xs
xsm
sm
md
lg

อุโบสถชั้นสองสมัยโบราณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


พุทธศิลป์ต่างๆไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป วัดวาอาราม หรือแม้แต่ลวดลายประดับ นอกจากจะให้ความงดงาม และรับใช้พระพุทธศาสนาแล้ว ยังพบว่าสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้แฝงความหมายที่มีประโยชน์ต่อการศึกษาในแง่ ของวัฒนธรรมด้วยโดยมีลักษณะในรูปแบบของสัญลักษณ์หรือที่เรียกว่าประติมาณวิทยา ดังจะพบเสมอๆในภาพเล่าเรื่องไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรมประติมากรรม หรือแม้ แต่การประดับตกแต่งสถาปัตยกรรม
ระบบสัญลักษณ์เข้ามามีบทบาทในการแทนค่าความหมายของงานศิลปะมาตั้งแต่ครั้งยังไม่มีอักษรในการสื่อสาร ภาษาที่ใช้จึงเป็นการแสดงภาพ มากกว่า อย่างเช่นการประดับลวดลายสถาปัตยกรรมด้วยปูนปั้น ที่บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ หรือชาดกต่างๆ นับว่าเป็นการถ่ายทอดผ่านงานช่างโดยแฝงไว้ด้วยความหมายนอกเหนือไปจากประโยชน์ใช้สอย
ตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจได้แก่ การศึกษาถึงที่มาของโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมต่างๆในพุทธสถาน ซึ่งอาคารต่างๆเหล่านั้นล้วนแต่มีความหมาย ของเรือนฐานันดรทั้งสิ้น นั่นหมายความว่าเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้า หรือพระสาวก หรืออาจมีความหมายถึงที่ประทับของเทพบนสวรรค์
อย่างเช่นพระอุโบสถ พบว่าในส่วนของหลังคานั้นจะมีความพิเศษแตกต่าง ไปจากเคหสถานทั่วไป คือจะมีการซ้อนกันเป็นชั้นๆของแผ่นหลังคา จากขนาด ใหญ่จนถึงขนาดย่อมลงไป สัญลักษณ์ดังกล่าวนี้มีความหมายถึงเรือนที่มีชั้นเท่าจำนวนเท่าหลังคาที่ซ้อนทับกัน ยิ่งทับซ้อนกันมากเท่าไร ยิ่งมีความหมาย ว่าเป็นอาคารฐานันดรสูงมากตามเท่านั้น (ลักษณะดังกล่าวมานี้ได้ปรากฏกับพระราชวังด้วยเช่นกัน)
ถึงแม้ว่าอุโบสถในระยะหลังนั้นๆจะมีเพียงชั้นเดียวก็ตาม แต่ก็ได้สะท้อนความเป็นเรือนเครื่องสูงไว้บนการซ้อนชั้นของหลังคาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้ ยังพบว่าความนิยมในการทำช่องแสงในสมัยก่อนได้สะท้อนสัญลักษณ์ของเรือนเครื่องสูงในลักษณะเช่นนี้ด้วยเช่นกัน จะขอยกตัวอย่างวัดเก่าตั้งแต่สมัยอยุธยาที่ยังรักษาคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมไว้ได้เป็นอย่างดี นั่นคือวัดบางยี่ขัน เขตบางกอกน้อยกรุงเทพมหานคร
ภายในวัดแห่งนี้มีอุโบสถฝีมือช่างสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ตัวอาคาร ก่อด้วยอิฐถือปูน มีหน้าบันที่ประดับด้วยเทพพนมตรงกลางลายก้านขด คันทวยเป็นไม้แกะสลัก ใบเสมารอบอุโบสถทำด้วยศิลาทรายสีแดง ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังภาพเทพชุมนุมและภาพทศชาติชาดกฝีมือคงแป๊ะ (วาดในคราวบูรณะวัดในสมัยรัชกาลที่ ๓) พระประธานในอุโบสถ เป็นพระศิลาทรายปางสมาธิสมัยอยุธยา
การสื่อความหมายของเรือนฐานันดร ปรากฏในส่วนของผนังใต้หน้าบันของพระอุโบสถ นั่นคือช่องแสงของอุโบสถ โดยสร้างเป็น การจำลองอาคาร มีส่วนทางเข้าที่ทำเป็นประตูโดยใช้ไม้เป็นส่วนประกอบ ส่วนยอดของช่องเป็น การจำลองปราสาทยอด เจดีย์ย่อมุมประดับลวด ลายปูนปั้น ซึ่งลักษณะดังกล่าวนี้เป็นรูปแบบที่พบมาตั้งแต่สมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สัญลักษณ์ดังกล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นการสะท้อนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาในการออกแบบให้มีความแตกต่าง ไปจากเรือนอาศัยของฆราวาส ทั้งไม่เป็นที่นิยมว่าจะให้มีสิ่งใด อยู่เหนือพระประธาน จึงสร้างพระอุโบสถที่มีชั้นเดียว แต่แสดงความเป็นเรือนอย่างปราสาทที่มีจำนวนชั้นมากนั้นด้วยจำนวนการซ้อนของแผ่นหลังคา ซึ่งแตกต่างจาก ปัจจุบันโดยสิ้นเชิง เราจึงพบอุโบสถที่มีสองชั้นอย่างอาคารสถานที่ต่างๆ นั่นเป็นเพราะว่า หน้าที่การใช้สอยของ อุโบสถนั้นแตกต่างไปแล้ว

เอกสารอ่านประกอบ
สันติ เล็กสุขุม.ข้อมูลกับมุมมอง : ศิลปะรัตนโกสินทร์.กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๘.
_________ . ศิลปะอยุธยา : งานช่างหลวงแห่งแผ่นดิน.กรุงเทพฯ : เมืองโบราณ, ๒๕๔๒.
หม่อมเจ้าสุภัทรดิศ ดิศกุล.ศิลปะในประเทศไทย.กรุงเทพฯ : ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร, ๒๕๔๖.

(จากหนังสือพิมพ์ธรรมลีลา ฉบับที่ 78 พ.ค. 50 โดยนฤมล สารากรบริรักษ์)
กำลังโหลดความคิดเห็น