xs
xsm
sm
md
lg

รักและเข้าใจ คือสายใยในครอบครัว ลลนา ก้องธรนินทร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตำแหน่งนางสาวไทยปี 2549 ของ ‘ลลนา ก้องธรนินทร์’ เป็น ‘ตราประทับ’ ที่การันตีถึงการเป็น ‘คนสวยที่สุด’ ของเธอคนนี้ ก่อนภาพลักษณ์นางเอกภาพยนตร์ นางแบบ ดารา พิธีกรจะปรากฏตามมา

สาวสวยคนนี้มิได้สวยเพียงแค่รูปโฉมภาย นอก แต่ยังมีจิตใจที่สวยงามและความคิดดีๆที่ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัวมาตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘เบ้าหลอม’ อันสำคัญ

“สิ่งที่พ่อกับแม่ของเจี๊ยบปลูกฝังเสมอมาก็คือ หากเราเกิดมามีทุกอย่างพร้อม ก็ควรที่จะช่วยเหลือคนอื่น ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส จำได้ว่า ตั้งแต่เด็กๆแล้ว เวลาถึงวันเกิดเจี๊ยบ คุณพ่อ คุณแม่ก็จะพาไปเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กพิการ เด็กด้อยโอกาส พาเราไปสัมผัสเอง ให้เราได้รู้จักความเมตตา รู้จักการแบ่งปัน รู้จักการให้ โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้บอกสอนตรงๆ ว่าต้อง ช่วยคนโน้นคนนี้ แต่บอกด้วยการทำให้เห็น ตอนเด็กๆ เจี๊ยบอาจจะไม่รู้สึกอะไรมาก แค่ทำๆ ไป แต่ภาพของการแบ่งปันให้คนอื่นๆ ก็ปลูกฝังอยู่ในใจเจี๊ยบมาตั้งแต่นั้น รวมถึงภาพของ คุณพ่อกับคุณแม่ที่คอยช่วยเหลือคนอื่นๆ ก็ทำให้รู้สึกว่า ในอนาคต เราเองก็อยากเป็นผู้ใหญ่อย่างนั้น”

ใช่เพียงความมีเมตตา รู้จักแบ่งปันเพื่อนมนุษย์ หากการเลี้ยงดูของพ่อกับแม่ ที่เป็นเสมือน เพื่อนที่พูดคุยกันอย่างเข้าใจ ก็นับว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เจี๊ยบเป็นเด็กร่าเริง สุขภาพจิตดี มองโลกอย่างเข้าใจ ใช้ชีวิตอย่างสนุกและมีความสุข ขณะเดียวกันก็ไม่ละทิ้งความรับผิดชอบทั้งต่อการเรียน และหน้าที่การงาน

สำหรับเจี๊ยบ สิ่งที่สำคัญมากๆ ในครอบครัวคือความรัก ความเข้าใจ ความสามัคคี ความผูกพัน ความเชื่อใจ ทุกครอบครัวต้องมีสิ่งเหล่านี้ ต้องเชื่อใจกัน รักกัน มีอะไรไม่เข้าใจก็ควรจะเปิดอกพูดคุยกันตรงๆ ไม่ใช่ว่าแต่ละคนต่างเก็บไว้ ถ้า ฝ่ายหนึ่งไม่ชอบให้อีกฝ่ายทำอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ไม่ยอมบอก ไม่ยอมอธิบาย มันก็อาจทำให้เบื่อหน่ายกันแล้วต่างก็แอบไปมีคนอื่น เพราะฉะนั้น ควรพูดออกไปตรงๆ แต่การเปิดอกพูดคุยกันทุกครั้งต้องมีเหตุผล อธิบายว่าไม่ชอบให้เขาทำ อย่างนั้นอย่างนี้เพราะอะไร ให้เขาเข้าใจ แล้วก็ปรับตัวเข้าหากัน เหมือนอย่างพ่อกับแม่เจี๊ยบ ไม่เหมือนกันเลย แต่อยู่กันได้ด้วยความเข้าใจ ซึ่งเกิดขึ้นไม่ได้จากคนเพียงคนเดียว แต่ต้องช่วยกันทั้งคู่ อย่าเก็บความอึดอัดเอาไว้ ไม่อย่างนั้น วันหนึ่งก็จะระเบิดออกมา การเปิดใจเข้าหากัน ปรับความเข้าใจกันจึงสำคัญมาก”

นอกจากนั้น เจี๊ยบมองว่าการให้กำลังใจซึ่งกันและกันยามที่สมาชิกในครอบครัวเกิดปัญหาขึ้น ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะช่วยสานและยึดโยงสายสัมพันธ์ของสมาชิกแต่ละคนให้แน่นหนา กลมเกลียว และผ่านพ้นอุปสรรคไปได้

“เมื่อถึงเวลาเกิดปัญหาขึ้นอย่าซ้ำเติมกัน ต้องให้กำลังใจกัน อย่างเช่น ถ้าลูกสอบตก ก็อย่า ด่าเขา ด่าแล้วไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เสียสุขภาพจิต เสียใจ เสียความรู้สึก มาช่วยกันแก้ไข ช่วยกันให้กำลังใจดีกว่า ลูกจะได้ไว้ใจ กล้าที่จะบอก กล้าที่จะคุยกับพ่อแม่ ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะโกรธ เสียใจ หันไปหาทางออกผิดๆ”

ใช่เพียงคำพูด แต่ที่เจี๊ยบเชื่อมั่นเช่นนั้น เพราะตลอดมาเธอได้รับกำลังใจที่ดีจากครอบครัวจนทำให้เกิดความมุ่งมั่น พร้อมที่จะรับผิดชอบตัวเอง เพื่อตอบแทนความไว้วางใจที่พ่อกับแม่มอบให้

“คุณพ่อคุณแม่เข้าใจเจี๊ยบเสมอมา ไม่เคยกดดัน ไม่ว่าเจี๊ยบจะเรียนแย่สักแค่ไหน แม่ก็ไม่เคยดุด่า แต่คำพูดที่ออกจากปากของแม่คือ “ไม่เป็นไรนะลูก คราวหน้าเอาใหม่นะ” นั่นแหละ เจี๊ยบถึงเกิดความรู้สึกผิดในใจว่าเมื่อพ่อกับแม่รักเรา ดีกับเราขนาดนี้ เราจะทำให้ท่านเสีย ใจได้ยังไง ก็เลยปรับปรุงตัวเอง ตั้งใจเรียนให้มากขึ้น”

ขณะเดียวกัน เธอก็ได้ฝากข้อคิดให้กับผู้เป็นลูกไว้ว่า เมื่อได้รับความเชื่อใจและไว้วางใจ จากพ่อแม่ ลูกๆ ก็ควรตอบแทนท่านด้วยการรับผิดชอบตัวเองให้ได้ ทั้งเรื่องการเรียน กิจกรรม หรือการไปเที่ยว ไปพบปะสังสรรค์กับเพื่อนๆ ก็อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ให้สัญญาอะไรกับพ่อแม่ไว้ ก็ทำให้ได้ตามนั้น เพื่อพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าเราโตแล้ว รับผิดชอบตัวเองได้ และทำได้อย่างที่พูด

จากจิตสำนึกที่ดีต่อตัวเองและครอบครัวของสาวสวยคนนี้ ได้แผ่ขยายไปถึงจิตสำนึกที่ดี ที่มีต่อส่วนรวม เธอเล่าให้ฟังถึงสาเหตุสำคัญที่พาเธอเข้าสู่เส้นทางการเป็นนักศึกษาแพทย์ ผู้มุ่ง มั่นตั้งใจว่า เมื่อถึงวันที่กลายเป็น ‘แพทย์หญิง’ จะรักษาคนไข้ให้ได้มากที่สุด และดีที่สุด

“เจี๊ยบเคยไปโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีสภาพแย่มาก เหมือนไม่ใช่โรงพยาบาลเลย ภาพที่เห็นคือมีคนเป็นร้อยแต่ต้องนั่งรอหมอนานมาก ขนาดเจี๊ยบเป็นคนแข็งแรงนะ เห็นภาพนั้นแล้วยังรู้สึกว่าถ้าเป็นตัวเองไปนั่งรออย่างนั้นก็คงไม่ไหวแน่ ท้อใจมาก แล้วคนไม่สบายไปนั่งรวมกันอยู่ตรงนั้นเยอะๆ มันก็เป็นบรรยากาศที่อึดอัดนะ ขณะที่ใจเราเองก็รู้สึกอึดอัดที่ช่วยอะไรเขาไม่ได้เลย เพราะเราไม่ใช่หมอ แล้วที่สำคัญก็ไม่มีหมออยู่ตรงนั้นสักคนเลย ณ วินาทีนั้น ทำให้เจี๊ยบคิดขึ้นมาว่า ถ้าตอนนี้เราเป็นหมอ เราจะวิ่งไปหาคนไข้ วิ่งไปถามเขาว่าป้าเป็นอะไร ป้ามาหาหมอทำไม เจ็บตรงไหน ภาพที่เห็นในวันนั้นคือแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เจี๊ยบตั้งใจเรียนหมอจากที่ไม่เคยคิด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในวันเดียวแต่เปลี่ยนชีวิตเจี๊ยบไปเลย”

และความตั้งใจของอดีตนางสาวไทยคนนี้คือจะเป็นหมอที่รักษาด้วยใจ มิใช่หน้าที่

“เจี๊ยบจะไม่เป็นหมอที่รักษาคนไปตามหน้าที่ ถ้าคิดแค่นั้นเราก็ไม่ต่างไปจากหุ่นยนต์ แค่ทำให้เสร็จๆไป แต่เจี๊ยบจะรักษาคนไข้ในฐานะที่เขาเป็นเพื่อนมนุษย์ เพราะนั่นจะทำให้ เรารักษาเขาด้วยใจที่อยากให้เขาหายดี อยากให้ เขาแข็งแรง รักษาเขาอย่างดีที่สุด นั่นแหละ คือ หมอที่เจี๊ยบอยากเป็น”

อีกไม่นาน สังคมไทยก็จะมี พ.ญ.ลลนา ก้องธรนินทร์ คุณหมอผู้งามพร้อม ซึ่งเป็นผล ผลิตจากครอบครัวอบอุ่น ที่มีความรักและความเข้าใจ เป็นสายใยผูกพันอันมั่นคง

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 89 เม.ย. 51 โดย รพีพรรณ สายัณห์ตระกูล)

กำลังโหลดความคิดเห็น