กว่า ๖๐๐ ปีแล้วที่ชาวไทยใหญ่ หรือชาวไตในจังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้สืบทอดประเพณีออกหว่า หรือประเพณีออกพรรษา ซึ่งถือเป็นประเพณีที่สำคัญมากของชาวแม่ฮ่องสอน จัดขึ้นตามความเชื่อของพุทธศาสนิกชน เพื่อรับเสด็จองค์สัมมาสัมพุทธเจ้ากลับมายังโลกมนุษย์ หลังจากได้เสด็จไปเทศนาโปรดพระมารดา ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในวันออกพรรษา ซึ่งจัดขึ้นทุกปีในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึง วันแรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๑
ประเพณีออกหว่านี้ จัดขึ้นในเทศกาล ‘ปอยเหลินสิบเอ็ด’ (ปอย = พิธี, เหลิน = เดือน หมายถึงพิธีเดือนสิบเอ็ด) หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่องาน ‘จองพารา’ เนื่องจากในเทศกาลนี้ได้มีการจัดทำจองพาราหรือปราสาทจำลอง เพื่อรับเสด็จพระพุทธเจ้า
คำว่า “จองพารา” นั้น ในภาษาไทใหญ่ออกเสียงว่า “จ๊อง พฺร้า” แปลว่า ‘ปราสาทพระ’
“จ๊อง” เป็นศัพท์พม่า แปลว่า ‘วัด, โรงเรียน หรือกุฏิ’ แต่เมื่อเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า จึงหมายถึง ‘ปราสาท’ ส่วน “พฺร้า” ก็คือ ‘พระ’ (มีข้อมูลบางแห่งบอกว่าที่ถูกต้องควรใช้คำว่า ‘จองพรา’)
โดยก่อนถึงวันออกพรรษาชาวไทยใหญ่จะเตรียมทำจองพารา ซึ่งทำจากโครงไม้ไผ่เป็นรูปทรงปราสาท ติดด้วยกระดาษสาและกระดาษสีต่างๆ ที่ฉลุเป็นลวดลายเอกลักษณ์ของชาวไต ตกแต่งอย่างประณีตสวยงาม เพื่อสมมติ เป็นปราสาทรับเสด็จพระพุทธองค์จากสวรรค์
จองพารา ของไทยใหญ่ มี ๔ แบบ คือ
๑.จองพารายอด หรือ จองยอด มียอดปราสาทยกฉัตรเป็นช่อชั้น ชาวบ้านจะจัดขบวนแห่นำไปถวายวัดในเวลากลางคืนก่อนวันออกพรรษา
๒.จองสาน ทำด้วยไม้ไผ่สานเป็นปราสาทเล็ก ๆ
๓.จองปิ้กต่าน ไม่มียอดปราสาท
๔.จองตี๋นจ๊าง ทรงข้างบนสอบ ฐานผายกว้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู ไม่มียอดปราสาท
แบบที่ ๒-๔ มีขนาดเล็ก นิยมตั้งบูชาพระพุทธเจ้าไว้ตามบ้านซึ่งมีการตกแต่ง ซุ้มประตูหน้าบ้านด้วยการนำไม้ไผ่มาสานเป็นรั้ว ประดับประดาด้วยประทีปโคมไฟ ต้นกล้วย ต้นอ้อย และตุงอย่างสวยงาม
เมื่อถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งเป็นวันออกพรรษา ชาวบ้านก็จะไปทำบุญตามวัดต่างๆ ซึ่งบางวัดได้จัดให้มีการตักบาตรเทโว เช่น วัดพระธาตุดอยกองมู ส่วนในตอนเย็นจะนำดอกไม้ธูปเทียน และขนมนมเนยต่างๆไปขอ ขมาบิดามารดา และญาติผู้ใหญ่
และก่อนย่ำรุ่งของวันแรม ๑ ค่ำ จะมีพิธี ‘ซอมต่อ’ คือการอุทิศเครื่องเซ่น แก่สิ่งที่ชาวไตถือว่ามีบุญคุณในการดำเนินชีวิต โดยนำกระทงอาหารเล็กๆ ที่ จุดเทียนติดไว้ด้วยไปตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ
ตลอดระยะเวลาของเทศกาลนี้ จะมีการถวายอาหารที่จองพาราวันละครั้งและจุดประทีปโคมไฟไว้ตลอดเทศกาล รวมทั้งมีการละเล่นพื้นเมือง เช่น การฟ้อนรำ ซึ่งส่วนใหญ่จะฟ้อนเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น รำกิ่งกะหล่า(นกในนิยายเก่าแก่คนไต คล้ายกับกินรีของไทย) รำสิงโต เป็นต้น เป็นการละเล่นที่ สืบเนื่องมาจากความเชื่อว่าสัตว์โลก และสัตว์หิมพานต์พากันยินดีที่พระพุทธองค์เสด็จกลับมายังโลกมนุษย์ จึงออกมาร่ายรำรับเสด็จ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
และก่อนจะถึงวันแรม ๘ ค่ำ จะมีพิธี ‘หลู่เตนเหง’ คือ การถวายเทียนพันเล่ม โดยแห่ต้นเทียนไปถวายที่วัด และในวันแรม ๘ ค่ำ หรือวัน ‘กอยจ้อด’ อันเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลออกพรรษา ก็จะมีพิธี ‘ถวายไม้เกี๊ยะ’ โดยนำฟืน จากไม้เกี๊ยะ(สนภูเขา) มามัดรวมกันเป็นต้นสูงราว 2.5 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ราว 30 ซม. แล้วแห่ไปทำพิธีจุดถวายเป็นพุทธบูชาที่ลานวัด
ชาวไตหรือชาวไทยใหญ่ เชื่อกันว่าถ้าได้จัดทำจองพารา หรือปราสาทพระรับเสด็จพระพุทธเจ้าที่บ้านของตนเองแล้ว จะเป็นบุญกุศล ครอบครัวจะอยู่เย็นเป็นสุข การประกอบอาชีพจะได้รับผลสำเร็จตลอดปี
สำหรับปีนี้งานปอยเหลินสิบเอ็ดจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๒ ตุลาคม-๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ หากใครมีโอกาสก็ขอเชิญเข้าร่วมงานบุญปอยออกหว่า แห่จองพารากับชาวไตหรือชาวไทยใหญ่ ได้ที่แม่ฮ่องสอน เมืองแห่งหมอกสาม ฤดู(พระธาตุ)กองมูเสียดฟ้า ป่าเขียวขจี ผู้คนดี ประเพณีงาม ลือนามถิ่นบัวตอง
(จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 83 ต.ค.50 โดย เก้า มกรา)