ส่วนประกอบของสถาปัตยกรรมไทย สามารถแสดงเอกลักษณ์ในแต่ละยุคสมัย ไม่เพียงโครงสร้างอาคารเท่านั้น หากแต่หมายรวมถึงชุดประกอบหน้าบัน และองค์ประกอบอื่นของเครื่องสูงต่างๆ ที่ผ่านมาเราจะพบว่า ความหลาก หลายขององค์ประกอบเหล่านี้สามารถสืบเค้าความเป็นมา และยังสะท้อนความนิยม ในหน้าประวัติศาสตร์ได้อีกประการหนึ่ง
เรามักจะคุ้นเคยกับคำว่า ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ โดยเรียกรวมกันเป็นชุดส่วน ประกอบของหน้าบัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าบันพระอุโบสถ วิหาร ศาลา รวมไปถึงเวียงวังต่างๆ และเป็นที่ทราบกันดีว่า องค์ประกอบต่างๆเหล่านี้ จะไม่ใช้เรียกเครื่องเรือน อย่างสามัญทั่วไป โดยสงวนไว้เรียกเฉพาะอาคารที่สร้างขึ้นเนื่องในพระพุทธศาสนา และพระราชวังเท่านั้น สิ่งต่างๆเหล่านี้รวมอยู่ในส่วนที่เรียกว่า‘เครื่องลำยอง’ องค์ประกอบที่สำคัญของสถาปัตยกรรมไทย
เครื่องลำยอง คือชื่อเรียกองค์ประกอบรวมชุดหนึ่งที่ใช้ประดับปิดท้ายขอบหลังคาด้านสกัดของอาคาร คือในส่วนของหน้าบัน ประกอบด้วยช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และตัวลำยอง
ช่อฟ้า คือ ส่วนที่อยู่บริเวณยอดสุดของหน้าบันทั้งสองด้านของอาคารในงานสถาปัตยกรรมไทย โดยมีรูปลักษณะคล้ายสัตว์ปีกจำพวกนก ครุฑ คือมีจะงอยปาก ตรงส่วนกลาง ส่วนปลายทำเป็นรูปเรียวโค้งปลายสะบัด โดยมากจะเป็นรูปร่างที่ตัดทอนความสมจริงออกแล้ว คงไว้ซึ่งเค้าโครงรูปนกเท่านั้น
ใบระกา คือ ส่วนที่มีรูปทรงเป็นครีบที่มีลักษณะเรียว โค้งและปลายแหลมคล้าย ปลายมีด กลางครีบด้านหน้าถากเป็นสันนูน วางเรียงประดับตกแต่งอยู่ระหว่างช่อฟ้า และหางหงส์บนขอบสันบ่าด้านบนตลอดแนวของตัวลำยอง ในส่วนของใบระกานี้พบ ว่า บางแห่งใช้กระหนกรูปทรงต่างๆแทนครีบปลายแหลม
หางหงส์ คือ ส่วนประดับรูปทรงคล้ายหงส์ติดอยู่ปลายด้านล่างของเครื่องลำยอง โดยมากมักทำเป็นรูปโครงของนาคสามเศียรซ้อนกัน แต่ยังพบว่าหางหงส์ของเครื่อง ลำยองบางชุด ปรากฏการนำนาคมาประกอบโดยทำเป็นเศียรนาคหนึ่งเศียรก็มี
ตัวลำยอง คือ ส่วนขององค์ประกอบสำคัญของเครื่องลำยอง เป็นส่วนที่ใช้ยึด ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ โดยพาดอยู่บนหลัง‘แป’ ทำหน้าที่ปิดเครื่องมุงหลังคาด้าน สกัด ด้วยลักษณะดังกล่าว ทำให้ตัวลำยองนี้คล้ายลำตัวของนาคที่เลี้อยรอบกรอบ ของหน้าบันซึ่งมีหัวอยู่ที่ส่วนที่เรียกว่าหางหงส์
รูปแบบของเครื่องลำยองเหล่านี้เป็นที่คุ้นตากันดีอยู่แล้ว หากแต่ยังมีช่อฟ้าอีกรูปแบบหนึ่งที่มีความน่าสนใจไม่น้อย นั่นคือ ‘ช่อฟ้านกเจ่า’
ช่อฟ้านกเจ่า เป็นรูปแบบของช่อฟ้าชนิดหนึ่ง ลักษณะคล้ายหัวนก สร้างอย่าง สมจริงมีจะงอยปากงุ้มแหลม และส่วนหัวเป็นเปลว
โดยรูปแบบของช่อฟ้านกเจ่านี้ สร้างขึ้นในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ เรียกได้ว่าเป็นแบบพระราชนิยม โดยปรากฏช่อฟ้าลักษณะนี้ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม วัดโสมนัสวิหาร กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ยังพบว่าหอพระคันธารราษฎร์ ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งสร้างขึ้นใน สมัยรัชกาลที่ ๔ เพื่อประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ และพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ ของสมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ปรากฏช่อฟ้านกเจ่าที่เครื่องลำยองอันแสดงสัญลักษณ์ของศิลปะแบบพระราชนิยมด้วยเช่นกัน
กระทั่งในรัชกาลปัจจุบัน ช่อฟ้านกเจ่าได้เข้ามามีบทบาทอีกครั้ง คือ ในการบูรณะศาลหลักเมืองเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๒๙ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้หลังคาของศาลที่แต่เดิมเป็นไม้นั้น ให้เป็นแบบปูนทั้งหมด นายช่าง จึงกราบบังคมทูลว่าทำได้โดยใช้ช่อฟ้านกเจ่าแทนช่อฟ้าไม้
เมื่อพิจารณารูปแบบของช่อฟ้านกเจ่าที่มีมาแต่เดิมพบว่า ช่อฟ้านกเจ่าที่ศาลหลักเมืองนี้ มีรูปแบบต่างจากต้นแบบที่วัดเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนนทบุรีและช่อฟ้านกเจ่าที่หอพระคันธารราษฎร์ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ เช่นเดียวกัน
กล่าวคือ ช่อฟ้านกเจ่าในสมัยรัชกาลที่ ๔ นั้น มีลักษณะที่ใกล้เคียงนกมากกว่า ส่วนของหัวก็ไม่มีลักษณะทรงสูงและสะบัดเป็นรูปเปลว ยังคงมีลักษณะป้านมน จึงมีความแตกต่างจากช่อฟ้านกเจ่าที่ศาลหลักเมือง ซึ่งมีรูปร่างคล้ายนาค
เป็นไปได้ที่การออกแบบเพื่อให้ส่วนยอดของช่อฟ้าชลูด จึงจำเป็นให้ส่วนของปลายนั้นสูงขึ้นและมีลักษณะคล้ายเปลว จุดสังเกตของช่อฟ้านกเจ่า และหางหงส์เศียรนาคที่ชุดเครื่องลำยองที่ศาลหลักเมืองนั้น คือ ลายลำตัวที่มีลักษณะแตกต่างกันคือในส่วนของหางหงส์นั้นลำตัวมีเกล็ดอย่างนาคชัดเจน และส่วนของช่อฟ้า มีลวดลายคล้ายคลึงกับสัตว์ปีกอย่างหงส์
ลักษณะที่กล่าวมาทั้งหมด กล่าวได้ว่า ช่อฟ้านกเจ่านี้ เป็นหนึ่งในช่อฟ้าที่เคยได้รับความนิยม และยังคงพบรูปแบบดังกล่าวในเครื่องลำยองที่ตกแต่งให้มีความ สมจริงและมีการประดับตกแต่งด้วยเครื่องกระเบื้อง แม้ว่าจะได้รับการปรับปรุงให้มีความแปลกแตกต่างไปจากเดิม ก็ยังคงเรียกช่อฟ้าในลักษณะเช่นนี้ว่า ‘ช่อฟ้านกเจ่า’ เช่นเดิม
เอกสารอ่านประกอบ
โชติ กัลยาณมิตร. พจนานุกรมสถาปัตยกรรมและศิลปะที่เกี่ยวเนื่อง. กรุงเทพฯ: การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย,๒๕๑๘.
ศิลปากร,กรม. จดหมายเหตุการปรับปรุงศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร. กรุงเทพฯ: องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก,๒๕๓๑.
สมใจ นิ่มเล็ก. เครื่องบนและงานประดับของสถาปัตยกรรมไทย.กรุงเทพฯ: อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง,๒๕๓๙.
(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 80 ก.ค. 50 โดยนฤมล สารากรบริรักษ์)