xs
xsm
sm
md
lg

สุดยอดพระมหาเถระ นักเผยแผ่ธรรม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อ้า... ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย บัดนี้ ถึงเวลาแห่งการฟังธรรมปาฐกถาแล้ว ขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งอยู่ในความสงบ แล้วตั้งอกตั้งใจ ฟังด้วยดี เพื่อให้เกิดประโยชน์โดยสมควรแก่การฟัง”

นี่คือถ้อยคำสำเนียงที่กล่าวเกริ่นนำในการแสดงธรรมปาฐกถาของพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระพรหมมังคลาจารย์หรือที่รู้จักกันดีในนามของ ‘หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ’ หรือ ‘ภิกขุปัญญานันทะ’ สุดยอดพระมหาเถรนักเผยแผ่ธรรม แห่งวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งท่านได้ถึงแก่มรณภาพไปแล้วเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๐ สิริรวมอายุได้ ๙๖ ปี อันนำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจแก่บรรดาพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ทั้งที่เป็นชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างยิ่ง

ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นพระมหาเถระที่มีศีลและอาจาระงดงาม มีปกติพูดอย่างไรทำอย่างนั้น เป็นผู้เปิดเผยตรงไปตรงมา จึงนำมาซึ่งความเลื่อมใสศรัทธาของชาวพุทธอย่างแนบแน่นสนิทใจ และท่านได้ทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตลอดเวลาอันยาวนานจวบบั้นปลายของชีวิต ด้วยอุดมคติที่ว่า ‘งานคือชีวิต ชีวิตคืองาน’

การแสดงธรรมของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนยากที่ใครจะเลียนแบบได้ เพราะท่านมีถ้อยสำเนียงทางใต้ มีความไพเราะ มีเสียงสูงเสียงต่ำ สั้นยาว เป็นจังหวะของการแสดงธรรม การพูดของท่านไม่เร็วไม่ช้าจนเกินไป แต่ว่าลื่นไหลติดต่อกันไปไม่ขาดสาย เหมือนน้ำไหลจากลำธาร มีเนื้อหาสาระน่าฟัง ชวนให้ติดตามฟังอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย แรงในเรื่องควรแรง แต่นุ่มนวลลุ่มลึกในข้อธรรม ที่จะสะกดผู้ฟังให้คล้อยตาม อย่างน่าอัศจรรย์


มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งทางราชการนิมนต์ท่านไปแสดงธรรมโปรดชาวบ้านแหลมตะลุมพุก ที่ถูกมหาวาตภัยคุกคาม และร้ายแรงครั้งแรกของประเทศไทย ผู้คนสูญหายล้มตายกันไปหลายคน ทรัพย์สินเรือนชานสูญหายพังพินาศ ความเศร้าโศกมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ทำอย่างไรชาวบ้านจะคลายความเศร้าโศกลงได้ และมองเห็นความจริงของชีวิต นี่คือโจทย์ที่หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุต้องตอบให้ได้

ครั้นถึงเวลาแสดงธรรม หลวงพ่อได้พูดถึงภัยพิบัติที่ชาวบ้านได้รับ พร้อมทั้งกล่าวพรรณนาถึงความวิบัติที่เกิดขึ้น แสดงความเห็นอกเห็นใจ คนที่เศร้าโศกอยู่แล้ว ก็ยิ่งเศร้าโศกเพิ่มขึ้น ร้องไห้กันระงมไปทั้งศาลา พอท่านเห็นว่าคนโศกเศร้ากันสุดๆแล้ว ท่านก็เทศน์เปลี่ยนอารมณ์ของคนฟังทันที โดยบอกว่า ที่ญาติโยมทั้งหลายประสบภัยพิบัติครั้งนี้ ไม่น่าเสียใจและก็สมควรจะได้รับความพิบัติ คนฟังหยุดร้องไห้ ฉงนใจว่า ตอนแรกท่านก็บอกว่าน่าสงสารญาติ โยม แต่มาตอนนี้ท่านกลับพูดว่า สมควรจะได้รับภัยพิบัติ พอฟังๆไป ท่านถามว่าพวกเราทำประมงมากี่ปีแล้ว ทำกันมานานตั้งแต่ก่อนปู่ย่าตายายหลายชั่วคน จับปลาเอาชีวิตเขาไปขายเลี้ยงชีพไม่รู้เท่าใดเป็นเท่าใด เวลานี้กรรมที่ทำไว้กลับมาสนองคืนบ้าง คนตายไปไม่เท่าใด ถ้าเทียบกับปลาที่ถูกจับไปแต่ละวันแต่ละปี แล้วก็จับกันมาเป็นสิบๆปี เสียหายกันแค่นี้ จะเศร้าโศกไปทำไม ควรจะตั้งตนต่อสู้กับชีวิต ต่อไปอย่าท้อถอย ปรากฏว่าได้ผล ไม่มีใครในศาลาและในลานวัดวันนั้นร้องไห้กันอีก เพราะหลักธรรมของท่านเข้าไปแทนที่ความเศร้าโศกที่มีอยู่ในหัวใจ

นี่คือ การเทศน์หักมุม ผู้เทศน์ต้องมีศักยภาพในตนเองเต็มพิกัด จึงจะทำได้สำเร็จ เพราะการเบนเบี่ยงความรู้สึกของคนจากอารมณ์หนึ่งไปสู่อีกอารมณ์หนึ่งที่ตรงข้ามกัน ทำได้ไม่ง่ายเลย แต่ท่านก็ทำได้

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ สอนให้คนรู้จักพึ่งตนเองตามหลักของพระพุทธศาสนาที่ว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว มนุษย์ต้องมีศักยภาพในตนเอง ในการดำเนินชีวิตตามวิถีแห่งพุทธ จึงไม่ควรไปกราบไหว้อ้อนวอนขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ เป็นการดูถูกตนเอง ทำให้คุณค่าของความเป็นมนุษย์ลดน้อยลง เพราะมีแต่ความหลงงมงายไร้สาระ การใช้ไสยศาสตร์มาเป็นสื่อให้คนบริจาคทรัพย์สร้างถาวรวัตถุในพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องที่ท่านตำหนิติเตียนอย่างมาก และคนที่เป็นชาวพุทธไม่ควรกระทำ

เพราะฉะนั้น เมื่อท่านเป็นองค์อุปถัมภ์ในการสร้างโรงพยาบาลชลประทาน และการก่อสร้างอาคารเรียน และอุโบสถกลางน้ำของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วังน้อย อยุธยา ท่านได้รับบริจาคมากมายมหาศาล โดยไม่ต้องใช้ไสยศาสตร์เครื่องรางของขลังเป็นสื่อชักชวนผู้คนให้มาบริจาคแต่อย่างใด และก็เป็นบทพิสูจน์ว่า พระนักเผยแผ่ธรรมอย่างท่านก็สามารถจะสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้ โดยไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์ตามที่นิยมทำกัน

นอกจากนั้นท่านยังไม่นิยมถือฤกษ์ยาม โดยมีอยู่คราวหนึ่ง พระที่วัดของท่านจะลาสิกขา โยมแม่ไปให้พระวัดไหน ไม่ทราบผูกดวงแล้วเอามาให้ท่านดู บอกว่าต้องสึกเวลา ๑๑.๐๐ น. สึกแล้วจะกลับบ้านให้เดินหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หลวงพ่อท่านบอกว่าพระที่ดูดวงนั้นโง่ ๑๑.๐๐ น. พระฉันเพลกัน จะไปสึกได้อย่างไร แล้วที่บอกว่า สึกแล้ว เวลาจะกลับบ้านให้เดินหันหน้าไปทิศตะวันออก วัดชลประทานหันหน้าไปตะวันตก ถ้าเดินหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก็ต้องเดินถอยหลัง รถชนตายพอดี ท่านไม่ยอมสึกให้ตามฤกษ์ แต่ให้สึกตอนเช้ามืด สึกแล้วสมาทานศีล ฟังเทศน์อีกกัณฑ์ แค่นั้นเป็นเสร็จพิธี

สุดยอดพระนักเทศน์เช่นนี้ หาได้ยากยิ่งแล้วในสังคมปัจจุบัน

(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 84 พ.ย. 50 โดย ธมฺมจรถ)
กำลังโหลดความคิดเห็น