จากเด็กบ้านนอกธรรมดาๆที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มีโอกาสอันสูงสุดในการทำงานรับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ในโครงการพระราชดำริต่างๆ ด้วยการจดบันทึกพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จัดทำแผนสนองพระราชดำริ ติดตามประเมินผลและประมวลผลงานสนองพระราชดำริของหน่วยงานต่างๆเพื่อถวายรายงาน
เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของ อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร เด็กบ้านนอกคนนั้น ซึ่งเคยรับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน กองวางแผนเตรียมความ พร้อมด้านเศรษฐกิจ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี, หัวหน้าฝ่ายประสานงานโครงการพระราชดำริ ภาค 1 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการกอง ประเมินผลและข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรี ฯลฯ
อาจารย์วิวัฒน์ ได้เล่าให้ฟังด้วยสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมสุข ถึงเรื่องราวความเป็นมาที่ยังประทับอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม
• เป็นมาอย่างไรคะที่อาจารย์มีโอกาสได้เข้าไปรับใช้ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตอนนั้นผมเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนในสภาพัฒน์ฯ(สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)เพิ่งเรียนจบและทำงานได้ไม่นาน ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าผมเป็นคนที่เอางานเอาการ ก็เลยให้ไปทำงานในโครงการของพระเจ้าอยู่หัว
ผมเองก็เป็นเด็กบ้านนอก มีนิสัยเหมือนคนท้องไร่ท้องนาทั่วไป ที่มีชีวิตเรียบง่าย ไม่กล้ามักใหญ่ใฝ่สูง พอรู้ว่าจะต้องไปทำงานกับพระองค์ท่าน ผมก็กลัวแล้ว รู้สึกตื่นเต้น กลัวว่าความสามารถเราไม่ถึง ไม่มั่นใจว่าความสามารถที่มีจะไปทำให้งานของพระองค์ท่านสำเร็จได้รึเปล่า
• งานแรกที่ทำคืออะไรคะ
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งตอนนั้นราว ปี 2525 แถวมฤคทายวันนิเวศน์จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งรัชกาลที่ 6 ได้ประกาศให้เป็นเขตอภัยทาน กว่า 40,000 ไร่ ซึ่งตอนหลังก็มีชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัย ก็เหลือพื้นที่แค่ 10,000 กว่าไร่ มี การทำลายป่า เพื่อปลูกสับปะรดขาย ทำให้ป่าหมดสภาพไปเรื่อยๆเกิดปัญหาความแห้งแล้งและภัยพิบัติ ในหลวงก็ทรงมีพระราชดำริว่าต้องเก็บป่าไว้ให้ได้ ทำอย่างไรคนจะเข้า ป่าแล้วไม่ทำลายป่า ให้ทำมาหากินกับป่า พระองค์ท่านให้สร้างชุมชนให้อยู่กับป่าให้ได้ แล้วที่นั่นเป็นชุมชน 2 ศาสนาด้วย คือพุทธกับมุสลิม ผมมีหน้าที่จดบันทึกพระราชดำริ และทุกคำที่พระองค์ท่านตรัส ก็ทันบ้างไม่ทันบ้าง หลายครั้งก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ใจดีที่ติดตามใกล้ชิดกรุณาจดให้ หรือถือเครื่องบันทึกเสียงไว้เดินตามพระองค์ท่าน แต่นับเป็นการถวายงาน ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะไม่เพียงแต่จดบันทึก แต่จะต้องนำสิ่งเหล่านั้นมาทำการศึกษา ต่อถึงวิธีการช่วยเหลือชาวบ้านให้เป็นชุมชนที่สามารถอยู่กับป่าได้โดยไม่ทำลายป่า เนื่องจากในยุคนั้นพื้นที่แถบตะวันตกเริ่มจะมีปัญหาชาวบ้านรุกล้ำพื้นที่ป่า จนเริ่มเกิดปัญหาน้ำท่วม ดินเสื่อมคุณภาพตามมา
เป็นโครงการแรกที่ประทับใจมาก ตื่นเต้น หวาดเสียว เนื่องจากผมไม่เก่ง ก็เลยต้อง ดิ้นรนไปขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทุกคนก็เมตตา เพราะเห็นว่าผมทำงาน ถวายพระเจ้าอยู่หัว
• ผลงานที่ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
4 เดือนเต็มนะที่ผมทุ่มเททำงานอย่างหนัก ทั้งเดินทั้งขี่มอเตอร์ไซค์สำรวจพื้นที่โครงการ ประมาณหมื่นห้าพันไร่ แล้วก็มาทำแผน ระดมผู้เชี่ยวชาญมาปรึกษาหารือกัน ซึ่งทุกคนก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ พอเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมนำแผนไปถวาย เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัย
ผมคิดว่ารายงานชิ้นนี้จะต้องเป็นที่พอพระทัยอย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงวันที่ต้องกราบ บังคมทูลเสนอแผนงาน ผมก็ได้รับโอกาสให้เป็นผู้กราบทูลถึงเหตุผลที่เลือกวางแผนให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งปลูกป่า และอีกส่วนทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แผนนี้ก็คิดมาอย่างดีนะ โดยคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างไปพร้อมๆกัน แต่เมื่อกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ผมกลับต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลที่ทรงพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยกลับมาอย่างมีหลักการ ว่า จะทำอย่างที่เราคิดไม่ได้ หากเลี้ยงแต่สัตว์หรือปลูกแต่ผลไม้อย่างเดียว ชาวบ้านจะเอาข้าวที่ไหนกิน
พระองค์ท่านบอกว่าดำริให้ทำป่า 3 อย่างไม่ได้ให้ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ผมก็กราบทูลว่า วัฒนธรรมของมุสลิมเขาให้เลี้ยงสัตว์ มันก็เลยต้องมีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ท่านก็บอกว่าได้จัดสรรที่ดินส่วนตัวให้ไปแล้ว ทุกคนมีที่ดินส่วนตัวแล้ว แต่วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือ จะแก้ปัญหาใหญ่ของภาคตะวันตก คือป่าถูกทำลาย ทำอย่างไรให้เขาได้อาศัยอยู่กับป่า ได้กิน ได้ใช้ และเมื่อมีป่าที่สมบูรณ์ ก็จะมีสามความพอเพียงตามมา นั่นคือ การมีพอกิน การมีพออยู่ และการมีพอใช้ แต่ถ้าทำอย่างนี้แล้วไม่ได้ผลค่อยกลับมาทำทุ่งหญ้าก็ได้ เพราะการทำทุ่งหญ้ามันง่าย
พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงชาวบ้านอย่างมาก ทรงพระราชทานคำอธิบายว่า หากช่วยสร้างโอกาสให้ชุมชนอยู่ร่วมกันกับป่า ใช้ประโยชน์ต่างๆจากผืนป่า ชาวบ้านก็จะไม่อดตาย
• ปลูกป่า 3 อย่างคือป่าอะไรบ้างคะ
ปลูกป่า 3 อย่าง ในความหมายนี้ก็คืออย่างที่หนึ่ง เพื่อเตรียมไม้ไว้ปลูกบ้าน อย่างที่สอง เอาไว้เป็นอาหาร อย่างที่สาม ไว้เป็นของใช้ เช่น เป็นยารักษาโรค ยาสระผม สกัดเป็นน้ำหอมอะไรต่างๆ
แล้วป่านี่จะช่วยได้มากในเรื่องโลกร้อน มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ตามสถานการณ์เรื่องนี้มาอยู่กับผม เขาอยากจะรู้ว่าชาวบ้านที่ทำตามพระเจ้าอยู่หัวนี่มีใครบ้าง ทำกันอย่างจริงจังแค่ไหน ผมก็พาเขาไปดูเครือข่ายในภาคต่างๆ เขาก็บอกว่า อย่างนี้รอดได้แน่ เขาไม่ ได้เชื่อรัฐบาลไทย แต่เขาเชื่อกระบวนการชาวบ้านที่ทำตามพระเจ้าอยู่หัว ว่าจะทำให้โลกเย็น ลง เราทำกันโดยไม่มีงบประมาณ แต่ทำเพราะรักโลกใบนี้ รักพระเจ้าอยู่หัว รักแผ่นดินไทย แล้วเราก็มีความสุข
• ข้อคิดหรือสิ่งที่ได้รับจากการทำงานถวายพระองค์ท่านในครั้งนั้น คืออะไรคะ
ผมถูกสอนมาว่า งานของพระราชาคืองานปิดทองหลังพระ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงาน ให้พระราชา คือความสุขที่ได้เห็นผลสำเร็จของงาน ไม่มีลาภยศสิ่งใด เราได้ทำงานกับพระราชาที่มีธรรม ทำให้เราเห็น เราศรัทธาพระองค์ท่าน พระองค์ท่านขยัน มีความเพียร มีจิตเมตตา มีทานอยู่ในใจ
พระองค์ท่านเป็นพระราชาที่ทรงรับฟังเหตุผลอย่างมาก แม้ผมเป็นเด็ก พระองค์ท่าน ก็ยังทรงรับฟังและทรงพระราชทานโอกาสให้ผมได้อธิบายถึงสาเหตุที่ผมคิดและวางแผน งานมาอย่างนั้น และทรงพระราชทานข้อวินิจฉัย ทรงอธิบายให้ฟังอย่างมีเหตุผล ทำให้เรายอมจำนน จนเชื่ออย่างสุดใจว่า สิ่งที่พระองค์ท่านได้พระราชทานคำชี้แนะนั้นถูกต้องและสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างแท้จริง ซึ่งก็รวมถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เราได้ยินกันอยู่ทุกวันนี้ ที่พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างและชี้ให้เราเห็นคุณค่าของการดำรงชีวิต อย่างยั่งยืนมานานแล้ว แต่ก็อาจจะมีคนที่ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าทุกคน ทำได้ เริ่มจากสิ่งเล็กน้อย ทำถวายพระองค์ท่าน ไม่เพียงแต่เป็นอามิสบูชา แต่ต้องทำให้เห็น เป็นปฏิบัติบูชา มอบถวายแด่พระองค์ท่านร่วมกัน
• ความพอเพียงที่ในหลวงทรงสอนไว้ เป็นอย่างไรคะ
พระองค์ท่านบอกว่า ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ กับความ เพียร ความขยัน ถ้ารู้อย่างเดียว แต่ขี้เกียจก็ไม่เกิดความพอเพียง ถ้ารู้แล้วขยัน ทำให้มันเกิด มันจึงมีความพอ เช่น ถ้าคุณขี้เกียจคุณจะมีอาหารพอกินได้อย่างไร ถ้าขี้เกียจปลูกจะมีต้นไม้ที่ร่มรื่นได้อย่างไร แล้วต้องรู้เท่าทัน ไม่ใช่ถูกเขาหลอก เช่น ให้ไปลงทุนทำโน่นนี่ไปกู้มาเลย 10 ล้าน ทำขายจะรวย พอไปกู้มาทำขายเจ๊ง กลายเป็นหนี้ แสดงว่าความรู้เราไม่มี
พระองค์ท่านเคยตรัสว่าพระองค์เป็นที่ปรึกษาทั่วไปของประเทศ คอยให้คำปรึกษาว่า ควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ ขณะที่รัฐบาลหรือพวกเราซึ่งเป็นข้าราชการ ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้อง รับงานของพระราชามาทำ จะทำหรือเปล่านั้น พระองค์ไม่มีสิทธิ์ขาดตามกฎหมาย พระองค์บังคับใครไม่ได้ว่าต้องทำตามที่พระองค์ตรัส แต่พระองค์มีความอดทน มีความเพียรพยายามที่จะบอกเสมอๆว่าทำอย่างนี้นะจะเกิดความพอเพียง ถ้าเราทำความพอเพียง เราจะเป็นยอดยิ่งยวดของโลก
• ทุกวันนี้การพัฒนาประเทศวัดกันด้วยจีดีพี อาจารย์มองอย่างไร
ถ้าการพัฒนาประเทศวัดกันด้วยจีดีพี ยังไงเราก็แพ้ เพราะถ้าเราจะไปทำเงินแข่งกับเขาก็แพ้สหรัฐ แพ้จีน แพ้ญี่ปุ่น แต่ถ้าจะสร้างความพอเพียง เช่น ให้คนไทยมีอาหารพอกินอย่างอุดมสมบูรณ์ เราก็เป็นยอดยิ่งยวดมาแล้ว เพราะเราส่งข้าวออกเป็นอันดับ 1 จะมีใครสู้ชาวนาไทย ทำนาเสร็จปั๊บ เหลือกินเหลือใช้เหลือแจก เอามาทำบุญกองอยู่ในวัด เราจึงมีสหกรณ์ของสงฆ์ที่เรียกว่าวัด ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และมากที่สุดในโลก จะมีที่ไหนที่สร้างสหกรณ์โดยชาวนาได้มากขนาดนี้ ในสหกรณ์นี้มีทุกอย่างรวมทั้งโบสถ์ ศาลา คุณจะจัดงานก็ไปยืมหม้อชามรามไห เครื่องขยายเสียงจากวัดได้หมด นี่คือความร่ำรวยของชุมชน ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวเคยตรัสว่า “รวยนะ คนไทย”
• เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตหรือเปล่าคะ ที่ได้ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท
ครับ แต่สิ่งที่ผมภาคภูมิใจเหนือชีวิต คือ การที่เรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นผู้นำ ที่ประกอบด้วยคุณธรรมนำหน้า ทรงรักษาทศพิธราชธรรมไว้อย่างไม่ขึ้นกับยุคสมัยและกาลเวลา ทศพิธราชธรรมเป็นคุณธรรมที่ไม่เคยห่างไกลจากพระองค์ โดยเฉพาะพระ-มหากรุณาธิคุณในเรื่อง ‘ทาน’ ทรงเป็นพระผู้ให้ ทรงสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมามากมาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ให้อยู่ดีกินดี มีอย่างพอเพียง แล้วพระองค์ยังทรงเป็นผู้รู้ ทรงหมั่นเพียร และอดทนที่จะรู้ในเรื่องต่างๆ เพื่อให้สิ่งที่รู้นั้นกลับมาช่วยชาวบ้านของพระองค์
พระเจ้าอยู่หัวทรงทำงาน ที่พระองค์ทรงบอกว่า ทรงทำราชการมาตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย ถึงตอนนี้ก็กว่า 60 ปีแล้วที่ทรงงานมาตลอด ทรงงานเพื่อราษฎรของพระองค์ ซึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมข้อหนึ่ง ซึ่งพระองค์เคยตรัสว่า
“ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ อยู่ที่ความรู้กับความหมั่นเพียร ถึงรู้อย่างเดียว แต่เกียจคร้านที่จะทำให้สำเร็จก็ไม่อาจเกิดความพอเพียงได้ ความรู้กับความขยันต้องคู่กันเสมอ ซึ่งความขยันนี้เป็นคุณธรรม เพราะเป็นความเพียรที่บริสุทธิ์”
เหล่านี้ทำให้พระองค์ท่านสามารถดำรงพระองค์ในฐานะกษัตริย์ของแผ่นดินนี้มาอย่างยาวนาน
• ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติปีนี้ ในฐานะที่อาจารย์เป็นพ่อคนหนึ่ง ได้นำหลักการอะไรจากพระองค์ท่านมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกของตัวเองบ้าง
ผมรับราชการ ภรรยาผมทำงานเอกชน เมื่อมีลูกเราก็มาปรึกษากันว่าจะแบ่งความรับผิดชอบกันอย่างไร ผมเองตัดสินใจเลยว่า ผมจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ภรรยามีหน้าที่สำคัญคือการเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกให้เขาเติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรมในหัวใจ ให้เหมือน หรือใกล้เคียงกับที่พระองค์ท่านมี เท่านี้ผมพอใจแล้ว
เพราะผมดูตัวอย่างจากพระองค์ท่าน ขอให้ลูกเป็นคนดี เรียนไม่เก่งไม่ว่า คนเราถึงไม่ เก่งเรื่องนั้น ก็น่าจะมีมุมที่เขาเก่งในเรื่องอื่นๆ ความเก่งผมถือว่ามันฝึกฝนกันได้ แต่สำคัญกว่าความเก่งผมต้องการให้ลูกเป็นคนดี
• เคยวางอนาคตไว้ให้ลูกหรือเปล่าคะ
การเลือกที่จะใช้ชีวิตเราไปกำหนดเขาไม่ได้ แต่ละคนมีเส้นทางของเขาเอง แต่เราในฐานะพ่อแม่ เรามีหน้าที่ต้องสอนให้เขาเป็นคนที่มีคุณธรรม มีระเบียบวินัย เป็นคนดี ต้องทำอะไรให้เป็น อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้จักช่วยเหลือพ่อแม่ได้ในยามที่เขาอยู่บ้าน
อีกอย่างผมเป็นคนช่างพูดช่างสอนอยู่แล้วก็จริง แต่การทำให้เห็นเป็นตัวอย่างของความสำเร็จให้ดู ผมว่าสำคัญกว่าคำพูดใดๆ ทั้งหมด เราต้องเป็นแบบอย่างให้เขาเห็นก่อนเป็นสิ่งแรก
ลูกผมคนโตตอนนี้เป็นนักศึกษาแพทย์ เขาได้เรียนในสิ่งที่เขาสนใจ สาเหตุหลักนั่นคือเขาต้องรักดี รักเรียน หมั่นเพียร และเชื่อฟังพ่อแม่และคุณครู เขาก็ได้ในสิ่งที่ตั้งใจ
• เป้าหมายสุดท้ายในชีวิตของอาจารย์คืออะไรคะ
ผมเองเป็นข้าราชการที่เกษียณตัวเองมาแล้ว และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่พระองค์ท่านทรง ให้แนวทางต่อไปไม่เลิกรา มุ่งมั่นทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ คือ “คืนชีวิตให้แผ่นดิน” ซึ่งพระองค์ท่านทรงนำหน้าเราไปแล้ว ไม่เพียงแต่การช่วยคนไทย แต่ทรงให้ความสำคัญกับป่า ชุมชน ช่วยเหลือโลกใบนี้ให้ร่มเย็นได้ เราต้องเดินตาม ต้องคืนชีวิตกลับมาให้แผ่นดินให้ได้ เหมือนอย่างคนสมัยก่อนที่เขากว่าจะรักษาแผ่นดินไว้ได้ ต้องเสียเลือดเนื้อ ซึ่งเราไม่ต้อง ทำถึงขนาดนั้น เราแลกแค่ความลำบากนิดๆ หน่อยๆ ผมเชื่อว่าเราสามารถฟื้นขึ้นมาได้
ทุกอย่างที่ทรงชี้แนะล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินเกิดของพวกเรา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดที่มีต่อพวกเราชาวไทยมาโดยตลอด
สิ่งเหล่านี้จุดประกายให้ผมตั้งใจเหลือเกิน ที่จะต้องทำให้คนไทยจำนวนมากที่สุดได้สัมผัสกับผลของกรรมดี ดังเช่นที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งมาตลอด พระองค์ทรงดูแลโลกใบนี้ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านของพระองค์อย่างดีด้วยความเสียสละและมี “ทาน” อยู่ในพระทัยเสมอมา จนได้รับการยกย่องจากกษัตริย์ชาติต่างๆ ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ใดๆ ทรงนำให้คนเห็นคุณค่าของคน ของป่า ของดิน ของน้ำ อาหาร และการพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืนตลอดมา
ผมจะขอมุ่งมั่นแน่วแน่สนองพระบรมราโชบายของพระองค์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และผมอยากให้พระองค์ท่านสบายพระทัย ว่าผมจะไม่ทอดทิ้งสิ่งที่พระองค์ท่านทรงสอน เอาไว้ จะนำไปถ่ายทอดสู่ชาวบ้านอย่างเต็มกำลัง แม้ความสามารถจะทำได้ไม่มากนัก แต่จะขอทำถวายสุดกำลังที่มีอยู่
.........
แม้ปัจจุบันอาจารย์วิวัฒน์จะเกษียณตัวเองจากหน้าที่การงานทางราชการแล้ว เขาก็ยังมุ่งมั่น ‘ตามรอยพ่อหลวง’ ด้วยการสร้างวิถีชีวิตแบบยั่งยืนให้กับชุมชน
ทุกวันนี้เขาหันมาจับจอบเสียม ปลูกต้นไม้ และให้ความรู้แก่ผู้คน ในตำแหน่งประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และประธานมูลนิธิสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิในอีกหลายหน่วยงาน รวมทั้งได้จัดตั้งและพัฒนาเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง 36 ศูนย์ทั่วประเทศ
เขาบอกว่า รายได้ส่วนหนึ่งที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเขา จะนำไปทำความสุขให้กับตัวเองในเรื่องที่เขาฝันไว้ว่าอยากจะทำให้กับโลกใบนี้ นั่นก็คือ “สร้างคนให้ปฏิบัติตามพระเจ้าอยู่หัวให้มากๆ”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 85 ธ.ค. 50 โดยภาษิตา)
เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตของ อาจารย์วิวัฒน์ ศัลยกำธร เด็กบ้านนอกคนนั้น ซึ่งเคยรับราชการในตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน กองวางแผนเตรียมความ พร้อมด้านเศรษฐกิจ สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี, หัวหน้าฝ่ายประสานงานโครงการพระราชดำริ ภาค 1 สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรี และผู้อำนวยการกอง ประเมินผลและข้อมูล สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) สำนักนายกรัฐมนตรี ฯลฯ
อาจารย์วิวัฒน์ ได้เล่าให้ฟังด้วยสีหน้าและแววตาที่เปี่ยมสุข ถึงเรื่องราวความเป็นมาที่ยังประทับอยู่ในความทรงจำมิรู้ลืม
• เป็นมาอย่างไรคะที่อาจารย์มีโอกาสได้เข้าไปรับใช้ใกล้ชิดใต้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ตอนนั้นผมเป็นเจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผนในสภาพัฒน์ฯ(สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ)เพิ่งเรียนจบและทำงานได้ไม่นาน ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าผมเป็นคนที่เอางานเอาการ ก็เลยให้ไปทำงานในโครงการของพระเจ้าอยู่หัว
ผมเองก็เป็นเด็กบ้านนอก มีนิสัยเหมือนคนท้องไร่ท้องนาทั่วไป ที่มีชีวิตเรียบง่าย ไม่กล้ามักใหญ่ใฝ่สูง พอรู้ว่าจะต้องไปทำงานกับพระองค์ท่าน ผมก็กลัวแล้ว รู้สึกตื่นเต้น กลัวว่าความสามารถเราไม่ถึง ไม่มั่นใจว่าความสามารถที่มีจะไปทำให้งานของพระองค์ท่านสำเร็จได้รึเปล่า
• งานแรกที่ทำคืออะไรคะ
โครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ซึ่งตอนนั้นราว ปี 2525 แถวมฤคทายวันนิเวศน์จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งรัชกาลที่ 6 ได้ประกาศให้เป็นเขตอภัยทาน กว่า 40,000 ไร่ ซึ่งตอนหลังก็มีชาวบ้านเข้าไปอยู่อาศัย ก็เหลือพื้นที่แค่ 10,000 กว่าไร่ มี การทำลายป่า เพื่อปลูกสับปะรดขาย ทำให้ป่าหมดสภาพไปเรื่อยๆเกิดปัญหาความแห้งแล้งและภัยพิบัติ ในหลวงก็ทรงมีพระราชดำริว่าต้องเก็บป่าไว้ให้ได้ ทำอย่างไรคนจะเข้า ป่าแล้วไม่ทำลายป่า ให้ทำมาหากินกับป่า พระองค์ท่านให้สร้างชุมชนให้อยู่กับป่าให้ได้ แล้วที่นั่นเป็นชุมชน 2 ศาสนาด้วย คือพุทธกับมุสลิม ผมมีหน้าที่จดบันทึกพระราชดำริ และทุกคำที่พระองค์ท่านตรัส ก็ทันบ้างไม่ทันบ้าง หลายครั้งก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ใจดีที่ติดตามใกล้ชิดกรุณาจดให้ หรือถือเครื่องบันทึกเสียงไว้เดินตามพระองค์ท่าน แต่นับเป็นการถวายงาน ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต เพราะไม่เพียงแต่จดบันทึก แต่จะต้องนำสิ่งเหล่านั้นมาทำการศึกษา ต่อถึงวิธีการช่วยเหลือชาวบ้านให้เป็นชุมชนที่สามารถอยู่กับป่าได้โดยไม่ทำลายป่า เนื่องจากในยุคนั้นพื้นที่แถบตะวันตกเริ่มจะมีปัญหาชาวบ้านรุกล้ำพื้นที่ป่า จนเริ่มเกิดปัญหาน้ำท่วม ดินเสื่อมคุณภาพตามมา
เป็นโครงการแรกที่ประทับใจมาก ตื่นเต้น หวาดเสียว เนื่องจากผมไม่เก่ง ก็เลยต้อง ดิ้นรนไปขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ทุกคนก็เมตตา เพราะเห็นว่าผมทำงาน ถวายพระเจ้าอยู่หัว
• ผลงานที่ออกมาเป็นอย่างไรบ้าง
4 เดือนเต็มนะที่ผมทุ่มเททำงานอย่างหนัก ทั้งเดินทั้งขี่มอเตอร์ไซค์สำรวจพื้นที่โครงการ ประมาณหมื่นห้าพันไร่ แล้วก็มาทำแผน ระดมผู้เชี่ยวชาญมาปรึกษาหารือกัน ซึ่งทุกคนก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ พอเสร็จเรียบร้อยก็เตรียมนำแผนไปถวาย เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัย
ผมคิดว่ารายงานชิ้นนี้จะต้องเป็นที่พอพระทัยอย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงวันที่ต้องกราบ บังคมทูลเสนอแผนงาน ผมก็ได้รับโอกาสให้เป็นผู้กราบทูลถึงเหตุผลที่เลือกวางแผนให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งปลูกป่า และอีกส่วนทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ แผนนี้ก็คิดมาอย่างดีนะ โดยคำนึงถึงปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างไปพร้อมๆกัน แต่เมื่อกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ผมกลับต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลที่ทรงพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยกลับมาอย่างมีหลักการ ว่า จะทำอย่างที่เราคิดไม่ได้ หากเลี้ยงแต่สัตว์หรือปลูกแต่ผลไม้อย่างเดียว ชาวบ้านจะเอาข้าวที่ไหนกิน
พระองค์ท่านบอกว่าดำริให้ทำป่า 3 อย่างไม่ได้ให้ทำทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ผมก็กราบทูลว่า วัฒนธรรมของมุสลิมเขาให้เลี้ยงสัตว์ มันก็เลยต้องมีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ท่านก็บอกว่าได้จัดสรรที่ดินส่วนตัวให้ไปแล้ว ทุกคนมีที่ดินส่วนตัวแล้ว แต่วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือ จะแก้ปัญหาใหญ่ของภาคตะวันตก คือป่าถูกทำลาย ทำอย่างไรให้เขาได้อาศัยอยู่กับป่า ได้กิน ได้ใช้ และเมื่อมีป่าที่สมบูรณ์ ก็จะมีสามความพอเพียงตามมา นั่นคือ การมีพอกิน การมีพออยู่ และการมีพอใช้ แต่ถ้าทำอย่างนี้แล้วไม่ได้ผลค่อยกลับมาทำทุ่งหญ้าก็ได้ เพราะการทำทุ่งหญ้ามันง่าย
พระองค์ท่านทรงเป็นห่วงชาวบ้านอย่างมาก ทรงพระราชทานคำอธิบายว่า หากช่วยสร้างโอกาสให้ชุมชนอยู่ร่วมกันกับป่า ใช้ประโยชน์ต่างๆจากผืนป่า ชาวบ้านก็จะไม่อดตาย
• ปลูกป่า 3 อย่างคือป่าอะไรบ้างคะ
ปลูกป่า 3 อย่าง ในความหมายนี้ก็คืออย่างที่หนึ่ง เพื่อเตรียมไม้ไว้ปลูกบ้าน อย่างที่สอง เอาไว้เป็นอาหาร อย่างที่สาม ไว้เป็นของใช้ เช่น เป็นยารักษาโรค ยาสระผม สกัดเป็นน้ำหอมอะไรต่างๆ
แล้วป่านี่จะช่วยได้มากในเรื่องโลกร้อน มีนักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ตามสถานการณ์เรื่องนี้มาอยู่กับผม เขาอยากจะรู้ว่าชาวบ้านที่ทำตามพระเจ้าอยู่หัวนี่มีใครบ้าง ทำกันอย่างจริงจังแค่ไหน ผมก็พาเขาไปดูเครือข่ายในภาคต่างๆ เขาก็บอกว่า อย่างนี้รอดได้แน่ เขาไม่ ได้เชื่อรัฐบาลไทย แต่เขาเชื่อกระบวนการชาวบ้านที่ทำตามพระเจ้าอยู่หัว ว่าจะทำให้โลกเย็น ลง เราทำกันโดยไม่มีงบประมาณ แต่ทำเพราะรักโลกใบนี้ รักพระเจ้าอยู่หัว รักแผ่นดินไทย แล้วเราก็มีความสุข
• ข้อคิดหรือสิ่งที่ได้รับจากการทำงานถวายพระองค์ท่านในครั้งนั้น คืออะไรคะ
ผมถูกสอนมาว่า งานของพระราชาคืองานปิดทองหลังพระ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำงาน ให้พระราชา คือความสุขที่ได้เห็นผลสำเร็จของงาน ไม่มีลาภยศสิ่งใด เราได้ทำงานกับพระราชาที่มีธรรม ทำให้เราเห็น เราศรัทธาพระองค์ท่าน พระองค์ท่านขยัน มีความเพียร มีจิตเมตตา มีทานอยู่ในใจ
พระองค์ท่านเป็นพระราชาที่ทรงรับฟังเหตุผลอย่างมาก แม้ผมเป็นเด็ก พระองค์ท่าน ก็ยังทรงรับฟังและทรงพระราชทานโอกาสให้ผมได้อธิบายถึงสาเหตุที่ผมคิดและวางแผน งานมาอย่างนั้น และทรงพระราชทานข้อวินิจฉัย ทรงอธิบายให้ฟังอย่างมีเหตุผล ทำให้เรายอมจำนน จนเชื่ออย่างสุดใจว่า สิ่งที่พระองค์ท่านได้พระราชทานคำชี้แนะนั้นถูกต้องและสามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้อย่างแท้จริง ซึ่งก็รวมถึงหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เราได้ยินกันอยู่ทุกวันนี้ ที่พระองค์ท่านทรงเป็นแบบอย่างและชี้ให้เราเห็นคุณค่าของการดำรงชีวิต อย่างยั่งยืนมานานแล้ว แต่ก็อาจจะมีคนที่ทำได้บ้าง ทำไม่ได้บ้าง แต่ส่วนตัวผมเชื่อว่าทุกคน ทำได้ เริ่มจากสิ่งเล็กน้อย ทำถวายพระองค์ท่าน ไม่เพียงแต่เป็นอามิสบูชา แต่ต้องทำให้เห็น เป็นปฏิบัติบูชา มอบถวายแด่พระองค์ท่านร่วมกัน
• ความพอเพียงที่ในหลวงทรงสอนไว้ เป็นอย่างไรคะ
พระองค์ท่านบอกว่า ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ ขึ้นอยู่กับความรู้ กับความ เพียร ความขยัน ถ้ารู้อย่างเดียว แต่ขี้เกียจก็ไม่เกิดความพอเพียง ถ้ารู้แล้วขยัน ทำให้มันเกิด มันจึงมีความพอ เช่น ถ้าคุณขี้เกียจคุณจะมีอาหารพอกินได้อย่างไร ถ้าขี้เกียจปลูกจะมีต้นไม้ที่ร่มรื่นได้อย่างไร แล้วต้องรู้เท่าทัน ไม่ใช่ถูกเขาหลอก เช่น ให้ไปลงทุนทำโน่นนี่ไปกู้มาเลย 10 ล้าน ทำขายจะรวย พอไปกู้มาทำขายเจ๊ง กลายเป็นหนี้ แสดงว่าความรู้เราไม่มี
พระองค์ท่านเคยตรัสว่าพระองค์เป็นที่ปรึกษาทั่วไปของประเทศ คอยให้คำปรึกษาว่า ควรทำอย่างนั้นอย่างนี้ ขณะที่รัฐบาลหรือพวกเราซึ่งเป็นข้าราชการ ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ที่ต้อง รับงานของพระราชามาทำ จะทำหรือเปล่านั้น พระองค์ไม่มีสิทธิ์ขาดตามกฎหมาย พระองค์บังคับใครไม่ได้ว่าต้องทำตามที่พระองค์ตรัส แต่พระองค์มีความอดทน มีความเพียรพยายามที่จะบอกเสมอๆว่าทำอย่างนี้นะจะเกิดความพอเพียง ถ้าเราทำความพอเพียง เราจะเป็นยอดยิ่งยวดของโลก
• ทุกวันนี้การพัฒนาประเทศวัดกันด้วยจีดีพี อาจารย์มองอย่างไร
ถ้าการพัฒนาประเทศวัดกันด้วยจีดีพี ยังไงเราก็แพ้ เพราะถ้าเราจะไปทำเงินแข่งกับเขาก็แพ้สหรัฐ แพ้จีน แพ้ญี่ปุ่น แต่ถ้าจะสร้างความพอเพียง เช่น ให้คนไทยมีอาหารพอกินอย่างอุดมสมบูรณ์ เราก็เป็นยอดยิ่งยวดมาแล้ว เพราะเราส่งข้าวออกเป็นอันดับ 1 จะมีใครสู้ชาวนาไทย ทำนาเสร็จปั๊บ เหลือกินเหลือใช้เหลือแจก เอามาทำบุญกองอยู่ในวัด เราจึงมีสหกรณ์ของสงฆ์ที่เรียกว่าวัด ซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก และมากที่สุดในโลก จะมีที่ไหนที่สร้างสหกรณ์โดยชาวนาได้มากขนาดนี้ ในสหกรณ์นี้มีทุกอย่างรวมทั้งโบสถ์ ศาลา คุณจะจัดงานก็ไปยืมหม้อชามรามไห เครื่องขยายเสียงจากวัดได้หมด นี่คือความร่ำรวยของชุมชน ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวเคยตรัสว่า “รวยนะ คนไทย”
• เป็นความภาคภูมิใจที่สุดในชีวิตหรือเปล่าคะ ที่ได้ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท
ครับ แต่สิ่งที่ผมภาคภูมิใจเหนือชีวิต คือ การที่เรามีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นผู้นำ ที่ประกอบด้วยคุณธรรมนำหน้า ทรงรักษาทศพิธราชธรรมไว้อย่างไม่ขึ้นกับยุคสมัยและกาลเวลา ทศพิธราชธรรมเป็นคุณธรรมที่ไม่เคยห่างไกลจากพระองค์ โดยเฉพาะพระ-มหากรุณาธิคุณในเรื่อง ‘ทาน’ ทรงเป็นพระผู้ให้ ทรงสร้างสิ่งต่างๆขึ้นมามากมาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ให้อยู่ดีกินดี มีอย่างพอเพียง แล้วพระองค์ยังทรงเป็นผู้รู้ ทรงหมั่นเพียร และอดทนที่จะรู้ในเรื่องต่างๆ เพื่อให้สิ่งที่รู้นั้นกลับมาช่วยชาวบ้านของพระองค์
พระเจ้าอยู่หัวทรงทำงาน ที่พระองค์ทรงบอกว่า ทรงทำราชการมาตั้งแต่พระชนมายุยังน้อย ถึงตอนนี้ก็กว่า 60 ปีแล้วที่ทรงงานมาตลอด ทรงงานเพื่อราษฎรของพระองค์ ซึ่ง สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมข้อหนึ่ง ซึ่งพระองค์เคยตรัสว่า
“ความพอเพียงจะเกิดขึ้นได้หรือไม่ได้ อยู่ที่ความรู้กับความหมั่นเพียร ถึงรู้อย่างเดียว แต่เกียจคร้านที่จะทำให้สำเร็จก็ไม่อาจเกิดความพอเพียงได้ ความรู้กับความขยันต้องคู่กันเสมอ ซึ่งความขยันนี้เป็นคุณธรรม เพราะเป็นความเพียรที่บริสุทธิ์”
เหล่านี้ทำให้พระองค์ท่านสามารถดำรงพระองค์ในฐานะกษัตริย์ของแผ่นดินนี้มาอย่างยาวนาน
• ในโอกาสวันพ่อแห่งชาติปีนี้ ในฐานะที่อาจารย์เป็นพ่อคนหนึ่ง ได้นำหลักการอะไรจากพระองค์ท่านมาปรับใช้กับการเลี้ยงลูกของตัวเองบ้าง
ผมรับราชการ ภรรยาผมทำงานเอกชน เมื่อมีลูกเราก็มาปรึกษากันว่าจะแบ่งความรับผิดชอบกันอย่างไร ผมเองตัดสินใจเลยว่า ผมจะเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว ภรรยามีหน้าที่สำคัญคือการเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกให้เขาเติบโตเป็นคนดีมีคุณธรรมในหัวใจ ให้เหมือน หรือใกล้เคียงกับที่พระองค์ท่านมี เท่านี้ผมพอใจแล้ว
เพราะผมดูตัวอย่างจากพระองค์ท่าน ขอให้ลูกเป็นคนดี เรียนไม่เก่งไม่ว่า คนเราถึงไม่ เก่งเรื่องนั้น ก็น่าจะมีมุมที่เขาเก่งในเรื่องอื่นๆ ความเก่งผมถือว่ามันฝึกฝนกันได้ แต่สำคัญกว่าความเก่งผมต้องการให้ลูกเป็นคนดี
• เคยวางอนาคตไว้ให้ลูกหรือเปล่าคะ
การเลือกที่จะใช้ชีวิตเราไปกำหนดเขาไม่ได้ แต่ละคนมีเส้นทางของเขาเอง แต่เราในฐานะพ่อแม่ เรามีหน้าที่ต้องสอนให้เขาเป็นคนที่มีคุณธรรม มีระเบียบวินัย เป็นคนดี ต้องทำอะไรให้เป็น อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้จักช่วยเหลือพ่อแม่ได้ในยามที่เขาอยู่บ้าน
อีกอย่างผมเป็นคนช่างพูดช่างสอนอยู่แล้วก็จริง แต่การทำให้เห็นเป็นตัวอย่างของความสำเร็จให้ดู ผมว่าสำคัญกว่าคำพูดใดๆ ทั้งหมด เราต้องเป็นแบบอย่างให้เขาเห็นก่อนเป็นสิ่งแรก
ลูกผมคนโตตอนนี้เป็นนักศึกษาแพทย์ เขาได้เรียนในสิ่งที่เขาสนใจ สาเหตุหลักนั่นคือเขาต้องรักดี รักเรียน หมั่นเพียร และเชื่อฟังพ่อแม่และคุณครู เขาก็ได้ในสิ่งที่ตั้งใจ
• เป้าหมายสุดท้ายในชีวิตของอาจารย์คืออะไรคะ
ผมเองเป็นข้าราชการที่เกษียณตัวเองมาแล้ว และตั้งใจว่าจะทำสิ่งที่พระองค์ท่านทรง ให้แนวทางต่อไปไม่เลิกรา มุ่งมั่นทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นให้ได้ คือ “คืนชีวิตให้แผ่นดิน” ซึ่งพระองค์ท่านทรงนำหน้าเราไปแล้ว ไม่เพียงแต่การช่วยคนไทย แต่ทรงให้ความสำคัญกับป่า ชุมชน ช่วยเหลือโลกใบนี้ให้ร่มเย็นได้ เราต้องเดินตาม ต้องคืนชีวิตกลับมาให้แผ่นดินให้ได้ เหมือนอย่างคนสมัยก่อนที่เขากว่าจะรักษาแผ่นดินไว้ได้ ต้องเสียเลือดเนื้อ ซึ่งเราไม่ต้อง ทำถึงขนาดนั้น เราแลกแค่ความลำบากนิดๆ หน่อยๆ ผมเชื่อว่าเราสามารถฟื้นขึ้นมาได้
ทุกอย่างที่ทรงชี้แนะล้วนแต่เป็นประโยชน์ต่อแผ่นดินเกิดของพวกเรา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดที่มีต่อพวกเราชาวไทยมาโดยตลอด
สิ่งเหล่านี้จุดประกายให้ผมตั้งใจเหลือเกิน ที่จะต้องทำให้คนไทยจำนวนมากที่สุดได้สัมผัสกับผลของกรรมดี ดังเช่นที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งมาตลอด พระองค์ทรงดูแลโลกใบนี้ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านของพระองค์อย่างดีด้วยความเสียสละและมี “ทาน” อยู่ในพระทัยเสมอมา จนได้รับการยกย่องจากกษัตริย์ชาติต่างๆ ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ใดๆ ทรงนำให้คนเห็นคุณค่าของคน ของป่า ของดิน ของน้ำ อาหาร และการพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืนตลอดมา
ผมจะขอมุ่งมั่นแน่วแน่สนองพระบรมราโชบายของพระองค์ไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และผมอยากให้พระองค์ท่านสบายพระทัย ว่าผมจะไม่ทอดทิ้งสิ่งที่พระองค์ท่านทรงสอน เอาไว้ จะนำไปถ่ายทอดสู่ชาวบ้านอย่างเต็มกำลัง แม้ความสามารถจะทำได้ไม่มากนัก แต่จะขอทำถวายสุดกำลังที่มีอยู่
.........
แม้ปัจจุบันอาจารย์วิวัฒน์จะเกษียณตัวเองจากหน้าที่การงานทางราชการแล้ว เขาก็ยังมุ่งมั่น ‘ตามรอยพ่อหลวง’ ด้วยการสร้างวิถีชีวิตแบบยั่งยืนให้กับชุมชน
ทุกวันนี้เขาหันมาจับจอบเสียม ปลูกต้นไม้ และให้ความรู้แก่ผู้คน ในตำแหน่งประธานมูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ และประธานมูลนิธิสถาบันเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเป็นกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิในอีกหลายหน่วยงาน รวมทั้งได้จัดตั้งและพัฒนาเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง 36 ศูนย์ทั่วประเทศ
เขาบอกว่า รายได้ส่วนหนึ่งที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเขา จะนำไปทำความสุขให้กับตัวเองในเรื่องที่เขาฝันไว้ว่าอยากจะทำให้กับโลกใบนี้ นั่นก็คือ “สร้างคนให้ปฏิบัติตามพระเจ้าอยู่หัวให้มากๆ”
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 85 ธ.ค. 50 โดยภาษิตา)