xs
xsm
sm
md
lg

ตามรอย'พ่อหลวง' ในพุทธสถานต่างแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ด้วยวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นี้เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ‘พ่อหลวง’ แห่งปวงชนชาวไทย

เรื่องจากต่างแดนครั้งนี้ จึงขอประมวลเรื่องราวของพุทธสถานในต่างแดน ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้เคยเสด็จฯเยือนในคราที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนนานาประเทศอย่างเป็นทางการ เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี ในฐานะองค์พระประมุขของ ประเทศไทย

• อินโดนีเซีย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯทอดพระเนตรพระวิหารโบโรบูดูร์ หรือบรมพุทโธ และวิหารเมนดุต เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503
โดยสมาคมพุทธศาสนาแห่งอินโดนีเซียได้น้อมเกล้าฯถวายพระพุทธรูปองค์หนึ่งพร้อมด้วยธงฉัพพรรณรังสี ซึ่งเป็นธงสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา

โบโรบูดูร์ หรือบรมพุทโธ เป็นพุทธสถานขนาดใหญ่ สร้างจากหินภูเขาไฟสีเทา เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 14 มีลักษณะเป็นฐานขนาดใหญ่ซ้อนกันเป็นชั้นๆ เป็นสัญลักษณ์แห่งศูนย์กลางจักรวาล องค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก เมื่อ ค.ศ. 1991

วิหารเมนดุต สร้างราวศตวรรษที่ 13 เป็นอาคารทรงปราสาทยอดสถูป มีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทำจากหิน ภูเขาไฟ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลา ขนาดสูง 3 เมตร ประทับนั่งห้อยพระบาท แสดงปางปฐมเทศนา

• พม่า
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯนมัสการพระเจดีย์ชเวดากอง เมื่อวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2503
และทรงถวายเงินบำรุงเป็น พุทธบูชาจำนวน 2,503 จ๊าต เท่ากับจำนวนพระศาสนายุกาล

เจดีย์ชเวดากอง เป็นเจดีย์สำคัญคู่บ้านคู่เมืองของพม่า เชื่อกันว่าบรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้นและพระบริโภคเจดีย์ของพระอดีตพระพุทธเจ้าทั้งสามองค์ พระเจดีย์หุ้มด้วยทองคำและประดับด้วยเพชรนิลจินดามากมาย

การเสด็จฯครั้งนี้ทั้งสองพระองค์ทรงถอดฉลองพระบาทเมื่อเสด็จฯเข้ายังปูชนียสถาน ตามธรรมเนียมของชาวพม่า โดยทางฝ่ายพม่ามิได้กราบบังคมทูลขอแต่ประการใด

จากนั้นทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯไปยังมหาปาสาณคูหา ทรงรับศีลจากสมเด็จพระสังฆราชพม่า และทรงสดับการสังคายนาของพระสงฆ์ สมเด็จพระสังฆราชพม่าได้ทูลเกล้าฯ ถวายพระพุทธรูปบัวเข็ม และประธานาธิบดีอูวินหม่อง ได้ทูล เกล้าถวายพระไตรปิฎกฉบับสังคายนาทั้งพระบาลีและอรรถกถา 50 เล่ม ทั้งสองพระองค์ได้พระราชทานเลี้ยงภัตตาหาร เพลแด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 1,000 รูป และทรงปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ 2 ต้น เพื่อเป็นอนุสรณ์

มหาปาสาณคูหาสร้างขึ้นใน พ.ศ. 2495 เพื่อเป็นอนุสรณ์ สถานให้ระลึกถึงถ้ำสัตตบรรณคูหา ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการสังคายนาชำระพระไตรปิฎกครั้งแรก คูหาแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ใช้ในการสังคายนาชำระพระไตรปิฎกครั้งที่ 6 ของโลกเมื่อ พ.ศ. 2500

• ปากีสถาน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯเยือนตักสิลา และทรงเยี่ยมชม พิพิธภัณฑสถานของตักสิลา เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2505
ตักสิลา
ในอดีตคือนครหลวงแห่งแคว้นคันธาระ เป็นสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดในการศึกษายุคโบราณ เป็นราชธานีที่ มั่งคั่งรุ่งเรืองสืบต่อกันมาหลายศตวรรษ และในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ตักสิลาเป็นนครที่รุ่งเรืองด้วยพระ-พุทธศาสนา เป็นแหล่งสำคัญแห่งหนึ่งของการศึกษาพระพุทธศาสนา องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดก โลกปี ค.ศ. 1980 ปัจจุบัน โบราณวัตถุต่างๆ และพระพุทธรูปศิลปะคันธาระจำนวนมากได้เก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑสถานตักสิลา
ต่อมาในวันที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2505 ทั้งสองพระองค์ได้เสด็จฯไปเมืองธากา เมืองหลวงของปากีสถานตะวันออก ทรงเยือนวัดธรรมราชิกวิหาร และทรงทอดพระเนตรแผนผังของวัดใหม่และพุทธสถาน ‘ธรรมราชิกวิหาร’ ซึ่งพุทธศาสนิกชนเมืองธากาเตรียมจะสร้าง

วัดธรรมราชิกวิหาร สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1962 (พ.ศ. 2505) เป็นศูนย์รวมการสอนพุทธศาสนาทั้งปริยัติและปฏิบัติ รวมทั้งได้จัดตั้งศูนย์เลี้ยงเด็กกำพร้า โรงเรียน และสถานพยาบาล เพื่อเกื้อกูลแก่ชุมชนด้วย ปัจจุบันวัดแห่งนี้อยู่ในประเทศบังคลาเทศ ซึ่งแยกตัวออกมาจากปากีสถานตะวันตกเมื่อ ค.ศ. 1971

• มาเลเซีย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯเยือนวัดไชยมังคลาราม เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2505
ทรงประกอบพิธีเปิด (ไหมคลุม)ดวงเนตรของพระพุทธรูปปางไสยาสน์ และได้พระราชทานนามพระพุทธรูปองค์นั้นว่า “พุทธชัยมงคล” และพระราชทานย่ามแก่พระภิกษุ 20 รูป พร้อมทั้งทรงบริจาคเงินบำรุงพระอาราม 20,000 บาท

วัดไชยมังคลาราม เป็นวัดไทยที่เก่าแก่ที่สุดในปีนัง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2388 มีพระพุทธไสยาสน์ที่ยาวที่สุดในมาเลเซียคือ ยาว 108 ฟุต สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2500

วันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ทั้งสองพระองค์เสด็จฯวัดพระเชตวัน เมืองกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเป็นวัดที่รัฐบาลไทยร่วมกับรัฐบาลมาเลเซียสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2503 เพื่อทรงประกอบพิธียกช่อฟ้า

• ญี่ปุ่น
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จเยือนวัดโทดาอิจิ และวัดเบียวโดอิน เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2506


วัดโทดาอิจิ สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 7 เป็นวัดที่ยิ่งใหญ่แห่ง แรกของโลกที่สร้างด้วยไม้ทั้งหมดในช่วงเวลานั้น ภายในวัดโทดาอิจิ มี ‘พระไดบุสซึ’ พระพุทธรูปเนื้อทองสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกประดิษฐานอยู่ และเป็นแหล่งรวบรวมโบราณวัตถุอันทรงคุณค่าของชาติกว่า 9,000 ชิ้น

วัดเบียวโดอิน สร้างขึ้นสมัยศตวรรษที่ 9 ซึ่งมีสถาปัตยกรรมในยุคเฮอันหลงเหลืออยู่ในญี่ปุ่น ศาสนวัตถุและศาสนสถานต่างๆในวัดได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติของชาติ และองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกใน ค.ศ. 1994

ต่อมา ในวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2506 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯเยือนวัดคินคาคุจิ วัดเรียวอันจิ และวัดนิตไตจิ

วัดคินคาคูจิ
หรือวัดวิหารทอง สร้างขึ้นใน ปี ค.ศ. 1419 ตัววิหารทองแห่งนี้ ปิดด้วยทองคำบริสุทธิ์เป็นประกายสีทอง องค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลกใน ค.ศ. 1994

วัดเรียวอันจิ เป็นวัดพุทธศาสนานิกายเซ็น สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 มีสวนหินปริศนาธรรมในปรัชญาเซนที่โด่งดังไปทั่วโลก

วัดนิตไตจิ ถือเป็นวัดแรกที่เป็นศูนย์รวมของพุทธศาสนา ทุกนิกายในญี่ปุ่น ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2447 ถือเป็นวัดที่จารึก ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่นให้กระชับแน่นจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 120 ปี

• ศรีลังกา
นอกจากการเสด็จเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการแล้ว ในครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระอนุชาธิราช ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 ได้ร่วมเสด็จฯเยือนวัดทีปทุตมาราม เมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2482 พร้อมด้วยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้ทรงปลูก ต้นไม้ไว้เป็นอนุสรณ์

หลังจากนั้นวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2493 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯพร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯเยือนวัดนี้อีกครั้ง และทรงปลูกต้นไม้อีกต้นหนึ่งไว้คู่กัน

วัดทีปทุตมาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สุดและเป็นวัดพระพุทธศาสนาวัดแรกในกรุงโคลัมโบ มีพระรัตนเจดีย์ที่โดดเด่น ซึ่งผสมผสานศิลปะและสถาปัตยกรรมของไทย ศรีลังกา อินเดีย และพม่าเข้าด้วยกัน พระป. ชินวรวงศ์ หรือพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าปฤษฎางค์ เคยเป็นเจ้าอาวาสที่วัดนี้ระหว่าง พ.ศ. 2448-2453 และเป็นผู้ออกแบบควบคุมการก่อสร้างพระรัตนเจดีย์องค์ดังกล่าว

(ข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ‘พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศในเอเซียอย่างเป็นทางการ)

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 85 ธ.ค. 50 โดยมุทิตา)









กำลังโหลดความคิดเห็น