้น เยี่ยม แก้อาการเหนื่อยอ่อนเพลีย บรรเทาอาการไข้หวัด ทำให้เลือดลมไหลเวียนดี ขึ้น ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ไม่มีอาการท้องผูก บรรเทาอาการปวดเมื่อย ช่วยรักษาโรคหอบหืด ความดัน ไอ ลดความเครียด บำรุงสมอง ป้องกันหลอด เลือดแดงแข็งตัว บำรุงระบบประสาท ช่วยให้หลับง่าย บำรุงปอด และหลอดลม นอกจากนี้ ยังใช้บำบัดอาการวิงเวียน ศีรษะในผู้หญิงได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อห้ามเล็กน้อยใน เรื่องการรับประทานเห็ดหอม คือสตรีหลัง คลอด ผู้ป่วยหลังฟื้นไข้ และคนที่เพิ่งหาย จากการออกหัด ห้ามรับประทาน
อ้อ..ผลการวิจัยทั้งหลายนั้นบอกด้วยว่า เห็ดหอมตากแห้งจะให้คุณค่าทางอาหารมากกว่าเห็ดหอมสด และเห็ดหอมแห้งที่ดี ควรมีดอกขนาดใหญ่ แห้งสนิท บนดอกมีร่องแตกสีขาวดำ และขอบไม่แข็ง
แม้จะมีข้อดีมากมาย แต่คนไทยก็ยังรับประทานเห็ดหอมกันน้อย เนื่องจากเห็ด หอมมีราคาแพง เพราะต้องสั่งมาจากต่างประเทศ
เอาอย่างนี้ดีไหมคะ... ลองหันมาลดกินเนื้อสัตว์ราคาแพง หรืออาหารที่ไม่ก่อ ประโยชน์ให้กับร่างกาย เก็บตังค์ไปซื้อเห็ดหอมมากิน ได้ประโยชน์กว่ากันเยอะเลยค่ะ
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 95 ต.ค. 51 โดยป้าบัว)