พุทธคยา ประเทศอินเดีย
ณ สถานที่แห่งนี้ แต่หากย้อนเวลากลับไปประมาณ 6 ปี ท่ามกลางความพลุกพล่านของผู้คน ใครหลายคนอาจไม่สังเกต หรือสนใจภาพที่ผู้หญิงคนหนึ่ง กำลังตั้งจิตอธิษฐานบริเวณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับตรัสรู้ ขอบารมีของพระองค์ให้เธอสามารถทำการ์ตูนประวัติพระพุทธเจ้าให้สำเร็จลุล่วง เพื่อให้เด็กและคนทั่วไปได้เข้าใจถึงคุณงามความดี และคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อทุกคนจะได้สำนึกดี และเป็นคนดีในอนาคต
เวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี จนถึงวันนี้ภาพยนตร์การ์ตูน แอนิเมชั่นเรื่อง ประวัติพระพุทธเจ้า (The Life of Buddha) แล้วเสร็จไปกว่า 80% และหากไม่มีปัญหาใดๆ ก็เชื่อว่าการ์ตูนแอนิเมชั่นฝีมือคนไทยล้วนเรื่องนี้จะสามารถฉายในโรงภาพยนตร์ได้หลังวันที่ 5 ธันวาคมศกนี้แน่นอน
• เริ่มต้นด้วยศรัทธา
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อว่าในที่สุดภาพยนตร์การ์ตูนชิ้นเอกของโลกที่ประสบปัญหาการเงินมาตลอดระยะเวลาการทำงานกำลังจะสำเร็จลุล่วงลงได้ด้วยดี
จากงบประมาณที่วางไว้ 50 ล้านบาทในช่วงเริ่มโครงการ ขยับเป็น 80 ล้านบาท และบานปลายขึ้นไปถึง 100 ล้านบาท ทำให้สถานะทางการเงินของ ‘เธอ’ มีปัญหาถึง ขนาดต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะเป็นบ้าน ที่ดิน รถยนต์ และเริ่มกู้หนี้ยืมสินจากญาติพี่น้องเพื่อน ฝูง กลายเป็นหนี้สินพอกพูนหลายสิบล้าน เนื่องจากไม่มี ธนาคารแห่งไหนยอมให้กู้ ขณะเดียวกันความหวังที่จะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐก็ไร้วี่แวว แต่ด้วย ความตั้งใจจะผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้ให้สำเร็จ ทำให้ ‘เธอ’ จำเป็นต้องเดินหน้าต่อไป
‘เธอ’ คนนี้คือ ‘ดร.วัลลภา พิมพ์ทอง’ ผู้ศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างเต็มเปี่ยม หลังได้ศึกษาปริญญาโท และเอก ด้านบริหารธุรกิจจากประเทศอินเดีย ปัจจุบันเป็นประธานบริษัท มีเดีย สแตนดาร์ด จำกัด เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการตรวจสอบเนื้อหา ที่ได้รับการแต่งตั้งโดย พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มีพระสุธีวรญาณ เป็นประธานกรรมการ) และเป็นกรรมการกลุ่มธรรมะการ์ตูน 80 พรรษามหาราช
วัตถุประสงค์หลักในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้นอกจากต้องการเผยแพร่พระประวัติของพระพุทธเจ้า นับตั้งแต่ประสูติ เสด็จออกบรรพชา บำเพ็ญเพียร ตรัสรู้ เสด็จจาริกออกแสดงธรรมโปรดสัตว์โลก จนถึงปรินิพพานแล้ว ยังเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสที่ทรงมีพระชนมายุครบ 80 พรรษาในปี 2550 อีกด้วย
เหตุผลที่ ‘ประวัติพระพุทธเจ้า’ ต้องนำเสนอในรูป แบบของภาพยนตร์แอนิเมชั่นความยาว 100 นาที ทั้งที่ต้องใช้เงินในการสร้างถึง 108 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าเมื่อเทียบกับการสร้างเป็นภาพยนตร์ทั่วๆไปก็เพราะ ประการแรก เพื่อเป็นสื่อการสอนการเผยแพร่พระพุทธศาสนาที่ทันสมัย และเข้าถึงคนทุกกลุ่มโดยเฉพาะเด็ก และเยาวชน
ประการที่สอง เพื่อส่งเสริมการเผยแพร่พระพุทธศาสนา และยกระดับการเผย แพร่พระพุทธศาสนาในเมืองไทยให้ก้าวไกลไปสู่ระดับสากล โดยแปลเป็นภาษานานา ชาติ 5 ภาษาเป็นอย่างน้อย คือ อังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และเยอรมัน
ประการที่สาม เพื่อให้ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องนี้เป็นโครงการนำร่องให้คนต่างประเทศได้รับรู้ว่าคนไทยมีฝีมือระดับสากล ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยในสายตาของนานาชาติ เนื่องจากภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ผลิตด้วยความละเอียด 24 ภาพต่อวินาที ซึ่งเป็นมาตรฐานงานการ์ตูนระดับสากล
“ที่ต้องทำ 24 รูปภาพก็เพราะต้องให้ลูกหลานของเราประทับใจด้วยรูปลักษณ์ เพื่อให้น้อมนำมาสู่เรื่องราว ถ้าไม่สวยเด็กคงไม่อยากดู และต้องการให้ติดตาว่าพระพุทธเจ้าของเราเป็นแบบนี้ ถ้าเราวาดไม่สวย ลักษณะการเดินไม่นุ่มนวลอย่าทำเลยดีกว่า” เป็นคำกล่าวของวัลลภา พิมพ์ทอง
ประการที่สี่ ทีมผู้สร้างเห็นว่าหากทำเป็นภาพยนตร์ธรรมดา คงเป็นเรื่องยากที่จะหาใครสักคนมาแสดงเป็นพระพุทธเจ้า เพราะเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งผู้แสดงคนนั้นอาจไปประพฤติสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม เด็กและเยาวชนจะจำติดตาว่าคนนี้เคยแสดงเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งทำให้ภาพลักษณ์ของพระพุทธองค์เสื่อมเสีย
• ผ่านการค้นคว้าก่อนลงมือ
แม้ว่าการ์ตูน ‘ประวัติพระพุทธเจ้า’ ที่ผลิตโดยบริษัท มีเดีย สแตนดาร์ด จำกัด จะไม่ใช่ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกในโลกที่ถูกผลิตออกมา ด้วยตลอดเวลาที่ผ่านมามีพุทธศาสนิกชนชาติต่างๆ อาทิ จีน ญี่ปุ่น รวมทั้งชาวยุโรปพยายามทำพระประวัติส่วนนี้ออกมาเผยแพร่ แต่เท่าที่พบอาจเรียกได้ว่ายังไม่สมบูรณ์ บางเรื่องบางตอน มีเนื้อหาขัดแย้งกับคัมภีร์พระไตรปิฎก และอรรถกถาบาลี ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของพระพุทธเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดของโลก
ขณะที่ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องประวัติพระพุทธเจ้าฝีมือคนไทยนั้น จะมีเนื้อหาสอดคล้องกับพระไตรปิฎก และอรรถกถา โดยบอกว่าศาสนาพุทธสอนอะไร พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ทำไมต้องมีอหิงสกะ เหตุใดพระโมคลานะต้องถูกทุบในวาระสุด ท้าย
“เรื่องราวในการ์ตูนจะบอกให้รู้ว่า เราไม่สามารถจะหลีกหนีกรรมที่เราทำไว้ จะได้ให้เด็กทำแต่ความดี สังคมจะได้ดีขึ้น การ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นก้าวแรกให้เด็กหันมาใส่ใจในพระพุทธศาสนา ส่วนการเข้าไปถึงระดับวิปัสสนาก็เป็นเรื่องของพระผู้รู้ที่ท่าน จะสอนได้ง่ายขึ้น และหนังเรื่องนี้เราไม่ได้เชิญชวนคนที่นับถือศาสนาอื่นให้หันมานับถือศาสนาพุทธ แต่ให้รู้ว่าศาสนาของเราสอนอะไร การมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรบ้าง”
ภาพยนตร์เรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องที่ดำเนินตามพระไตรปิฎก และอรรถกถา แต่ทางคณะผู้สร้างได้คำนึงถึงความเป็นมนุษย์ของตัวละครที่ต้องเผชิญทั้งสุขและทุกข์ ความสมหวังและผิดหวัง ขณะที่เรื่องอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ต่างๆเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า แม้เป็นเรื่องที่คนปัจจุบันรับได้ยาก แต่ผู้สร้างก็มิได้มองข้าม และพยายามเสนออย่าง สมเหตุสมผลเพื่อให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับบุคคลสำคัญอย่างพระพุทธเจ้า
• จากศรัทธาถึงภาพจริงบนจอ
ปลายปี 2546 คือช่วงแรกๆของการเริ่มต้นทำงานแอนิเมชั่น 2 มิติฟอร์มยักษ์ของคนไทย ในช่วงนั้น ดร.วัลลภา ต้องการผลิตการ์ตูนขึ้นมาสักเรื่องเพื่อเป็นพุทธบูชา และถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 80 พรรษา และเพื่อเป็นสื่อในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาไปยังเด็กและเยาวชน เนื่องจากเห็นว่าการ์ตูนเป็นสื่อที่สามารถเข้าถึงเด็กได้ดีที่สุด เพราะดร.วัลลภามีประสบการณ์ในการทำสื่อการ์ตูนเพื่อการเรียนการสอนอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าหากผลิตการ์ตูนแอนิเมชั่น ‘ประวัติพระพุทธเจ้า’ ขึ้นมา ก็น่าจะทำ ให้เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงศาสนาพุทธได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากธรรมชาติของเด็กจะให้ความสนใจการ์ตูนมากกว่าสื่อประเภทอื่นๆ
เมื่อเป็นเช่นนี้อาจารย์วัลลภาจึงก่อตั้ง‘กลุ่มธรรมะการ์ตูน 80 พรรษามหาราช’ ขึ้น มีพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี เป็นประธานคณะทำงาน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ ส่วนคณะกรรมการประกอบด้วย รศ.ดร. กฤษมันต์ วัฒนาณรงค์, ปริชญา พรประภา, ดร.วัลลภา พิมพ์ทอง, เชิดพงษ์ ศรีสุธรรม, ปริญญา โบราณประสิทธิ์ และแทนคุณ จิตต์อิสระ โดยท่าน ว.วชิรเมธี จะให้ คำปรึกษาในเรื่องของเนื้อหา ภาษา
“ทางกลุ่มธรรมะการ์ตูนเข้ามาขอให้ท่าน ว. เป็นที่ปรึกษาฝ่ายสงฆ์ ซึ่งท่านก็ยินดีและเข้าไปร่วมเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ในช่วงแรกๆท่านจะเข้าไปดูเยอะมาก เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นผลิต โดยทีมงานจะนัดเข้ามาขอคำปรึกษา เช่น ในฉากประสูติ หรือขอ คำแนะนำเรื่องรูปแบบของตัวละคร เช่น ตัวผู้หญิงจะปรับแก้ให้เป็นสากลมากขึ้น ไม่อยากให้ดูเป็นคนไทยเกินไป เพื่อให้ทุกชาติสามารถดูได้” ผู้ใกล้ชิดกับท่าน ว.วชิรเมธี อธิบายให้ฟัง
จากความตั้งใจที่จะให้การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องประวัติพระพุทธเจ้าเป็นสากลในครั้งกระนั้น จึงก่อให้เกิดรูปร่างหน้าตาของพระพุทธเจ้าออกมาดังที่กำลังจะปรากฏในโรงภาพยนตร์อีกไม่นานนัก และเชื่อหรือไม่ว่าอีกกว่า 100 คาแรกเตอร์ที่ปรากฏอยู่ในการ์ตูนแอนิเมชั่น ‘ประวัติพระพุทธเจ้า’ นั้น มาจากความคิด และจินตนาการ ของคนไทยล้วนๆ
บางคนอาจมีคำถามว่า แล้วทำไมพระพุทธเจ้าที่ปรากฏอยู่ในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ จึงมีพระพักตร์ออกไปทางจีนๆ ทำไมไม่ดูเป็นไทย หรืออินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระองค์ประสูติ?
เรื่องนี้ วัลลภา พิมพ์ทอง อธิบายว่า รูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าที่ปรากฏนั้นเป็น จินตนาการของผู้จัดทำที่ต้องการให้พระองค์มีความเป็นสากลให้ประเทศอื่นรับได้ ขณะเดียวกันก็ยังต้องศึกษาลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการก่อน กว่าจะออกมาแบบ นี้ต้องปรับเปลี่ยนถึง 4 ครั้ง เนื่องจากในครั้งแรกๆจะมีความเป็นการ์ตูนค่อนข้างสูง จึงต้องทำแล้วทำอีก เพราะพระองค์ท่านคือปุถุชนที่มีชีวิตจริง
• ทีมวาดระดับอินเตอร์ ‘วอลท์ ดิสนีย์’
สำหรับทีมงานผู้ผลิตแอนิเมชั่น ส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์การทำงานไม่ต่ำกว่า 10 ปี เกือบทั้งหมดร่ำเรียนมาทางวาดรูป เขียนแบบ แล้วจึงเข้าสู่ขบวนการของการ ทำงาน ฝึกฝนจากง่ายไปสู่ความยากเพื่อสั่งสมประสบการณ์ ส่วนผู้ที่เคยทำงานกับวอลท์ ดีสนีย์นั้น ที่ผ่านมาจะเป็นการวาดรูปตามแบบที่มีมาให้ ไม่เคยทำเสร็จกระบวนการตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ในแอนิเมชั่นประวัติพระพุทธเจ้าจะเริ่มทำตั้งแต่ Pre-Production, Production และ Post-Production
ด้วยความที่ตัวละครมีเป็นจำนวนมาก เพราะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติ ตรัสรู้ จนถึงปรินิพพาน ทำให้ต้องวาดภาพมากกว่า 7 แสนแผ่น พร้อมด้วยทีมทำงานกว่า 50 คน แต่ในวันนี้หลายขั้นตอนเสร็จสิ้นไปแล้ว เหลือเพียงแค่ลงสี และลงเสียงเท่านั้น ทำให้ทีมงานในวันนี้จึงเหลือเพียง 20 คน ซึ่งเพียง พอที่จะทำให้การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องนี้เสร็จได้ทันเป้าหมาย ถูกต้อง และออกมาดีสมใจ
แม้ว่าเวลานี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าแอนิเมชั่นฝีมือคนไทยมาตรฐานสากลเรื่องนี้จะออกมางดงามเพียงใด แต่สิ่งหนึ่งที่อาจพอให้ความมั่นใจว่าภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องประวัติพระพุทธเจ้าจะออกมางดงามสมใจก็คือ ทีมงานผู้ผลิตบางคนมีประสบการณ์กับการทำงานในวงการแอนิเมชั่นระดับโลกมาหลายปี อย่างเช่น วิษณุกร คงสมศักดิ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค บริษัท มีเดีย สแตนดาร์ด เคยทำงานร่วมกับไทยหวัง ฟิล์มโปรดักชั่น บริษัทในเครือหวังฟิล์มของไต้หวัน รับผลิตงานจากค่ายภาพยนตร์ชั้นนำจากฮอลลีวู้ด เช่น วอลท์ ดีสนีย์, วอร์เนอร์ บราเธอร์ส และ เอ็มจีเอ็ม โดยภาพยนตร์ที่วิษณุกรเคยมีส่วนร่วมได้แก่ มู่หลาน ทาร์ซาน ไลอ้อนคิงส์ เฮอร์คิวลิส การ์ฟิลด์ และอื่นๆกว่า 30 เรื่อง
“การมาทำงานในจุดนี้มีความยากกว่า เนื่องจากเป็นงานที่จะต้องอาศัยไอเดียสร้างสรรค์ ซึ่งต่างจากการทำงานให้กับบริษัทใหญ่ที่เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงแต่ทำงานตามกระบวนการหรือตามคำสั่งให้บรรลุผลเท่านั้น”
• ปักธงธรรม 360 องศา
ช่วงเวลาที่ผ่านมาการเผยแพร่คำสั่งสอนของพระพุทธองค์มีหลากหลายรูปแบบ เรียกได้ว่าครบวงจรของสื่อทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ วิดีโอ ซีดี ดีวีดี เพลง การบรรยาย ภาพยนตร์ และภาพยนตร์แอนิเมชั่น และอื่นๆ เพื่อให้เข้าถึงผู้สนใจทุกกลุ่มทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันถือเป็นช่วงเวลาที่หนังสือธรรมะเบิกบานอย่างยิ่ง มีหนังสือเผยแพร่ความเข้าใจในหลักธรรมปฏิบัติขององค์สมเด็จพระสัมมนาสัมพุทธเจ้าออกมาจากหลายสำนักพิมพ์ หลายหัวหนังสือ สามารถสร้าง ยอดขาย และสร้างสถิติการพิมพ์ซ้ำมากมายเป็นประวัติการณ์
แม้จะมีการผลิตสื่อธรรมออกมามากมาย แต่ยังไม่มีใครผลิตสื่อธรรมแบบองค์ รวม ซึ่งในที่นี้หมายถึง ผู้ผลิตรายเดียว ผลิตเนื้อหาครั้งเดียว แต่ครอบคลุมไปทุกสื่อ ขณะที่การ์ตูนแอนิเมชั่นเรื่องประวัติพระพุทธเจ้านั้น นอกจากจะผลิตเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์แล้ว ยังมีแผนทำเป็นวีซีดี หนังสือเพื่อจำหน่ายและแจกจ่ายไปยังโรงเรียนและผู้สนใจ ตลอดจนทำเป็นซีรีส์การ์ตูนที่มีความละเอียดยิ่งกว่า และลึกมาก กว่าเพื่อฉายในฟรีทีวีอีกด้วย
ที่สำคัญการปักธง ‘ธรรม’ ด้วยการตูนแอนิเมชั่นนี้ไม่ได้ปักแค่ในเมืองไทยเท่านั้น แต่ทีมงานผู้สร้างมีแผนนำธงธรรมนี้ไปปักยังต่างแดนในหลายประเทศอีกด้วย
• ‘โมโนฟิล์ม’ ร่วมเคลื่อนวงล้อธรรมสู่ตลาดโลก
อีกกลไกสำคัญที่มีส่วนในการผลักดันภาพยนตร์การ์ตูน ‘ประวัติพระพุทธเจ้า’ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในตลาดโลกก็คือ บริษัท โมโนฟิล์ม จำกัด โดย ‘จิรัญ รัตนวิริยะชัย’ กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยกับมีเดีย สแตนดาร์ด แต่คงเป็นที่แน่นอนแล้วว่า โมโนฟิล์มจะรับผิดชอบในการนำภาพยนตร์ การ์ตูนชุดประวัติพระพุทธเจ้าออกจำหน่ายในตลาดต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้จะนำเข้าร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส เป็นลำดับแรก ก่อนจะนำเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์ชั้นนำอีก 4 รายการทั่วโลกภายในปี นี้ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา, กรุงเบอร์ลิน เยอรมนี, เมืองปูซาน เกาหลีใต้ และฮ่องกง เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากบริษัทผู้จัดจำหน่ายจากทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรปหลายประเทศแน่นอน
“คาดว่ายุโรปจะเป็นตลาดสำคัญที่ให้ความสนใจซื้อ หากได้เห็นคุณภาพของหนัง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีบริษัทผู้จำหน่ายจากเยอรมนี มาขอซื้อลิขสิทธิ์จากมีเดีย สแตนดาร์ด ในราคา 200 ล้านบาท แต่ผู้บริหารของมีเดียสแตนดาร์ดไม่มีความชำนาญใน การทำธุรกิจกับต่างประเทศ ดังนั้น โมโนฟิล์มก็จะเป็นตัวแทนในการเจรจาอีกครั้ง ซึ่งความร่วมมือระหว่างโมโนฟิล์มกับมีเดียสแตนดาร์ดครั้งนี้เป็นการทำด้วยใจ เราอยากเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ในการปลูกฝังให้เยาวชนไทย คนไทย มีความศรัทธาในองค์พระพุทธเจ้า เมื่อมีเดียสแตนดาร์ดมั่นใจในคุณภาพการทำงาน ของโมโนฟิล์ม เราก็มีความศรัทธาที่จะร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมไทย และขยายไปสู่สังคมโลก โดยไม่สนใจเรื่องค่าใช้จ่าย” กรรมการผู้จัดการโมโนฟิล์ม กล่าวในท้ายที่สุด
จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่าเมื่อถึงวันนั้น ‘วงล้อธรรม’ คำสั่งสอนของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ทรงแสดงไว้เมื่อ 2,550 ปีที่แล้ว จะยิ่งเผยแพร่ออกไปกว้างขวางมากยิ่งขึ้น และลงลึกในใจเด็กและเยาวชนคนทั่วโลกมากยิ่งขึ้นไปด้วย
(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 78 พ.ค. 50 โดย ก่อเกียรติ ดวงมณี)