“แต่ละครอบครัวต่างมีปัญหามากน้อยแตกต่างกันไป แต่ปัญหาใหญ่สุดของทุกครอบครัวคือความไม่เข้าใจกัน จนนำมาสู่ความทะเลาะเบาะแว้ง ไม่ว่าจะเป็นสามีกับภรรยา หรือพ่อแม่กับลูก ทั้งนี้เพราะทุกคนต่างเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง
หลายครั้งที่พ่อแม่ไม่เข้าใจว่าลูกคิดอะไร ทำเช่นนั้นไปทำไม ขณะที่ลูกก็คิดเช่นเดียว กันว่าทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจในตัวพวกเขา และบางครั้งกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะคิดได้ อะไรๆ ก็อาจจะสายไปเสียแล้ว
คงจะดีไม่น้อย ถ้าทุกฝ่ายได้เรียนรู้การ ‘เอาใจเขา มาใส่ใจเรา’ เพื่อความเข้าใจ ซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง ดังเช่น ภาพยนตร์เรื่อง Freaky Friday หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘ศุกร์สยอง...2 รุ่นสลับร่างกัน’ ชื่อนี้อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นหนังสยองขวัญสั่นประสาท แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นภาพยนตร์ตลกเบาสมองของวอล์ท ดิสนีย์ ที่นำนวนิยายคลาสสิกของ ‘แมรี่ รอดเจอร์ส’ เกี่ยวกับแม่และลูกสาววัยรุ่น มาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งให้ข้อคิดที่ดีมาก
เรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัว ‘โคลแมน’ ก็เหมือนกับหลายๆบ้านที่มีลูกสาวซึ่งอยู่ในวัยรุ่น ที่เริ่มมีความคิดเป็นของตนเอง และแน่นอนว่าสิ่งที่คิดนั้นย่อมไม่เข้าตากรรมการอย่างผู้เป็นแม่เด็ดขาด ดร.เทส โคลแมน นักจิตบำบัด ซึ่งต้องกลายเป็น Single Mom เพราะสามีเสียชีวิต เธอจึงต้อง มีภาระเลี้ยงดูแอนนา ลูกสาววัย 15 ปี กับแฮรี่ลูกชายวัย 6 ปี ตามลำพัง
แอนนากับแม่มักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมา ทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา ด้วยสาเหตุจากช่องว่างระหว่างวัย ที่ทำให้ทั้งสองมีความคิด เห็นไม่ลงรอยกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการ แต่งกายและทรงผมที่ค่อนข้างจะฮิปตามแฟชั่นของลูกสาว ไปจนถึงเรื่องแฟน และรสนิยมที่แอนนาชื่นชอบดนตรีร็อกเป็นชีวิตจิตใจ
ด้วยชีวิตการงานที่ยุ่งอยู่ตลอดเวลากับการให้คำปรึกษาคนไข้ที่มีปัญหาทางจิต ทำให้ดร.เทสมีเวลาให้กับลูกทั้งสองน้อยนิด โดยเฉพาะแอนนาซึ่งพยายามจะแอนตี้แม่ด้วยการทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับที่แม่ชอบ รวมถึงเป็นเด็กมีปัญหาที่โรงเรียน ทั้งการเรียนที่ตกต่ำ และมีเรื่องทะเลาะกับเพื่อนๆจนถูกกักบริเวณที่ห้องทำโทษอยู่เป็นประจำ เรื่องเหล่านี้แม้แอนนาพยายามจะอธิบายข้อเท็จจริงกับแม่ แต่ดร.เทสกลับยุ่งจนไม่มี เวลารับฟังลูก พร้อมทั้งตัดสินว่าแอนนาเป็นฝ่ายผิดทุกเรื่อง
แล้วเรื่องยุ่งๆ ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!!
ดร.เทสจะซ้อมแต่งงานกับไรอันแฟนคนใหม่ในวันศุกร์ ถือเป็นวันสำคัญยิ่งสำหรับเธอ และเธอต้องการให้แอนนาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ขณะที่แอนนาปฏิเสธที่จะมางาน เพราะวันนั้นก็เป็นวันสำคัญในชีวิตเธอเช่นกัน เธอและเพื่อนๆวงร็อกจะต้องไปเล่นดนตรี เพื่อคัดเลือกวงดนตรีไปประกวดในงาน ‘แองโก...แทงโก’
แต่ก่อนจะถึงวันศุกร์เพียงหนึ่งวัน ไรอันก็พาครอบครัวโคลแมนไปกินอาหารที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงาน แอนนากับแม่ก็เกิดการโต้เถียงกันที่หน้าร้านอาหาร แอนนาให้เหตุผล ที่ไม่สามารถไปช่วยงานแต่งงานของแม่ได้ แต่ดร.เทสกลับคิดว่าเป็นเพราะแอนนาไม่ชอบหน้า ‘ว่าที่พ่อเลี้ยง’ นั่นเอง เธอพูดกับลูกสาวว่า “ลูกไม่เข้าใจ..คืนพิเศษของแม่ไม่มีความหมายสำหรับลูกเลยหรือ” ขณะที่แอนนาก็ตะโกนใส่แม่ว่า “แม่ทำให้ชีวิตหนูวินาศ!!”
ก่อนที่เรื่องจะลุกลามไปใหญ่โต หญิงจีนเจ้าของร้านก็เข้ามาขัดจังหวะและนำ ‘คุกกี้ทำนายโชคชะตา’ มาให้ คำทำนายบอกไว้ว่า “การเดินทางไกลได้เริ่มขึ้นแล้ว รางวัลสะท้อนสู่ตาของอีกฝ่าย สิ่งที่เราเห็นคือสิ่งที่เราขาด รักไม่เห็นแก่ตนจะเปลี่ยนคืนเรา”
แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น เมื่อดร.เทสและแอนนาตื่นขึ้นมาตอนเช้าวันศุกร์ ปรากฏว่าทั้งสองได้สลับร่างกัน ชีวิตจิตวิญญาณของแอนนาอยู่ในร่างของแม่ ขณะที่ดร.เทสสลับมาอยู่ในร่างวัยรุ่นของลูกสาว (ผู้เขียนนวนิยายได้สร้างเงื่อนไขและสถานการณ์นี้ขึ้นมา เพื่อที่จะให้ทั้งคู่ลองไปใช้ชีวิตของอีกฝ่ายดู เพราะการได้เข้าไปสัมผัสในแง่มุม ที่ไม่เคยรู้มาก่อน อาจจะช่วยให้ตามองเห็นและเข้าใจปัญหาของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน)
ดร.เทสในร่างของแอนนาจำต้องไปสอบซ่อมแทนลูกสาว และคราวนี้เธอจึงได้รับรู้ว่าการที่ลูกสาวสอบได้ F เพราะถูกครูแกล้ง หรือเรื่องที่ลูกสาวไปทะเลาะกับเพื่อน ก็เพราะโดนเพื่อนแกล้งก่อนนั่นเอง ที่สำคัญดร.เทสยังได้เห็นมุมดีๆและน้ำใจอันงดงามของ ‘เจค’ แฟนหนุ่มของลูกสาวที่เธอเคยมองว่าเป็นหนุ่มที่ไม่เอาไหนอีกด้วย
ข้างฝ่ายแอนนาที่ต้องสวมบทเป็นคุณแม่ที่เคร่งขรึม ก็ได้รับรู้ว่าในแต่ละวันแม่ต้องนั่งฟังปัญหาน่าเบื่อซ้ำซากของคนไข้คน แล้วคนเล่า แล้วยังต้องไปเป็นผู้ปกครองคุยกับครูของแฮรี ซึ่งบอกว่าแฮรีเขียนเรียงความชื่นชมพี่สาวแต่ไม่อยากบอก เพราะทะเลาะกับพี่สาวสนุกดี ทำให้แอนนาได้เข้าใจน้องชายตัวแสบมากขึ้น
แล้ววันศุกร์ก็มาถึง ดร.เบสและแอนนาที่ยังสลับร่างกันอยู่จูงมือกันมางานเลี้ยง แอนนาต่อรองกับแม่ว่าขอเวลาเพียง 20 นาทีเพื่อจะไปแข่งคัดเลือก แต่แม่ก็ยื่นคำขาดไม่ยอมให้เธอไป ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างสนุกสนานในงานนั้น เพื่อนวงร็อกก็มาดึงดร.เบสในร่างของแอนนาหลบหายไปจากงาน ขณะที่แอนนาในร่างของแม่กำลังว้าวุ่นใจว่าจะทำอย่างไรดี ไรอันกลับพูดเตือนสติว่า “คุณควรจะคิดถึงลูกก่อน นั่นคือ สิ่งที่ผมอยากให้คุณเป็น ผมอยากให้แอนนา ยอมรับผมในเงื่อนไขของแกมากกว่า” และพ่อเลี้ยงแสนดีคนนี้ยังให้คำแนะนำที่ดีอีกว่า “วันสำคัญของลูกนั้น ควรจะมีแม่อยู่เคียงข้าง”
แอนนาในร่างของดร.เทสจึงวิ่งไปหาแม่ และทันเวลาพอดีกับที่แม่ในร่างของแอนนากำลังขึ้นเวทีคอนเสิร์ต สองแม่ลูกจึงช่วยกันสร้างสีสันให้กับงานดนตรีจนได้รับการคัดเลือกในที่สุด แล้วทั้งคู่ก็พากันกลับมาที่งาน แต่งงานอีกครั้ง แอนนาในร่างของดร.เบสได้กล่าวกับไรอันและทุกคนในงานเลี้ยงโดยยอมรับว่าไรอันเป็นคนดีที่คู่ควรกับแม่
เรื่องราวจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งทั้งคู่โผเข้ากอดกัน แล้วปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อทั้งสองสลับกลับสู่ร่างเดิมของตัวเอง แม่ลูกที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน ก็กลับมาเข้าใจ และรักกันใหม่อีกครั้ง
หากครอบครัวไหนมีปัญหาแบบนี้ก็ลองหาหนังสนุกๆเรื่องนี้มาดูด้วยกัน เผื่อว่าจะช่วยให้บรรยากาศระหว่างแม่กับลูกดีขึ้นได้ เพราะจริงๆแล้วสายใยรักระหว่างแม่กับลูกที่ผูกพันกันมาตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์นั้น แนบแน่นและลึกซึ้งยิ่ง โดยเฉพาะผู้เป็นแม่แล้วไม่มีอะไรหรือสิ่งใดเลยที่จะมาตัดขาดจากลูกได้
ขอเพียงความเข้าอกเข้าใจที่มีให้แก่กัน ด้วยการ ‘เอาใจเขา มาใส่ใจเรา’ เท่านี้บ้านก็จะกลายเป็นสวรรค์ ที่ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 93 ส.ค. 51 โดย ปาณี)