หมาป่าอันธพาลตัวหนึ่งถูกไล่ออกจากฝูงมาหลายวันแล้ว และมันกำลังหิวโหยมาก ตกดึกจึงแอบเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อขโมยกินไก่ที่ชาวบ้านเลี้ยง ไว้ แต่เมื่อหมาที่เฝ้าบ้านอยู่เห็นเจ้าหมาป่าเข้ามา จึงเห่าเสียงดัง ทำให้เจ้าของบ้าน สะดุ้งตื่น หมาป่าจึงต้องรีบหนีไป แต่หมาป่าก็ไม่ละความพยายาม มันเข้ามาที่บ้านนี้อีกครั้ง และก่อนที่หมาเฝ้าบ้านจะเห่าขึ้นมา เจ้าหมาป่าจึงรีบร้องขึ้นว่า
“เดี๋ยวก่อน สหาย..เจ้าอย่าเพิ่งร้องเอะอะไป มาร่วมมือกับข้าดีกว่า ถ้าเจ้าอยู่เงียบๆ ปล่อยให้ข้าเข้าไปจับไก่ในเล้ามากินง่ายๆ ข้าก็จะแบ่งไก่ให้เจ้ากินด้วย ดีไหมล่ะ”
เมื่อหมาบ้านได้ยินดังนั้น ก็คิดว่า น่าจะดี เพราะมันก็อยากกินไก่มานานแล้ว ทุกวันนี้ได้กินแค่กระดูกไก่ที่เจ้านายโยนให้เท่านั้น “แต่..ข้ากลัวเจ้านายจะรู้ว่าข้าร่วมมือกับเจ้า”
“ไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าก็แกล้งทำเป็นเห่าเมื่อเราทั้งคู่กินอิ่มแล้ว และข้าก็หนีไปแล้ว..ตกลงตามนี้นะ”
แล้วทั้งหมาป่าและหมาบ้านก็ร่วมมือกันจับไก่ในเล้ามากินทุกวัน จนเจ้าของบ้านเริ่มสงสัย คืนหนึ่งจึงแกล้งทำทีเป็นเข้านอนเหมือนเช่นเคย แต่ว่าคอยแอบดูอยู่บนบ้าน ไม่นานก็เห็นหมาป่าเดินเข้ามา โดยมีหมาบ้านเดินออกไปรับ และทั้งสองก็พากันเดินไปยังเล้าไก่ ลงมือจับไก่มาแบ่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้น เมื่อหมาป่าไปแล้ว หมาบ้านก็เริ่มส่งเสียงเห่า เจ้าของที่แอบดูอยู่เห็นเหตุการณ์ ทั้งหมด จึงแกล้งทำเป็นลุกขึ้นมาไล่หมาป่าเหมือนเดิม
รุ่งเช้า... เจ้าของบ้านได้นำอาหารมาให้หมาบ้านกิน และนำมันไปปล่อยยังหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป และบอกกับมันว่า “เมื่อเจ้าไม่ซื่อสัตย์ หันไปคบกับหมาป่า ขโมยกินไก่ ข้าก็ไม่เลี้ยงเจ้าอีกต่อไป”
ตกค่ำเมื่อหมาป่ามาถึงบ้าน แต่ก็ไม่เห็นหมาบ้านออกมารับเช่นทุกวัน มันจึง คิดว่า “ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้กินไก่คนเดียว”
แต่ยังไม่ทันที่หมาป่าจะเข้าไปจับไก่ มันก็ถูกเจ้าของบ้านล้อมจับไว้ได้ และนำมันใส่กรงขังไว้ เอาไปปล่อยในป่าลึก จนกระทั่งมันถูกเสือจับกินเป็นอาหาร ส่วนหมาบ้านที่ถูกนำไปปล่อย ก็กลายเป็นหมาจรจัด แถมเป็นขี้เรื้อน ไม่มีใครสนใจให้ข้าวน้ำ มันจึงผอมโซ ไร้เรี่ยวแรงหาอาหาร ได้แต่นอนรอความตายอยู่ที่หมู่บ้านนั้นเอง
.......
พุทธศาสนาสอนว่า อย่าคบคนพาล เพราะคนพาลจะชักนำไปกระทำแต่สิ่งไม่ดี ซึ่งจะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง ดังเช่นหมาป่ากับหมาบ้านนี่เอง
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดยไม้หอม)
“เดี๋ยวก่อน สหาย..เจ้าอย่าเพิ่งร้องเอะอะไป มาร่วมมือกับข้าดีกว่า ถ้าเจ้าอยู่เงียบๆ ปล่อยให้ข้าเข้าไปจับไก่ในเล้ามากินง่ายๆ ข้าก็จะแบ่งไก่ให้เจ้ากินด้วย ดีไหมล่ะ”
เมื่อหมาบ้านได้ยินดังนั้น ก็คิดว่า น่าจะดี เพราะมันก็อยากกินไก่มานานแล้ว ทุกวันนี้ได้กินแค่กระดูกไก่ที่เจ้านายโยนให้เท่านั้น “แต่..ข้ากลัวเจ้านายจะรู้ว่าข้าร่วมมือกับเจ้า”
“ไม่ต้องกังวลหรอก เจ้าก็แกล้งทำเป็นเห่าเมื่อเราทั้งคู่กินอิ่มแล้ว และข้าก็หนีไปแล้ว..ตกลงตามนี้นะ”
แล้วทั้งหมาป่าและหมาบ้านก็ร่วมมือกันจับไก่ในเล้ามากินทุกวัน จนเจ้าของบ้านเริ่มสงสัย คืนหนึ่งจึงแกล้งทำทีเป็นเข้านอนเหมือนเช่นเคย แต่ว่าคอยแอบดูอยู่บนบ้าน ไม่นานก็เห็นหมาป่าเดินเข้ามา โดยมีหมาบ้านเดินออกไปรับ และทั้งสองก็พากันเดินไปยังเล้าไก่ ลงมือจับไก่มาแบ่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้น เมื่อหมาป่าไปแล้ว หมาบ้านก็เริ่มส่งเสียงเห่า เจ้าของที่แอบดูอยู่เห็นเหตุการณ์ ทั้งหมด จึงแกล้งทำเป็นลุกขึ้นมาไล่หมาป่าเหมือนเดิม
รุ่งเช้า... เจ้าของบ้านได้นำอาหารมาให้หมาบ้านกิน และนำมันไปปล่อยยังหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป และบอกกับมันว่า “เมื่อเจ้าไม่ซื่อสัตย์ หันไปคบกับหมาป่า ขโมยกินไก่ ข้าก็ไม่เลี้ยงเจ้าอีกต่อไป”
ตกค่ำเมื่อหมาป่ามาถึงบ้าน แต่ก็ไม่เห็นหมาบ้านออกมารับเช่นทุกวัน มันจึง คิดว่า “ก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้กินไก่คนเดียว”
แต่ยังไม่ทันที่หมาป่าจะเข้าไปจับไก่ มันก็ถูกเจ้าของบ้านล้อมจับไว้ได้ และนำมันใส่กรงขังไว้ เอาไปปล่อยในป่าลึก จนกระทั่งมันถูกเสือจับกินเป็นอาหาร ส่วนหมาบ้านที่ถูกนำไปปล่อย ก็กลายเป็นหมาจรจัด แถมเป็นขี้เรื้อน ไม่มีใครสนใจให้ข้าวน้ำ มันจึงผอมโซ ไร้เรี่ยวแรงหาอาหาร ได้แต่นอนรอความตายอยู่ที่หมู่บ้านนั้นเอง
.......
พุทธศาสนาสอนว่า อย่าคบคนพาล เพราะคนพาลจะชักนำไปกระทำแต่สิ่งไม่ดี ซึ่งจะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง ดังเช่นหมาป่ากับหมาบ้านนี่เอง
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 94 ก.ย. 51 โดยไม้หอม)