xs
xsm
sm
md
lg

‘รอ’ อย่างมีความหวัง และตั้งสติ Since Otar Left

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เชื่อว่าหลายครั้งที่นั่งดูหนังดูละคร แล้วหันมามองตัวเอง เวลาที่ตัวละครเจอเรื่องดีๆ ทุกคนก็อยากให้ เป็นเช่นนั้น แต่เวลาที่ตัวละครทุกข์ หรือเจอวิบากกรรม ช่างฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ง่ายดายกว่าในชีวิตจริงมากมายหลายเท่านัก เคยคิดกันมั้ยว่าหากเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง คุณจะตัดสินใจหรือทำได้อย่างตัวละครนั้นหรือไม่!?

มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตอยู่ด้วยความหวัง” หวังว่าสักวันหนึ่ง... และเมื่อตั้งความหวังแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตา‘รอคอย’ ซึ่งก็มีทั้งสมหวังและผิดหวัง แตกต่างกันไปในวิถีของแต่ละคน

ดังเช่นภาพยนต์เรื่อง Since Otar left หรือในชื่อภาษาไทยว่า ‘รอ’ ที่เคยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ลิโด้ เมื่อ 3 ปีก่อน ภาพยนต์เรื่องนี้เคยเข้าฉายในงานนิวยอร์กฟิล์ม และได้รับรางวัลซีซาร์ของฝรั่งเศส (หรือรางวัลออสการ์ของฝรั่งเศส) รวมไปถึงได้รับรางวัลพิเศษจากนักวิจารณ์ในเทศกาลหนังที่เมืองคานส์อีกด้วย

เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจไม่ถูกใจคอหนังแอ๊คชั่น เพราะ ‘รอ’ คือหนังชีวิตที่ลงตัวมากเรื่องหนึ่งเท่าที่เคยดูมา ทั้งแฝงแง่คิด คติธรรม ชนิดที่คนไทยดูหนังเรื่องนี้ได้สบาย เข้าใจง่าย เป็นเรื่องราวชีวิตของแม่ผู้แก่ชราคนหนึ่ง คือคุณยายเอก้า วัยร่วม 80 ปี กับลูกชาย ลูกสาว และหลานสาว

ลูกชายซึ่งชื่อ ‘โอตาร์’ ดูเหมือนเป็นความหวังของครอบครัว และเป็นที่รักของผู้เป็นแม่ยิ่งนัก วันหนึ่งโอตาร์ต้องจาก จอร์เจียไปทำงานที่ฝรั่งเศส แต่โอต้าร์ก็ยังติดต่อแม่ผู้เป็นที่ รักอย่างสม่ำเสมอ ทั้งทางจดหมาย และทางโทรศัพท์ บางครั้งก็ส่งเงินมาให้บ้าง โดยทุกครั้งที่ได้รับจดหมาย ‘เอด้า’ ผู้เป็นหลานสาวจะเป็นผู้อ่านจดหมายของลุงให้ยายฟัง ตลอดเวลาเอก้านั่งฟังหลานสาวอ่านจดหมายอย่างเป็นสุข

ไม่นานนัก เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อเพื่อนของโอต้าร์ ส่งข่าวมายังมารีน่า ผู้เป็นน้องสาวของโอตาร์ และเอด้า ผู้เป็นหลานสาวว่าโอตาร์ประสบอุบัติเหตุตกจากอาคาร 5 ชั้น จนเสียชีวิต และศพถูกฝังที่สุสานอนาถาในกรุงปารีส ทั้งคู่รับรู้เรื่องราวอย่างเศร้าโศก แต่ก็เลือกที่จะไม่บอกคุณยายเอก้า เพราะเกรงว่าโรคหัวใจที่คุณยายเป็นอยู่นั้นจะกำเริบ

เหตุนี้เองจึงทำให้ทั้งสองแม่ลูกใช้วิธีเขียนจดหมายแทน โอต้าร์ แล้วส่งถึงคุณยายเอก้า ดังเช่นที่โอตาร์เคยทำมา ส่วนโทรศัพท์ที่โอต้าร์เคยโทรมาก็มีเพียงเสียงเรียกเข้าแล้วสายก็หลุดไป

ทุกๆวันคุณยายเอก้ารอคอยอยู่อย่างมีความหวัง ว่าลูกชายสุดรักจะกลับมาเยี่ยมบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ยินเสียงของเขาเลย แต่การรอคอยก็ไร้วี่แวว จนในที่สุดคุณยายเอก้า ก็ตัดสินใจขายทรัพย์สมบัติเก่า เพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินให้ลูกสาว และหลานสาวไปตามหาโอตาร์ที่กรุงปารีส

เช้าวันรุ่งขึ้นในปารีสคุณยายเอก้าถูกทิ้งให้อยู่ลำพังในโรงแรม โดยลูกสาวและหลานสาวแอบไปยังหลุมศพของโอตาร์ ช่วงเวลานั้นคุณยายเอก้าก็เดินออกตามหาลูกชายตาม ที่อยู่ที่ตนเคยเขียนจดหมายถึง จนในที่สุด ก็ทราบความจริง จากเพื่อนบ้านของโอตาร์ว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว

เมื่อได้รู้ความจริงเช่นนั้น หัวใจของผู้เป็นแม่ทั่วไปแล้วไม่น่าจะรับได้กับการจากไปของลูกรัก แต่สำหรับคุณยายเอก้านั้น ไม่ได้ร้องไห้ มีเพียงสีหน้าที่เรียบเฉย และแววตาที่ดูเศร้าสร้อยเท่านั้น คุณยายเอก้ารวบรวมจดหมายที่เคยส่งมาหาลูกชายติดมือกลับมาด้วย และเดินทางกลับบ้านของเธอที่จอร์เจีย...

สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณยายเอก้า ซึ่งมีชีวิตอยู่ด้วยการรอคอย ลูกผู้เป็นที่รัก และต้องผิดหวังกับการรอคอยนั้น ชี้ให้เห็นว่า การรอคอยด้วยความหวัง ในบางครั้งก็มีความทุกข์ทรมาน ซ่อนอยู่ในการรอคอยนั้น ขณะเดียวกันหากมี ‘สติ’ คอยกำกับอยู่ตลอด จะช่วยให้เข้าใจ และสามารถเตรียมใจรับกับความผิดหวังที่อาจเกิดขึ้นจากการรอคอย จนกระทั่งผ่าน พ้นเรื่องราวของความผิดหวังไปได้ด้วยดี ดังเช่นคุณยายเอก้าที่ตั้งสติ เตรียมใจรับกับการผิดหวังได้เป็นอย่างดี ชวนให้เราหันมามองตัวเองว่าหากเกิดเหตุการณ์สูญเสียของรักอย่างคุณยายเอก้า เราจะเข้มแข็งได้เท่านี้หรือไม่

ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือธรรมะเล่มหนึ่ง ที่บอกไว้ว่า ‘ความหวัง’ คือพลังชีวิต เราต้องการสิ่งใด แล้วคิดว่าสิ่งนั้นจะเป็นไปตามที่เราคิดหรือต้องการ เรียกว่า ความหวัง ความหวังทำให้คนเรามีความกระตือรือร้น ความหวังไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร หากว่าผู้นั้นได้ตั้งความหวังไว้ในทางที่ถูกที่ควร ความหวังมีผล 2 อย่างคือ ผิดหวัง และสมหวัง ซึ่ง ‘สมหวัง’ ทำให้ชีวิตสดชื่นรื่นเริง ในขณะที่ ‘ผิดหวัง’ คือทำให้รู้สึก อับเฉา เศร้าโศก ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการ

ความหวังก็มีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ หวังยาก หวังมาก และ หวังไกล

1.หวังยาก คือหวังในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก และความหวังที่ยากที่สุดคือหวังในตัวคน คือหวังจะให้เขารักเรา ช่วยเรา รองลงมาคือหวังในสิ่งของ เช่นหวังว่าพืชผลจะสมบูรณ์ดี ให้ผลผลิตมาก และหวังในเหตุการณ์ก็อย่างเช่นหวังว่าเงินเดือนจะขึ้น ฝนจะตก น้ำจะไม่ท่วม เป็นต้น

2.หวังมาก คือหวังเกินเหตุ เช่นหวังจะรวยเป็นเศรษฐีเงินล้าน มีอำนาจล้นฟ้า หวังในสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หรือหวังจะหาเมตตาจากหมู่โจร

3.หวังไกล คือหวังในสิ่งที่ห่างไกลเกินไป กว่าจะสมหวังได้ก็แทบแย่ ประมาณว่าหวังน้ำบ่อหน้า

หลายฉากหลายตอนในหนังเรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า ความหวังไม่ว่าจะหวังกับอะไรก็ตามย่อมไม่ผิด หากแต่ในการหวัง ก็ต้องเตรียมใจและรอคอยอย่างมีสติรู้เท่าทันเสมอ

(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 79 มิ.ย. 50 โดย ศุพัศจี)




กำลังโหลดความคิดเห็น